หลายเรื่องราวที่คุณ (อาจ) ยังไม่รู้ของ เฟเดริโก้ เคียซ่า สตาร์คนใหม่ ลิเวอร์พูล - FEATURE
• จาก ฟิออเรนติน่า สู่ ยูเวนตุส และมายัง แอนฟิลด์
• ยังมีอีกหลายเรื่องราวที่ควรรู้ และคุณอาจยังไม่รู้ สำหรับแข้งป้ายแดงของหงส์ รายนี้
ลุ้นกันจนถึงสัปดาห์สุดท้ายของตลาดซัมเมอร์ 2024 กว่าที่ ลิเวอร์พูล ยุคของกุนซือใหม่ อาร์เน่อ สล็อต จะได้ตัวสมาชิกใหม่รายแรกอย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า (โดยไม่นับตัว 0.5 อย่าง จอร์จี้ มามาร์ดาชวิลี่) ดาวเด่นทีมชาติอิตาลี ที่ย้ายมาจาก ยูเวนตุส ด้วยราคาเบาๆ เพียง 10 + 2.5 ล้านปอนด์ ซึ่งขยุ้มอักษรด้านล่างนี้ จะทำให้คุณได้รู้จักกับ เคียซ่า มากขึ้นอีกเยอะถึงเยอะมาก
ลูกชายของพ่อ
คงเป็นที่รู้กันโดยถ้วนทั่วอยู่แล้ว ว่า เฟเดริโก้ คือลูกชายของดาวยิงระดับตำนานอย่าง เอ็นริโก้ เคียซ่า
เอ็นริโก้ เคียซ่า - หัวหอกทีมชาติอิตาลี 17 นัด (7 ประตู) ติดธงชุดลุย ยูโร 96 กับฟุตบอลโลก ฟร้องซ์ 98 โดยนอกจากช่วงพีคกับ ปาร์ม่า (1996-1999, 125 นัด 55 ประตู) แล้ว ยังตระเวนร่วมทีมสารพัด ทั้ง ซามพ์โดเรีย, ฟิออเรนติน่า, ลาซิโอ ฯลฯ
ในตอนที่ เอ็นริโก้ แขวนสตั๊ดเลิกเล่นกับ ฟิยิเน่ ทีมลีกรองระดับ เลกา โปร ในปี 2010 นั้น ลูกชาย เฟเดริโก้ ก็เริ่มเรียนรู้ฟุตบอลอย่างจริงจังแล้ว โดยที่ได้เข้าไปอยู่ในอะคาเดมี่ของ ฟิออเรนติน่า หนึ่งในอดีตต้นสังกัดของคุณพ่อนั่นเอง
ซึ่งก็ไม่ต้องสงสัยว่า ครูฟุตบอลคนแรกของ เฟเดริโก้ ก็คือคุณพ่อ เอ็นริโก้ นั่นแหละ
หนึ่งในเรื่องที่อาจเป็น "ชะตาลิขิต" ก็คือหากย้อนไปใน ยูโร 96 ที่ อังกฤษ เป็นเจ้าภาพ อิตาลี อยู่ในกลุ่ม C ที่มี "แอนฟิลด์" กับ "โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด" เป็น 2 สังเวียนหลัก
สำคัญคือ เอ็นริโก้ เคียซ่า ยิงประตูแรกและประตูเดียวใน ยูโร ครั้งนั้น ก็ที่ แอนฟิลด์ นี่เอง ในเกมที่แพ้ สาธารณรัฐเช็ก 1-2
ฉะนั้น...
1) คงไม่นานเกินรอที่ เฟเดริโก้ เคียซ่า จะเริ่มต้นนับ 1 พังสกอร์ใน แอนฟิลด์ ตามรอยคุณพ่อ
และ 2) วันอาทิตย์นี้ ลิเวอร์พูล บุกเตะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด พอดี
ใครจะรู้ เฟเดริโก้ อาจทำในสิ่งที่คุณพ่อ เอ็นริโก้ ทำไม่สำเร็จ ก็เป็นได้...
อิงลิชไม่ใช่ปัญหา
อาจค้าแข้งในบ้านเกิดมาตลอด แต่ที่จริง เคียซ่า สปีคอิงลิชได้สบายบรื๋อ มากกว่าแข้งอิตาเลียนทั่วๆ ไป
เคียซ่า ร่ำเรียนภาษาอังกฤษให้เป็นคุณสมบัติส่วนตัวมาตั้งแต่ยังเล็ก สมัยเรียนโรงเรียนนานาชาติ International School of Florence โดยยังเคยนั่งให้สัมภาษณ์ขนาดยาวเป็นภาษาอังกฤษกับสื่อเมืองผู้ดีอย่าง เทเลกราฟ มาแล้วเมื่อปี 2021
ความรอบรู้ด้านภาษาของเขา ยังมาควบคู่กับความ "สารพัดประโยชน์" ในแนวรุก กับการที่เขาสามารถเล่นได้หมด ขอแค่ให้เจ้านายสั่งมา -- จากการเก็บสถิติของ Transfermarkt พบว่า เคียซ่า ถูกวางเป็น "ปีกขวา" สูงสุด 93 นัด (33 ประตู 14 แอสซิสต์)
- ปีกขวา : 93 นัด 33 ประตู 14 แอสซิสต์
หน้าต่ำ : 69 นัด 15 ประตู 10 แอสซิสต์
ปีกซ้าย : 61 นัด 11 ประตู 13 แอสซิสต์
มิดฟิลด์ฝั่งขวา : 37 นัด 9 ประตู 8 แอสซิสต์
หน้าเป้า : 17 นัด 3 ประตู 4 แอสซิสต์
มิดฟิลด์ฝั่งซ้าย : 11 นัด 4 ประตู 3 แอสซิสต์
สำหรับเกมสุดท้ายกับ ยูเว่ เกิดขึ้นในนัดปิดซีซั่น เซเรีย อา 2023/24 (ซีซั่นนี้โดนตัดออกจากทีม) กับการเปิดบ้านสยบ มอนซ่า 2-0 วันที่ 25 พ.ค. 2024 ซึ่ง เคียซ่า ก็เป็นคนยิงประตูขึ้นนำ 1-0 ด้วย
อาถรรพ์แข้งเลี่ยน
ก่อนจะมาถึง เฟเดริโก้ นั้น ข้อเท็จจริงบอกว่า ตลอดหน้าประวัติศาสตร์ของ ลิเวอร์พูล เคยมีสมาชิกนักเตะเป็นแข้งอิตาเลียน แค่ 6 คนเท่านั้น
- 1. กาเบรียล ปาเล็ตต้า
2. ดานิเอเล่ ปาเดลลี่
3. อันเดรีย ดอสเซน่า
4. ฟาบิโอ บอรินี่
5. อัลแบร์โต้ อาควิลานี่
และ 6. มาริโอ บาโลเตลลี่
อย่างไรก็ตาม ที่เป็นข้อเท็จจริงภายใต้แข้งเลี่ยนของหงส์เหล่านี้ ก็คือ ไม่มีแข้งรายใดเลยที่จะสร้างชื่อในระดับที่ "ประสบความสำเร็จ" กอบโกยทั้งเงินและกล่องกับ ลิเวอร์พูล
ตรงกันข้าม ทั้งหมดหมิ่นเหม่ไปในทางล้มเหลวเสียด้วยซ้ำ
เอาแค่จำนวนเกมที่ลงสนาม สูงสุดคือ ฟาบิโอ บอรินี่ ที่ก็ได้เล่นไปแค่ 38 นัด และมียิง 3 ประตูเท่านั้นเอง ส่วนดาวยิงคนดังอย่าง บาโลเตลลี่ แวะมาแอนฟิลด์แค่ปีเดียว (2014/15) แล้วเลี้ยวออกทันที ลงเล่น 28 นัดมี 4 ประตู โดยที่จริงๆ แล้วแม้แต่แฟนบอล ลิเวอร์พูล เองก็ไม่ค่อยจะยินดีต้อนรับสักเท่าไหร่
ฉะนั้น ก็คงเป็นความท้าทายและภารกิจใหญ่ของปีกวัยย่าง 27 สำหรับการจะลบอาถรรพ์แข้งเลี่ยนในเครื่องแบบหงส์แดง
เบอร์มงคล
ส่วนที่เป็นเรื่องตรงกันข้ามกับอาถรรพ์แข้งเลี่ยน คือ เคียซ่า ได้เสื้อหมายเลข 14 ไปใช้ ซึ่งเป็นเบอร์เดียวกับที่ เคียซ่า ใช้เป็นประจำในทีมชาติอิตาลี (รวมถึง ยูโร 2024 ด้วย)
และนี่ก็คือ "เบอร์มงคล" อีกหนึ่งหมายเลขในรั้ว แอนฟิลด์ ก็ว่าได้
นั่นเพราะในอดีต ทั้งใกล้และไกล เจ้าของเสื้อเบอร์ 14 ลิเวอร์พูล หลายต่อหลายคน ล้วนแต่สร้างผลงานได้ในระดับ "ขวัญใจแฟนบอล" ไม่ว่าจะใส่เสื้อเบอร์นี้แค่ชั่วคราวและยึดไว้ระยะยาวก็ตาม ไม่ว่าจะ...
- 1970/71 - สตีฟ ไฮเวย์
1976/77 - เดวิด แฟร์คลัฟ
1977/78 - อลัน แฮนเซ่น
1980/81 - เอียน รัช
1981/82 - รอนนี่ วีแลน
1984/85 - แยน โมลบี้
1987/88 - มาร์ค ลอว์เรนสัน
1988/89 - จอห์น อัลดริดจ์
1990/91 - เจมี่ เร้ดแน็ปป์
1995/96 - เอียน รัช
1997/98 - นีล รัดด็อค
1998/99 - เวการ์ด เฮ็กเก้ม
2004/05 - ชาบี อลอนโซ่
2011/12 - จอร์แดน เฮนเดอร์สัน
เป็นเวลานานนับสิบปีที่เสื้อเบอร์ 14 ถูกยึดครองโดย เฮนเดอร์สัน ผู้ซึ่งกลายมาเป็นกัปตันทีมในระยะหลายปีหลัง ก่อนจะปิดตำนานย้ายออกไปเมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว
แน่นอน ทั้งคนล่าสุดและคนก่อนๆ ล้วนแต่ทำให้เบอร์ 14 เป็นเบอร์มงคลแห่งแอนฟิลด์
ก็อยู่ที่ เคียซ่า แล้วว่าจะตามน้ำไปได้สวย หรือจะเป็น "ข้อยกเว้น" กันแน่
อาเล่ & กาก้า & ริเบรี่
"ไอดอลของผม? อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ และ กาก้า" เคียซ่า เอ่ยไว้แบบนี้ในการให้สัมภาษณ์เมื่อครั้งหนึ่ง
กับราย เดล ปิเอโร่ ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เมื่อที่จริงก็ถือเป็นขวัญใจเด็กเลี่ยนแทบทั้งประเทศ (ยกเว้นแฟนอินเตอร์ และแอนตี้ยูเวนตุส) หรือทาง กาก้า ก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้กับสังคมฟุตบอลทั่วทั้งโลกได้ ด้วยมนต์เพลงแซมบ้าที่ร่ายออกมากับ เอซี มิลาน
เคียซ่า ยังเคยรับว่า เขามี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ เป็นแรงบันดาลใจในแง่ของการทำงานหนัก ทุ่มเทพรแสวงมากกว่าการใช้พรสวรรค์ "เขาไม่ได้มีพรสวรรค์แบบ เมสซี่ แต่ โรนัลโด้ ก็คว้า บัลลง ดอร์ มาครองได้เท่าๆ กัน"
แต่นอกเหนือจาก 3 ชื่อที่ว่า บางที เคียซ่า อาจได้รับ "บทเรียน" ทั้งทางตรงและทางอ้อม จากอีกหนึ่งแข้งระดับตำนานรายนี้มากกว่า -- ฟร้องค์ ริเบรี่
ภายหลังโลดแล่นกับ บาเยิร์น มิวนิค อยู่เป็นสิบปี ริเบรี่ ในวัย 36 ตกลงเซ็นสัญญาเข้าร่วมทีม ฟิออเรนติน่า ในซีซั่น 2019/20
ที่นั่น เขาได้ประสานงานกับดาวรุ่งวัย 22 อย่าง เฟเดริโก้ เคียซ่า
ทั้งในสนามจริงและสนามซ้อม ยอดแข้งฝรั่งเศส ถ่ายทอดวิชาหลากหลายให้กับรุ่นน้องร่วมค่ายม่วงมหากาฬโดยตรง และมีส่วนช่วยส่งเสริมให้ เคียซ่า กดไป 11 ประตูในซีซั่นนั้น โดยมีทั้งประตูที่ ริเบรี่ ป้อนให้ เคียซ่า และเช่นกัน ประตูที่ เคียซ่า แอสซิสต์ให้กับ ริเบรี่ เข้าทำ
ซึ่งต่อมาปีรุ่งขึ้น ยูเวนตุส ก็ยื่นค่าเช่ายืม 10 ล้านยูโรให้กับ ฟิออเรนติน่า เพื่อคว้าตัว เคียซ่า ไปในสัญญา 2 ปี บวกออปชั่นบังคับซื้อขาดโดยที่ต้องจ่ายเพิ่มอีกถึง 40+10 ล้านยูโรด้วย
"ริเบรี่ คนใหม่งั้นหรือ? ผมไม่เห็นใครที่มีแคแรกเตอร์เดียวกันกับผม" ริเบรี่ ว่าไว้ "แต่ต้องยอมรับว่าผมมองเห็นบางอย่างในตัว คิงสลี่ย์ โกม็อง และ เฟเดริโก้ เคียซ่า ที่ทั้งคู่ต่างก็เคยเล่นร่วมกับผม"
"ที่ฟลอเรนซ์ ผมเห็นได้ในเพียงแวบแรกว่า เคียซ่า มีบางสิ่งที่แตกต่างไปจากคนอื่น เขาจะใส่สุดเสมอๆ เหมือนที่ผมเคยทำในตอนรุ่นๆ มันคือธรรมชาติของเขา เคียซ่า ยังสร้างอิทธิพลได้ดีกับ ยูเวนตุส รวมทั้งเป็นคนนำ อิตาลี คว้าแชมป์ ยูโร 2020 ด้วย"
4 ปีในรังม้า
เพราะชีวิต จะสวยงามสมบูรณ์แบบไปเสียทุกอย่าง คงไม่มี
ระดับฝีเท้าของ เฟเด เคียซ่า ไม่มีใครติดค้างสงสัย ครั้งหนึ่ง--ซึ่งไม่ได้นานนัก ทุกฝ่ายยังยกย่องว่า เคียซ่า นี่แหละ นักเตะที่ดีที่สุดของทีมชาติอิตาลี ในยุคสิ้นสุดยอดแข้งอัซซูร์รี่ในตำนานไปแล้ว เคียงข้างนายด่านแถวหน้าอย่าง จานลุยจิ ดอนน่ารุมม่า
หลักฐานมีสนับสนุนอย่างแชมป์ ยูโร 2020 (ที่เล่นกันในปี 2021) ที่ซึ่ง เคียซ่า กดไป 2 ประตู และติดทีมยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ จากการคัดเลือกของยูฟ่า
แต่...
แต่ก็เพราะอาการบาดเจ็บนั่นเองที่ฉุดรั้ง เคียซ่า ไว้ไม่ให้เบ่งบานไปมากกว่าที่เป็น
ถัดจากซีซั่นแรกกับ ยูเว่ (2020/21) ที่ เคียซ่า ทำผลงานดีที่สุดในชีวิตค้าแข้ง ด้วยการกด 14 ประตูจากการลงสนามรวม 43 นัด แล้วนั้น เขาก็ประสบเหตุเข่าพัง ACL ขาดสะบั้นเอาในช่วงต้นปี 2022 เกมกับ โรม่า ที่ทำให้ต้องพักยาวหายหน้าจากทีมนานถึง 10 เดือน
อย่างแรกคือว่ากันว่า คนที่ผ่านการเจ็บ ACL มาแล้ว ความเร็วในการวิ่งจะหายไปประมาณ 1 หลา
อย่างที่สองก็คือ เคียซ่า ยังเจ็บตรงนั้น ปวดตรงนี้เพิ่มเติมอีกอยู่เรื่อยๆ หลังอาการใหญ่ในครั้งนั้น จนส่งผลถึงการหายหน้าจากทีม ทีละเดือนนึงบ้าง ครึ่งเดือนบ้าง หรืออย่างน้อยคือ 1 สัปดาห์
สองปีหลังสุดที่ ยูเวนตุส ต้องใช้ออปชั่นบังคับซื้อมาในราคา 40+10 ล้านยูโรนั้น จำนวนเกมลงสนามของ เคียซ่า แม้ไม่ได้ต่ำจนน่าเกลียด แต่ก็ชัดเจนว่าไม่อาจยืนระยะลงสนามต่อเนื่องได้นานนัก
2022/23 ลงเล่นรวม 33 นัด (มี 4 ประตู) ในขณะที่เพื่อนกองหน้าม้าลาย (ดูซาน วลาโฮวิช, อังเคล ดิ มาเรีย, มอยเซ่ คีน) ล้วนแต่เล่นทะลุ 40 เกม และแข้งที่ลงสม่ำเสมอที่สุดอย่าง ฟิลิป คอสติช กับ ดานิโล่ กดไป 54 เกมในทุกถ้วย
2023/24 ดีขึ้นหน่อย ลงเล่น 37 นัด ซัด 10 ประตู แต่ก็อย่างที่ว่า อาการเจ็บตรงนั้นตรงนี้เป็นระยะ ทำให้เขาต้องพลาดเล่นไปราวๆ 10 เกมด้วยกัน
รวมแล้วระยะ 4 ปีกับ ยูเว่ (2020-2024) เคียซ่า ลงสนามไปทั้งสิ้น 131 นัด ซัด 32 ประตู มีส่วนร่วมกับแชมป์ โคปปา อิตาเลีย 2 สมัย และ ซูเปอร์โคปปา อิตาเลียน่า อีก 1 หน
จาก 84 เหลือ 10
มีการเปิดเผยอ้างชื่อ เยอร์เก้น คล็อปป์ ว่าเคยต้องการตัว เคียซ่า มาเสริมเกมริมเส้น ลิเวอร์พูล อย่างยิ่งในปี 2021 หรือหลังจากที่ เคียซ่า ระเบิดฟอร์มพา อิตาลี ขึ้นบัลลังก์แชมป์ยุโรปนั่นเอง
ลิเวอร์พูล เตรียมพร้อมยื่นข้อเสนอราคางามถึง 84 ล้านปอนด์ (100 ล้านยูโร) ให้กับ ยูเวนตุส
แต่ ยูเว่ นาทีนั้น ตีค่า เคียซ่า เอาไว้เป็นนักเตะที่แตะต้องไม่ได้ จึง "ไม่สนใจจะปล่อยในทุกราคา" ไม่ว่าจะถูกทาบทามด้วยตัวเลขใดก็ตาม
ปรากฏว่า 3 ปีผ่านมา...
84 ล้านปอนด์นั่น ลงลงอย่างหนักจนมาเหลือแค่ 10 + 2.5 ล้านปอนด์ เท่านั้น
แต่นั่นก็เพราะ 2 เหตุผลหลักอย่าง
1) กุนซือใหม่ ติอาโก้ ม็อตต้า เข้ามาปฏิวัติสร้างทีมใหม่ เปิดทางโละตัวเก่าออกเพียบ หนึ่งในนั้นคือ เคียซ่า ที่ไม่อยู่ในแผนการทำทีม
และ 2) สัญญาของ เคียซ่า เหลืออยู่เป็นปีสุดท้ายเท่านั้น ยูเว่ จึงจำเป็นต้องตัดใจโละเสียในซัมเมอร์นี้ ก่อนจะเสี่ยงเสียฟรีเมื่อขึ้นสู่ปีใหม่ 2025
สำหรับการเข้าสู่แอนฟิลด์ เคียซ่า เซ็นสัญญายาว 4 ปี ในขณะที่ค่าเหนื่อยได้สูงกว่าที่รับกับ ยูเว่ (ปีละ 5 ล้านยูโร) เล็กน้อย หรือปีละ 6-7 ล้านยูโร ตีเฉลี่ยสัปดาห์ละแสนเศษๆ
เจ้าบ่าวหมาดๆ
ปิดท้ายด้วยข่าวดีของ เคียซ่า เอง ว่าเขาเพิ่งจะเป็น "เจ้าบ่าวป้ายแดง" เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เท่านั้น
ดาวเตะวัย 26 คบหาดูใจกับแฟนสาวคนงาม ลูเซีย บรามานี่ (23) ผู้ซึ่งเป็นทั้งนางแบบและนักจิตวิทยา (จบการศึกษาสาขานักจิตวิทยา จากมหาวิทยาลัยคาทอลิกแห่งมิลาน และเซ็นสัญญาเข้าสังกัดนางแบบ Elite Modeling Agency Network) มาได้ราว 2 ปี จนช่วงคริสต์มาส 2023 เคียซ่า ก็ได้ตัดสินใจขอแฟนสาวแต่งงานในบรรยากาศสุดโรแมนติกที่เวนิซ ซึ่งเธอตอบตกลงแต่โดยดี
กระทั่งเมื่อ 20 ก.ค. เคียซ่า ก็ได้ควงคู่เจ้าสาวของเขาเข้าพิธีวิวาห์ที่ Duomo di Grosseto โบสถ์โรมันคาธอลิกในเมืองกรอสเซโต้ ทุสคานี่ ท่ามกลางแขกเหรื่อญาติสนิทมิตรสหาย อันรวมถึงบรรดาดาวเตะชื่อดังแห่งทีมชาติอิตาลี และ ยูเวนตุส
นาทีของการจุมพิตและ "รับครับ/รับค่ะ" นั้น ทั้งคู่คงไม่ได้คาดคิดว่าอีกไม่กี่สัปดาห์ให้หลัง ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะมาถึงชีวิตคู่ของทั้งสอง
จากตูรินสู่ ลิเวอร์พูล และการเป็นตัวความหวังใหม่ แข้งใหม่ (คงจะ) เพียงหนึ่งเดียวของ อาร์เน่อ สล็อต ประจำซัมเมอร์นี้
การผจญภัยของ เคียซ่า ในแอนฟิลด์ จะเป็นไปอย่างไร จะออกหัวหรือออกก้อย
น่าหงุดหงิดเป็นบ้า! พ้นจากแดงเดือดอาทิตย์นี้ ลีกยุโรปต้องเว้นวรรค 2 สัปดาห์ให้กับคิวทีมชาติ เพราะงั้นคงต้องรออีกพักใหญ่ (ถ้าไม่ถูกส่งประเดิมสำรอง อาทิตย์นี้) กว่าจะได้เห็นลีลาลวดลายของ เคียซ่า ในชุดหงส์แดง เต็มๆ สายตา...