อิตาลี พบ อังกฤษ: วิเคราะห์ 4 ประเด็นสำคัญก่อนเกม ยูโร 2020 นัดชิงชนะเลิศ

The Italy and England Badges with the Euro 2022 Logo
The Italy and England Badges with the Euro 2022 Logo / Visionhaus/Getty Images
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน : ฟุตบอล ยูโร 2020 รอบชิงชนะเลิศ
วันแข่งขัน : คืนวันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม 2021
เวลาแข่งขัน : 02.00 น. ตามเวลาประเทศไทย
คู่แข่งขัน : อิตาลี พบ อังกฤษ
สนาม : เวมบลีย์ (กรุงลอนดอน)
ช่องทางรับชม : NBT 2 HD, True Sports HD


1. พรีวิว อิตาลี พบ อังกฤษ

Roberto Mancini
Italy Travel To London / Claudio Villa/Getty Images

อิตาลี ตื่นจากสถานะยักษ์หลับหลังจากผ่านพ้นยุคมืดนับตั้งแต่ร่วงตกรอบทัวร์นาเมนต์ระดับเมเจอร์อย่าง ฟุตบอลโลก เมื่อปี 2018 พลพรรค อัซซูรี ภายใต้การคุมทัพของ โรแบร์โต้ มันชินี ยกเครื่องใหม่กลายเป็นทีมที่เล่นเกมรุกได้อย่างน่าตื่นตาตื่นใจโดยมีรากฐานการดีเอ็นเอเกมรับที่เหนียวแน่น

พวกเขาผ่านรอบแบ่งกลุ่มโดยไม่เสียแม้สัก 1 ประตูให้กับเพื่อนร่วมกลุ่มอย่าง ตุรกี, สวิตเซอร์แลนด์ และ เวลส์ ก่อนจะขโยกผ่าน ออสเตรีย กับ เบลเยียม ด้วยสกอร์ 2-1 เท่ากัน และรากเลือดในการดวลลูกจุดโทษกับ สเปน หลังเสมอกันในเวลา 120 นาที 1-1 ยืดสถิติไร้พ่ายติดต่อกัน 33 นัดเข้าไปแล้ว ทั้งนี้ ความสำเร็จระดับเมเจอร์ครั้งล่าสุดของพวกเขาคือแชมป์ ฟุตบอลโลก 2006 และยังมีศักดิ์ศรีเป็นแชมป์ ยูโร 1 สมัย

ขณะที่ อังกฤษ ภายใต้การคุมทัพของ แกเร็ธ เซาธ์เกต ฮึกเหิมอย่างเต็มที่ท่ามกลางเสียงเพลง ฟุตบอลส์ คัมมิง โฮม ที่ดังกึกก้อง โดยนับเป็นการเข้าใกล้แชมป์ระดับเมเจอร์เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่การคว้าแชมป์ ฟุตบอลโลก 1966

แม้ทัพ สิงโตคำราม จะมีทรัพยากรแนวรุกระดับพระกาฬแต่เช่นเดียวกับ อิตาลี ที่รูปแบบการเล่นของพวกเขามีรากฐานมาจากเกมรับที่แน่นหนาโดยจนถึงตอนนี้ ทรีไลอ้อนส์ เพิ่งจะเสียไปเพียง 1 ประตูในเกมกับ เดนมาร์ก เท่านั้น

2. ความพร้อมล่าสุดทีมชาติ อิตาลี

Roberto Mancini, Marco Verratti, Giorgio Chiellini
Italy Training Session and Press Conference - UEFA Euro 2020: Final / Claudio Villa/Getty Images

เลโอนาร์โด้ สปินาซโซลา แบ็คซ้ายฟอร์มฮ็อตปิดฉาก ยูโร 2020 ไปเป็นที่เรียบร้อยจากอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวายตั้งแต่เกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับ เบลเยียม โดยคาดการณ์ว่า เอเมอร์สัน พัลมิเอรี จะลงทำหน้าที่แทนประสานงานร่วมกับ จอร์โจ คิเอลลินี, เลโอนาโด้ โบนุชชี และ จิโอวานี ดิ ลอเรนโซ ในแผงแบ็คโฟร์หน้า จานลุยจิ ดอนนารุมมา

มาร์โก้ แวร์รัตติ เคยแสดงให้เห็นแล้วว่าเขาได้รับความเชื่อมั่นจาก มันชินี เมื่อกลับมาฟิตเต็มถึงแม้ว่า มานูเอล โลคาเตลลี จะฟอร์มร้อนแรงในช่วงหลังก็ตาม โดยมิดฟิลด์จาก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง จะเล่นร่วมกับ จอร์จินโญ และ นิโคโล บาเรลลา ที่แดนกลาง

อันเดรีย เบลอตติ ไม่สามารถงัดผลงานที่น่าประทับใจได้ในฐานะตัวสำรองตลอดทัวร์นาเมนต์นี้และคาดว่า ชิโร อิมโมบิเล จะสามารถรักษาตำแหน่งตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศได้ประสานงานร่วมกับ ลอเรนโซ อินซินเญ และ เฟเดริโก้ คิเอซา

3. ความพร้อมทีมชาติอังกฤษ

FBL-EURO-2020-2021-ENG-TRAINING
FBL-EURO-2020-2021-ENG-TRAINING / PAUL ELLIS/Getty Images

แกเร็ธ เซาธ์เกต ต้องทำการบ้านอย่างหนักถึงรูปแบบการเล่นที่จะใช้รับมือกับ อิตาลี โดยมี 4-2-3-1 และ 3-5-2/3-4-3 เป็นทางแยกโดยมีตัวเลือกอย่าง คีแรน ทริปเปียร์ ที่พร้อมจะทำหน้าที่ในบทบาทวิงแบ็คและหุบเอา ไคล์ วอล์คเกอร์ เข้าไปเป็น 1 ใน 3 ปราการหลังตัวกลางร่วมกับ จอห์น สโตนส์ และ แฮร์รี แม็คไกวร์ ขณะที่ ลุค ชอว์ จะได้ออกสตาร์ที่ตำแหน่งวิงแบ็คฝั่งซ้ายเพื่อรับมือกับ เฟเดริโก้ คิเอซา

กลางสนามจะยังคงเป้น ดีแคลน ไรซ์ ทำหน้าที่ร่วมกับ คาลวิน ฟิลลิปส์ เช่นเคย

บูคาโย ซาก้า พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าเขามีความสมดุลทั้งในเกมรับและเกมรุกมากกว่าตัวเลือกอย่าง เจดอน ซานโช, ฟิล โฟเด้น และ แจ็ค กรีลิช ทำให้คาดการณ์ได้ว่าวันเดอร์คิดจาก อาร์เซนอล จะได้ลงเล่นร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ แฮร์รี เคน ที่แดนบน

4. คาดการณ์ความเป็นไปของเกม

INDIA-SPORTS-FBL-EURO-2020-2021-ENG-ITA
INDIA-SPORTS-FBL-EURO-2020-2021-ENG-ITA / DIBYANGSHU SARKAR/Getty Images

อิตาลี ดูจะขาดอาวุธหนักเมื่อทีเด็ดจากการโอเวอร์แล็ปของ เอเมอร์สัน ไม่อาจเทียบเท่า สปินาซโซลา ได้ขณะที่แนวรุกอันคล่องแคล่วของ อังกฤษ อย่าง สเตอร์ลิง กับ ซาก้า จะได้ดวลจังหวะอย่างถึงพริกถึงขิงกับ คิเอลลีนี และ โบนุชชี

นอกจาก 11 ตัวจริงที่แข็งแกร่งแล้วทั้ง 2 ทีมยังมีทรัพยากรบนม้านั่งสำรองที่สามารถพลิกเกมได้อย่าง มานูเอล โลคาเตลลี หรือ มัตเตโอ เปสซินา ของทัพ อัซซูรี ซึ่งโดดเด่นในการทะยานเติมเกมจากแดนกลางสู่กรอบเขตโทษ กระทั่ง โดเมนิโก้ เบร์ราร์ดี้ ซึ่งวูบวาบที่ริมเส้น

ซุ้มม้านั่งสำรองของ สิงโตคำราม ยังมีไพ่ตายอย่าง แจ็ค กรีลิช, เจดอน ซานโช กระทั่ง เมสัน เมาท์ หรือ มาร์คัส แรชฟอร์ด ที่รอคอยโอกาส

เกมที่เต็มไปด้วยความกดดันอย่างนัดชิงชนะเลิศจะถูกขับเคลื่อนและตัดสินด้วยความผิดพลาดเพียงเล็กน้อย ซึ่งนั่นหมายถึงการที่ขงเบ้งของอีกฝ่ายจะส่งไพ่ตายเพื่อลงมาเปลี่ยนโมเมนตัมของเกม

มีความเป็นไปได้สูงที่เวลา 90 หรือ 120 นาทีจะไม่อาจบ่งชี้ผู้ชนะได้


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด