ย้อนรอยเกมนัดประวัติศาสตร์ เมื่อ เจสซี ลินการ์ด ซัดคนเดียว 4 ประตูเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวในชีวิต (คลิป) - FEATURE

Wolverhampton Wanderers v West Ham United - Premier League
Wolverhampton Wanderers v West Ham United - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images
facebooktwitterreddit

หากถามถึงนักเตะที่ฟอร์มโดดเด่นมากที่สุดคนหนึ่งใน พรีเมียร์ลีก ชั่วโมงนี้ หนึ่งในชื่อที่จะถูกกล่าวขึ้นมามากที่สุดก็คงหนีไม่พ้น "มหาเทพ" เจสซี ลินการ์ด ตำนานกองกลางของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ย้ายมาพิสูจน์ตัวเองและแจ้งเกิดอย่างเต็มตัวได้สำเร็จอีกครั้งกับ เวสต์แฮม ในฤดูกาลนี้

หลังจากต้องพบเจอช่วงเวลาอันเลวร้ายแสนสาหัสกับ ปีศาจแดง จนเรียกได้ว่าเป็นตัวตลกของทีมตลอดช่วงหลายฤดูกาลที่ผ่านมา ในที่สุดเจ้าตัวก็ประกาศให้แฟนบอลทั้งโลกได้รับรู้ว่าตัวเขามีดีมากกว่าที่หลาย ๆ คนเคยสบประมาทเอาไว้ ด้วยผลงานการมีส่วนร่วมถึง 10 ประตูจาก 11 นัดที่สนามให้กับ ทัพขุนค้อน ตลอด 3 เดือนที่ผ่านมา พาทีมกลับขึ้นมารั้งอันดับ 4 หลังจากลงเล่นไป 30 เกมในฤดูกาลนี้

Jesse Lingard
Wolverhampton Wanderers v West Ham United - Premier League / Matthew Ashton - AMA/Getty Images

แต่รู้หรือไม่ว่าในอดีต "เทพลินการ์ด" เคยโชวฟอร์มโหดถึงขนาดซัดคนเดียว 4 ประตู และเป็นการทำแฮททริกภายในระยะเวลาเพียง 13 นาที จนเป็นที่มาของการถูกดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างเต็มตัวในเวลาต่อมา...

ย้อนกลับไปในซีซั่น 2013/14 หลังจากฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นในทีมเยาวชนของ แมนฯ ยูไนเต็ด เดือนกันยายนปี 2013 ในวัย 20 ปี ลินการ์ด ถูกส่งตัวไปให้กับ เบอร์มิงแฮม ทีมใน เดอะแชมเปี้ยนชิพ ยืมตัวใช้งานโดยเจ้าตัวได้รับความไว้วางใจให้สวมเสื้อหมายเลข 9 ลงเล่นให้กับ ทัพลูกโลก ในเวลานั้น

Jesse Lingard
Birmingham City v Bolton Wanderers - Sky Bet Championship / Matthew Lewis/Getty Images

2 วันหลังจากเซ็นสัญญาย้ายมาร่วมทีม ภายใต้การคุมทีมของ ลี คลาร์ค ลินการ์ด ถูกส่งลงสนามเป็นตัวจริงในทันที ในเกมที่ เบอร์มิงแฮม ที่ขณะนั้นมีอดีตนักเตะ ปีศาจแดง อย่าง โจนาธาน สเปคเตอร์ รวมถึง แดน เบิร์น ไคล์น บาร์ทลีย์ และ ดาร์เรน แรนดอล์ฟ เป็นแกนหลัก ต้องเปิดบ้านต้อนรับการมาเยือนของ เชฟฟิลด์ เวนส์เดย์ ที่มีนักเตะดังในปัจจุบันอย่าง มิเชล อันโตนิโอ หัวหอกตัวเก่งของ เวสต์แฮม ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้า

โดย ลินการ์ด ถูกส่งลงไปเล่นในตำแหน่งหัวหอกตัวต่ำ ประสานงานร่วมกับ แมต กรีน ในแดนหน้า แต่แล้วหลังจากเสียงนกหวีดเริ่มเกมได้เพียง 20 นาที ดาวรุ่งวัย 20 ปีรายนี้เบิกประตูแรกให้กับตัวเองจากจังหวะวิ่งมาซ้ำลูกยิงของ คริส เบิร์ค แบบเผาขนเข้าไปง่าย ๆ

หลังจากนั้นเพียง 9 นาที ลินการ์ด จัดการซัดลูกที่ 2 จากจังหวะหลุดกับดักล้ำหน้า เข้าไปดวลเดี่ยวกับ คริส เคิร์กแลนด์ ก่อนจะยิงลอดขาเข้าไปนิ่ม ๆ

4 นาทีต่อมาในนาทีที่ 33 เจ้าตัวทำแฮททริกได้สำเร็จจากจังหวะยิงไกลโล่ง ๆ นอกกรอบ บอลพุ่งเสียบหน้าต่างเข้าไปอย่างงดงาม ซึ่งเป็นการทำ 3 ประตูภายในระยะเวลาเพียง 13 นาทีเท่านั้น...

ยังไม่พอ ในช่วงครึ่งเวลาหลังนาทีที่ 51 ลินการ์ด ยิงประตูที่ 4 ให้กับตัวเองจากจังหวะได้ยิงจ่อ ๆ ในกรอบเขตโทษ ช่วยให้ทีมเอาชนะคู่แข่งไปได้ 4-1 ประเดิมสนามให้กับ เบอร์มิงแฮม ไปได้อย่างสวยสดงดงาม

แม้ที่สุดแล้ว เจสซี ลินการ์ด จะค้าแข้งกับ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ เพียงครึ่งฤดูกาล แต่เจ้าตัวก็ทำได้ถึง 6 ประตูกับอีก 3 แอสซิสต์จากการลงสนาม 13 เกม ก่อนจะถูกส่งต่อให้ ไบรท์ตัน ที่ตอนนั้นยังเล่นในลีกรองใช้งาน ทำไป 4 ประตูกับ 4 แอสซิสต์ และกลับมายัง โอลด์ แทรฟฟอร์ด อีกครั้งหลังจากจบฤดูกาลนั้น

โดยซีซั่น 2014/15 แมนฯ ยูไนเต็ด ภายใต้การคุมทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล ลินการ์ด ได้ลงประเดิมสนามในลีกสูงสุดเป็นครั้งแรกตั้งแต่สัปดาห์แรก แถมยังลงเป็นตัวจริงในเกมที่เปิดบ้านพ่าย สวอนซี 1-2 ในนัดเปิดฤดูกาล แม้ว่าหลังจากนั้น เพลย์เมคเกอร์ดาวรุ่งวัย 21 ปีขณะนั้น จะไม่ได้ลงเล่นอีกเลยจนถูกส่งให้ ดาร์บี้ เคาน์ตี้ ยืมตัวในช่วงตลาดซื้อขายนักเตะหน้าหนาวปี 2015 แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของตำนานของเขากับ ปีศาจแดง ที่ทำให้แฟน ๆ เร้ด เดวิลส์ ทุกคนรู้จักชื่อดาวรุ่งความหวังใหม่ของทีมนามว่า เจสซี ลินการ์ด นั่นเอง...


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด