ชัยชนะเหนือ ฟูแล่ม ที่ทำให้ ลิเวอร์พูล กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์ - FEATURE

  • ลิเวอร์พูล โชว์ฟอร์มแกร่งบุกชนะ ฟูแล่ม 3-1 เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา
  • “หงส์แดง” กลับสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง
  • ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ต้องคว้า 3 คะแนนต่อเนื่องหากจะลุ้นถึงเกมสุดท้าย

Fulham FC v Liverpool FC - Premier League
Fulham FC v Liverpool FC - Premier League / Julian Finney/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ โค้ชชาวเยอรมัน กลับมาสู่เส้นทางลุ้นแชมป์อีกครั้ง หลังโชว์ฟอร์มแกร่งบุกไปเอาชนะ ฟูแล่ม ที่สนาม คราเวน คอทเทจ 3-1 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

หลังเกมจบลงมันเป็นผลลัพธ์สำคัญที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มีความหวังไปจนถึงนีดสุดท้ายของซีซัน และถึงแม้ คล็อปป์ จะตัดสินใจโรเตชั่นนักเตะในทีม แต่พลพรรค “หงส์แดง” ก็ยังทำผลงานได้ตามเป้าหมายในการขยับแต้มขึ้นไปเท่ากับทีมจ่าฝูงอย่าง อาร์เซนอล

Ryan Gravenberch
Fulham FC v Liverpool FC - Premier League / Justin Setterfield/GettyImages

ในเกมนี้ คล็อปป์ ตัดสินใจปรับเปลี่ยนแผงกองกลางโดย อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์, เคอร์ติส โจนส์ และ โดมินิค โซบอสซ์ไล มีรายชื่อเป็นแค่ตัวสำรอง และมอบหมายให้ วาตารุ เอนโด, ไรอัน กราเวนเบิร์ช และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ยืนทำเกมร่วมกัน

ในช่วงหลัง แดนกลาง ลิเวอร์พูล แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ขาดพลังงาน และประสิทธิภาพในการควบคุมสถานการณ์ นอกจากนี้ การลงเล่นแบบต่อเนื่องหลายรายการ มันก็เป็นเหตุผลมากพอที่ทำให้ คล็อปป์ ต้องเปลี่ยนแปลงทีมเพื่อความสดใหม่

เอนโด ยืนปักหลักหน้าแผงแนวรับอย่างแข็งแกร่ง และคอยคัดเกมได้เด็ดขาดเช่นเดิม ส่วน เอลเลียตต์ ทำผลงานโดดเด่นทั้งเกมรุก และเกมรับ พร้อมกับโชว์ผลงานแอสซิสต์ ไป 1 ครั้ง ส่วน กราเวนเบิร์ช แสดงให้เห็นถึงทักษะการพลิกบอล และยิงไกลสุดสวยอีก 1 ลูก

ขณะเดียวกัน ชัยชนะในเกมนี้ มันทำให้ ลิเวอร์พูล สิ้นสุดการรอคอยประตูแบบโอเพ่นเพลย์มานานกว่า 433 นาที และการที่แนวรุกไม่เฉียบขาด นั้น ก็เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ทีมของ คล็อปป์ ต้องตกรอบฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ และ ยูโรปา ลีก รวมถึงตกจากตำแหน่งจ่าฝูงใน พรีเมียร์ลีก อีกด้วย

Trent Alexander-Arnold
Fulham FC v Liverpool FC - Premier League / Julian Finney/GettyImages

นอกเหนือจากการกลับมายิงประตูได้แล้ว การที่ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ฟิตสมบูรณ์พร้อมลงเป็นตัวจริงก็เป็นสิ่งที่ ลิเวอร์พูล รอคอยมาอย่างยาวนาน โดยดาวเตะวัย 25 ปี ได้รับบาดเจ็บไปนานกว่า 2 เดือนเลยทีเดียว

เกมนี้ เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ไม่ได้ถูกทดสอบการเล่นเกมรับมากนัก เนื่องจาก ฟูแล่ม ไม่ได้ขึ้นเกมทางฝั่งซ้าย ซึ่งภาพรวมการเล่นของรองกัปตันทีม “หงส์แดง” ยังคงแสดงให้เห็นถึงผลงานเกมรุกระดับมาสเตอร์คลาสเหมือนเดิม

อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ทำหน้าที่เป็นเพลย์เมคเกอร์ฟูลแบ็คที่คอยแจกจ่ายบอลให้กับเพื่อนร่วมทีม และผ่านบอลไปยังพื้นที่ได้เปรียบเสมอ แถมยังซัดฟรีคิกสุดสวยให้ทีมขึ้นนำ ซึ่ง 5 เกมสุดท้ายของซีซัน เขาจะเป็นกุญแจสำคัญที่ทำให้เกมรุก ลิเวอร์พูล กลับมาอันตรายอีกครั้ง

แน่นอนว่า แฟนบอล ลิเวอร์พูล มีความสุข และเต็มไปด้วยความคาดหวังหลังจากทีมเอาชนะในเกมนี้ แต่พวกเขายังคงต้องลุ้นให้ อาร์เซนอล และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทำแต้มหล่นบ้าง และตัวเองก็ต้องเก็บชัยชนะให้ได้ หากยังหวังลุ้นแชมป์ไปจนถึงนัดสุดท้ายของฤดูกาล