"เก่งพอก็แก่พอ" กับ คาร์ลอส เกวสต้า - FEATURES

Tottenham Hotspur v Arsenal: The MIND Series
Tottenham Hotspur v Arsenal: The MIND Series / Matthew Ashton - AMA/GettyImages
facebooktwitterreddit

คาร์ลอส เกวสต้า กลายเป็นชื่อที่แฟนบอลอาร์เซนอลหลายคนอยากรู้จักเขาทันที หลังจากหนุ่มสเปนที่อายุไม่ถึง 30 ปีคนนี้ เข้ามาเป็นทีมงานของอาร์เซนอล และมีบทบาทไม่น้อยในสารคดีฟุตบอลของสโมสร “All or Nothing: Arsenal” ซึ่งกำลังออกฉายผ่านทาง Amazon Prime Video อยู่ในเวลานี้ 

เด็กหนุ่มที่เกิดในมายอร์ก้า ประเทศสเปน จากเด็กหนุ่มคนหนึ่งในจำนวนไม่น้อย ที่หลงรักในฟุตบอล แต่ไม่ได้เลือกเส้นทางในการเข้าสู่วงการอาชีพนักเตะ แต่เลือกเข้าสู่วงการในการทำงานร่วมกับนักเตะแทนนั่นคือในส่วนของวงการโค้ช และเขาก็ได้งานแรก

จุดเริ่มต้นของ เกวสต้า ในวงการฟุตบอล เริ่มต้นจากในช่วงชีวิตมัธยม ก้าวเข้าสู่ชีวิตรั้วมหาวิทยาลัย เส้นทางงานโค้ชไม่เหมือนกับเส้นทางของนักเตะอาชีพที่ นักเตะอาชีพ หลายคนเรียนจบเพียงมัธยมปลายก็มีไม่น้อย และก็ใช้เวลาที่เหลือในการทุ่มเทกับการเล่นฟุตบอล เพื่อผลักดันตนเองไปสู่ชื่อเสียง เกียรติยศ และเงินตรา แต่กับงานโค้ช มันไม่ได้ต่างอะไรจากการทำงานทั่วไป คุณต้องเริ่มต้นจากการใฝ่รู้ และต้องรู้ให้จริงในการทำงานของคุณ และไม่มีที่ไหนจะสอนคุณได้เท่ากับรั้วมหาวิทยาลัย เป็นจุดแรกเริ่ม ก่อนเข้าสู่สนามจริงในวงการอาชีพกันต่อไป แต่เกวสต้า จะต่างไปสักหน่อยเขาโชคดีที่ตัวเองได้งานกับ แอตเลติโก มาดริด ในทีมเยาวชนอายุต่ำกว่า 13 ปี ซึ่งเขาทำงานเป็นงานพาร์ทไทม์ เพราะตัวเองต้องไปเรียนในระดับมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ 

เกวสต้า ในช่วงมหาวิทยาลัย เขาตัดสินใจออกจากบ้านในสเปน มุ่งหน้าสู่โปรตุเกสด้วยการย้ายไปเรียนในมหาวิทยาลัยปอร์โต้ (University of Porto) ในประเทศโปรตุเกส ซึ่งที่นั่นทำให้เขาได้พบกับ วิเตอร์ ฟราเด้ อาจารย์ชาวโปรตุเกสที่สอนเกี่ยวกับเรื่องของทฤษฎีของการกำหนดแนวทาง และเรียนรู้ความซับซ้อนในสิ่งต่างๆ ซึ่งสามารถนำมาปรับใช้งานในวงการฟุตบอลซึ่งเรียกกันว่า Tactical Periodisation ซึ่งจะเป็นการผสมผสานการทำงานในส่วนต่าง ๆ ของฟุตบอลเข้ามาทำงานได้พร้อมกัน ยกตัวอย่างเช่น การซ้อมเรื่องของสภาพร่างกาย และการซ้อมแท็กติกการเล่น เราสามารถจัดตารางการซ้อมให้สามารถทำไปพร้อมกันได้ เพื่อให้คุณลดระยะเวลาในการซ้อมให้น้อยลง แต่ได้ประสิทธิภาพเพิ่มเป็นสองเท่าการซ้อมที่เน้นในเรื่องพละกำลังเป็นหลักก็ถูกเปลี่ยนมาเป็นการซ้อมที่ควบคู่ไปกับการซ้อมที่ผู้เล่นเข้าใจในระบบการเล่นของทีมไปในเวลาเดียวกัน

ศาสตร์ดังกล่าว เกวสต้า ได้รับการเรียนรู้มาตลอดชีวิตในโปรตุเกส และเขาจดจำ ออกแบบการทำงานของตนเองภายใต้แนวคิดนั้น ซึ่งมีโค้ชหลายคนเรียนรู้มาจาก ฟราเด้ หนึ่งในนั้นคือ โชเซ่ มูรินโญ่ ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในงานผู้จัดการทีมในช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมา

Carlos Cuesta, Martin Odegaard
Arsenal v Manchester City - Premier League / Julian Finney/GettyImages

บนวัย 22 ปี เกวสต้า จบการศึกษาในโปรตุเกส และพกความรู้เข้าสู่วงการฟุตบอล ผ่านสายงานของตนเอง หากการทำงานของนักเตะเป็นภาพที่ว่าเริ่มต้นจากเด็กรักฟุตบอล แมวมองเห็นแวว ชวนคุณเข้าทีมเยาวชนสโมสร พัฒนาเรื่อยมาจนกลายเป็นนักเตะทีมชุดใหญ่ ก้าวไปติดทีมชาติ หรือคว้าแชมป์อะไรมากมาย

เส้นทางของงานโค้ชก็เป็นอะไรที่ไม่ต่างกันนัก แต่พวกเขาไม่ได้เริ่มต้นในสนาม แต่เริ่มต้นในห้องประชุม ซึ่งด้วยความที่เขาทำงานกับ แอตเลติโก มาดริด มาก่อนแล้ว เขาก็ได้มีโอกาสเข้าประชุมสัมมนางานโค้ชที่ทาง ลา ลีกา เป็นโต้โผในการจัดงาน และก็เชิญโค้ชจากหลายสโมสรในยุโรปเข้ามาร่วมประชุมด้วย หนึ่งในนั้นคือ ยูเวนตุส ซึ่งเขาก็ได้มีการพูดคุยกับผู้บริหารของสโมสร ได้คุยถึงแนวทางปรัชญาของตนเอง และนั่นก็ทำให้เขาได้งานที่อิตาลีทันที ในฐานะของผู้ช่วยโค้ชทีมระดับอายุต่ำกว่า 23 ปี

ที่นั่นการศึกษาบทเรียนใหม่เริ่มต้นขึ้น ฟุตบอลอิตาลี ที่มักถูกพูดถึงเกมรับที่ดี สไตล์การเล่นที่ไม่เน้นเร้าใจแต่เน้นผลในยุคก่อน แม้จะเปลี่ยนแปลงไปมากแล้ว แต่แนวคิดเหล่านั้นก็ยังคงมีอยู่ และนั่นทำให้เกวสต้า เก่งขึ้น ความรู้มากขึ้น ขวนขวายหาความรู้กลับมาได้อย่างเต็มที่ 

อย่างไรก็ตามในช่วงเวลาก่อนหน้านั้นไม่นานนัก เขาผู้ซึ่งเป็นหนุ่มไฟแรงก็อยากที่จะหาความรู้เพิ่มเติม แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เป็นหนึ่งในสโมสรที่เขาส่งข้อมูลเกี่ยวกับการวิเคราะห์แนวทางการเล่นที่เขาศึกษามาของทีมเรือใบสีฟ้ามาให้สโมสรโดยตรง จนทำให้สโมสรสนใจพร้อมกับเชิญเขามาสังเกตการณ์ซ้อมของทีมในช่วงเวลาหนึ่ง และที่นั่นคือ “จุดเชื่อมต่อ” ที่ทำให้เขารู้จักกับ มิเคล อาร์เตต้า ผู้ช่วยผู้จัดการทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในเวลานั้น และต่างฝ่ายต่างประทับใจในความสามารถของกันและกัน

จนในที่สุดเมื่อ อาร์เตต้า ออกมารับงานคุมทีมอาร์เซนอลในเดือนธันวาคม 2019 เขาก็ต้องมองหาทีมงานของเขาเอง เกวสต้า ถูกชักชวนมาร่วมงานด้วยเป็น “ระลอกสอง” ของทีมงานโค้ชที่เขาเลือกมาร่วมงาน เกวสต้า ในวัย 25 ปี มาร่วมงานกับอาร์เซนอลในช่วงต้นฤดูกาล 2020-2021 ในฐานะของผู้ช่วยโค้ชของอาร์เตต้า ผู้ซึ่งมีหน้าที่เจาะจงลงไปในเรื่องของการพัฒนานักเตะแบบรายบุคคล [Individual Development Coach] ซึ่งจะนำวิดีโอการเล่นของนักเตะมาศึกษา เรียกนักเตะรายตัวมานั่งคุย ศึกษารายละเอียดการเล่นร่วมกัน แนวคิดการตัดสินใจในการเล่นในจังหวะที่สำคัญ รวมถึงเรื่องของการดึงความต้องการ ความเป็นตัวตนของผู้เล่นออกมา ภายใต้การทำงานร่วมกับ โค้ชอย่าง อัลเบิร์ต สตูเวนเบิร์ก ผู้ซึ่งทำงานด้านแท็คติกการเล่นโดยตรงให้กทีมเพื่อเป้าหมายเดียว

“ทำอย่างไรให้นักเตะสามารถเล่นฟุตบอลได้อย่างมีความสุขตรงกับแผนการเล่นของทีม และได้ประสิทธิภาพยอดเยี่ยมในสนาม”

ด้วยวัยเพียง 27 ปี เขาคนนี้โดดเด่นในเรื่องของการสื่อสารเป็นอย่างยิ่ง เขาสามารถสื่อสารได้ถึง 6 ภาษา ประกอบไปด้วยภาษาอังกฤษ, สเปน, อิตาลี, โปรตุเกส, ฝรั่งเศส และคาตาลัน [ภาษาเฉพาะของแคว้นคาตาลันในสเปน] จากชีวิตที่เดินทางมาแล้วหลายประเทศตั้งแต่เด็ก กลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้เขาสามารถพูดคุยกับนักเตะทุกคนได้อย่างเข้าใจมากกว่าเดิม และนั่นไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจเลยว่า ทำไมถึงมีข่าวว่า เด็กหนุ่มคนนี้จะได้รับข้อเสนองานคุมทีมเข้ามาบ้างแล้ว แม้จะมีวัยยังไม่ถึง 30 ปีก็ตาม

“หากคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ” ยังคงใช้ได้เสมอสำหรับการทำงาน และเกวสต้าคือหนึ่งในนั้น หากวันหนึ่งเขาเลือกเส้นทางใหม่ให้กับตัวเองอีกครั้งในอนาคต

อาร์เซนอล คงไม่ใช่ปลายทางสุดท้ายของเขาอย่างแน่นอน แต่จะเป็นเหมือนสะพานที่แข็งแกร่งให้เขาก้าวผ่านไป เป็นห้องเรียนระดับ มาสเตอร์ คลาส ที่เรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ได้เงินค่าแรงไปด้วยในเวลาเดียวกัน เพื่อรอให้เมื่อวันหนึ่ง เขาแกร่งพอที่จะสยายปีกไปรับความท้าทายครั้งใหม่ เขาจะมีความเชื่อมั่นว่า เขาได้ผ่านการทำงานในสถานที่ ๆ ดีที่สุดมาแล้วแห่งหนึ่งในโลกของฟุตบอล

หากวัย 27 ปี คือวัยที่อยู่ในช่วงที่ดีที่สุดของนักเตะอาชีพ แต่สำหรับสายงานโค้ช นี่มันเพิ่งเริ่มต้น…ใช่! มันเพิ่งเริ่มเท่านั้น