กรานิท ชาก้า จากวันแรกจน (ใกล้) ถึงวันอำลา อาร์เซนอล... - FEATURE
ข่าวการอำลาทีมของ กรานิท ชาก้า (30 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) ชัดเจนมากขึ้น หลังข้อมูลระบุออกมาว่า เขาปฏิเสธสัญญาใหม่กับอาร์เซนอล ในขณะที่สโมสรก็จะไม่มีการเสนอสัญญาใหม่ให้กับเขาอีกแล้ว เมื่อนักเตะมีความชัดเจนว่าต้องการย้ายออกทีม เพื่อการกลับไปเล่นฟุตบอลในเยอรมันอีกครั้ง
เป็นข่าวที่ไม่น่าแปลกใจ กับการตัดสินใจที่ค่อนข้างจะแน่นอนแล้วว่าเขาจะอำลาทีม ด้วยเหตุผลจากข้อมูลที่ออกมาหลายส่วนประกอบกัน
เยอรมันเป็นประเทศที่เขาผูกพันมากประเทศหนึ่ง บ้านเกิดของเขา (สวิสเซอร์แลนด์) และบ้านเกิดของภรรยา (อัลแบร์เนีย) ก็ไม่ได้ไกลจากเยอรมัน หนึ่งในลีกฟุตบอลที่ดีที่สุดของยุโรป การกลับไปเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ เมื่อข่าวออกมาว่าภรรยาของเขาอยากกลับไปใช้ชีวิตที่นั่น ซึ่งค่อนข้างจะไม่อยู่ภายใต้สื่อมวลชน หรือกระแสสังคมฟุตบอลมากเท่าที่อังกฤษ ลูก ๆ ก็จะเติบโตขึ้นได้อย่างเป็นเด็กธรรมดาคนหนึ่ง
อย่างที่เราทราบกันดี ชาก้า เป็นหนึ่งคนที่ต่อสู้กับการโดนเหยียดหยาม ขู่ฆ่า ลามไปถึงครอบครัวมากที่สุดคนหนึ่งในทีมอาร์เซนอล ยิ่งในช่วงปี 2019 ที่สาหัสถึงขั้นโดนแช่งให้ลูกของเขาตาย สโมสรต้องถอดปลอกแขนกัปตันทีมเขาอย่างจำเป็น หลายคนอาจไม่รู้ว่าช่วงเวลานั้น ชาก้า ถึงกับต้องเปลี่ยนรถยนต์ใหม่เพื่อให้ผู้คนจำไม่ได้ เขาไม่ต้องการให้คนรู้ ไม่อยากให้ใครเห็น ไม่อยากปะทะคารมกับใคร และตอนนั้นเขาอยากย้ายทีม โดยในเวลานั้น อูไน อเมรี่ กับช่วงรอยต่อการเข้ามาทำทีมของ มิเคล อาร์เตต้า การย้ายทีมสู่ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่เหลือเพียงนักเตะบินไปเซ็นสัญญาก็เป็นอันจบ แต่สุดท้าย อาร์เตต้า พูดคุยกับเขายืนยันว่าอยู่กับทีมก่อนได้ไหม แผนงานของเขาคือแบบไหน คิดอย่างไร และหากต้องการย้ายออกเขาจะไม่ขวางทาง สุดท้าย ชาก้า เลือกไปต่อกับอาร์เซนอล
เขาเริ่มกลับมาทำงานของเขาทีละนิด พิสูจน์ตัวเองด้วยผลงาน แน่นอน มิเคล อาร์เตต้า มีส่วนมากในการช่วยเหลือเขา เพื่อนร่วมทีมก็เช่นเดียวกัน รวมถึงแฟนบอลจำนวนไม่น้อยก็ให้กำลังใจในการฝ่าวิกฤตด้านจิตใจ และสุดท้ายผลงานพิสูจน์ตัวตนของเขา เขาเล่นได้ดีขึ้น และสุดท้ายเสียงเชียร์ดังขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้เขียนแล้วหาได้ยากยิ่งจากคนที่ “จมดิน” ไปแล้วในวันก่อน จะกลับมาฟื้นตัวได้อีกครั้งในวันนี้ คนแบบนี้นับถือเรื่องของหัวใจนักสู้อย่างยิ่ง
การทำงานร่วมกับ มิเคล อาร์เตต้า เป็นไปด้วยดี เขาได้รับการยอมรับจากเพื่อนร่วมทีมอย่างยิ่ง เฉกเช่นที่ ดาวิด ลุยซ์ เคยยกย่องเพื่อนคนนี้ว่า เป็นหนึ่งในคนสำคัญของทีม เป็นคนที่เพื่อนร่วมทีม หรือรุ่นน้องพร้อมจะมองหาเมื่อต้องการคำปรึกษา เช่นเดียวกับ อเล็กซองเดร ลากาแซตต์ ซึ่งเป็นอีกคนในฐานะรุ่นพี่ในห้องแต่งตัว ซึ่งมาถึงวันนี้มีเพียงแค่โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ เพียงคนเดียวที่อยู่กับทีมยาวนานกว่าเขา (นับเฉพาะในทีมชุดใหญ่) แต่เขาคือคนเดียวที่เป็นตัวจริงแทบตลอดการเล่นกับอาร์เซนอล
มาถึงวันนี้ ปลอกแขนกัปตันทีม ที่เคยถูกถอดเพราะเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาได้รับการกลับมาสวมบ้างเป็นครั้งคราว แต่ก็ชัดเจนพอว่าเขาไม่ต้องการรับมันเป็นการถาวรอีกต่อไป เพราะเขาไม่เชื่อมั่นในพลังของปลอกแขน
“แน่นอน คุณไม่จำเป็นต้องเป็นกัปตันทีมก็ได้ ทุกคนสามารถเห็นถึงความเป็นผู้นำภายในทีมนี้ แน่นอนคุณจำเป็นต้องมีคนสวมปลอกแขนในทีมเมื่อเราต้องการใครสักคน แต่ผมไม่ได้เชื่ออะไรมากนักเกี่ยวกับการมีปลอกแขนกัปตันทีมติดแขน”
การตัดสินใจอำลาทีมของเขา อาจเป็นการตัดสินใจที่เหมาะสมที่สุดของเขาเมื่อในวัย 30 ปี พละกำลังที่ถดถอย หัวใจที่เป็นนักสู้ยังเต็มร้อยแต่ร่างกายไม่เหมือนเดิม ครอบครัวที่กำลังเติบโตขึ้นทุกวัน ชีวิตนักเตะก็ไม่ต่างจากพนักงานออฟฟิศเมื่อถึงวันหนึ่ง รายได้ หรือความสำเร็จ อาจไม่ใช่ทางเลือกแรกในการทำงาน แต่ความสุขของตนและคนรอบข้าง คือสิ่งที่ต้องการมากกว่าสิ่งใด โดยเฉพาะเมื่อคุณมีลูกที่อยากเห็นเขาเป็นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เขาอยากมอบให้ลูก ๆ ของเขา สังคมแบบไหนที่เขาอยากจะให้ลูกอยู่ร่วม ผู้เป็นพ่อแม่ย่อมวางรากฐานให้บนพื้นฐาน “สิ่งที่ดีที่สุด” ที่คิดว่าจะมอบให้ได้ในมุมมองของพวกเขา
ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ทีมกลางตารางในฤดูกาลนี้ อาจไม่ยิ่งใหญ่ในเรื่องผลงานเท่าอาร์เซนอล แต่อาจมอบความสุขใจที่ใช่ และลงตัวสำหรับเขา และเมื่อเป็นเช่นนั้น อาร์เซนอล ก็ต้องเคารพในการตัดสินใจของ “พนักงาน” ผู้นี้ เมื่อไม่ต้องการไปต่อก็ต้องปล่อยขาย เป็นวิถีทางของอาชีพ
7 ฤดูกาลผ่านไปจากวันแรกที่ลอนดอนที่เราอาจต้องนับถอยหลังถึงวันสุดท้ายของเขาในอีกไม่ช้า ชาก้า การได้แชมป์เอฟเอ คัพสองครั้ง หนึ่งรองแชมป์ยูโรป้า ลีก หนึ่งรองแชมป์ลีก คัพ ลงเล่นไปมากกว่า 290 เกมให้ทีมในทุกรายการ อาจน้อยไปสักหน่อย แต่เชื่อเหลือเกินว่าประสบการณ์ชีวิตที่เขาได้รับมันเข้มข้นชนิดที่ว่าเขาจะไม่มีวันลืม
รัก ชอบ เกลียด ด่า สุข เศร้า กันมายาวนาน แต่หากถึงวันอำลาก็คงไม่มีใครอยากจากกันด้วยความผิดหวัง จากกันด้วยดี ออกจากสนามด้วยเสียงปรบมือจากทุกคน
เหลืออีกสองเกม หากต้องจากกัน ขอให้เป็นสองเกมส่งท้ายที่จะอยู่ในความทรงจำ “ร่วมกัน” แบบที่ มิเคล อาร์เตต้า เคยได้รับมาแล้วในวันอำลาอาชีพการเล่นฟุตบอลที่อาร์เซนอลเมื่อ 8 ฤดูกาลก่อน
อาร์เตต้า จากไป (และกลับมาในสถานะใหม่) ชาก้า เข้ามาแทนที่ มาวันนี้ “ใคร” จะเป็นรายต่อไปที่จะมารับช่วงต่อนี้
ตลาดการซื้อขายรอบต่อไป น่าตื่นเต้นเหลือเกินกับการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง