ความสำเร็จทั้งในและนอกสนามตามแบบฉบับ ไบรท์ตัน - FEATURE

Brighton & Hove Albion v Fulham FC - Premier League
Brighton & Hove Albion v Fulham FC - Premier League / Steve Bardens/GettyImages
facebooktwitterreddit

จนถึงตอนนี้คงเรียกได้ว่า เป็นฤดูกาลที่น่าประทับใจสำหรับ ไบรท์ตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน อย่างแท้จริง หลังจากพวกเขารั้งอันดับ 8 ในตารางคะแนน พรีเมียร์ลีก และผ่านเข้าสู่ฟุตบอลถ้วย เอฟเอ คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้ายได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้น่าทึ่งยิ่งกว่าคือ ความยอดเยี่ยมของ ไบรท์ตัน แม้จะสูญเสียทีมงานคนสำคัญ อย่างผู้จัดการทีม เกรแฮม พอตเตอร์ และหัวหน้าฝ่ายสรรหานักเตะ พอล วินสแตนลีย์ ไปให้กับ เชลซี รวมถึง แดน แอชเวิร์ธ ผู้อำนวยการด้านเทคนิค ที่ย้ายไปทำงานกับ นิวคาสเซิล แต่พวกเขาแทบไม่ได้รับผลกระทบเลย

Moises Caicedo, Julio Enciso
Stoke City v Brighton and Hove Albion: Emirates FA Cup Fifth Round / Richard Sellers/GettyImages

โทนี บลูม เจ้าของสโมสร ไบรท์ตัน วัย 52 ปี ถือเป็นบุคคลสำคัญที่ทำให้พลพรรค “นกนางนวล” ยืนหยัดด้วยตัวเองมาจนถึงตอนนี้ ซึ่ง แฮร์รี คุณปู่ของเขาเคยดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานสโมสรในปี 1970

บลูม เป็นคนอัดฉีดเม็ดเงินสร้างสนาม เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม จนเสร็จ และยังลงทุนมากกว่า 337 ล้านปอนด์ ในการพัฒนาด้านต่างๆของสโมสร โดยมี พอล บาร์เบอร์ ประธานบริหาร เป็นผู้กำหนดแนวทางการดำเนินงานของ ไบรท์ตัน

บาร์เบอร์ อธิบายว่า “มันเป็นวิสัยทัศน์ของประธาน มันเป็นงานของผมที่จะจัดระเบียบสโมสร กระตุ้นพนักงานทุกคน และนำวิสัยทัศน์นั้นมาสู่การทำงานที่สโมสรแห่งนี้ จุดที่เราอยู่ตอนนี้มาจากการผสมผสานกันระหว่างการวางแผน ความยืดหยุ่น และการมีความรู้สึกว่าเราต้องการจะไปถึงจุดไหน และเราจะไปถึงจุดนั้นได้อย่างไร”

“เราพยายาม และวางแผนสำหรับสถานการณ์ที่สโมสรอื่นอาจเจอปัญหา เป้าหมายคือ การออกมาจากปัญหาเหล่านั้นได้อย่างแข็งแกร่ง”

แนวทางดังกล่าวทำให้ ไบรท์ตัน มีชื่อเสียงลำดับต้น ๆ จากการเป็นหนึ่งในนักเจรจาต่อรองธุรกิจที่แน่วแน่ที่สุดใน พรีเมียร์ลีก โดยยกตัวอย่างกรณีของ มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางชาวเอกวาดอร์ ที่ข้อย้ายทีม เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แต่ อาร์เซน่อล ไม่ยื่นข้อเสนอตามที่ต้องการจึงทำให้ทุกอย่างจบลงไป

บาร์เบอร์  กล่าวต่อว่า “สโมสรที่ดีที่สุดจะถูกค้นพบจริง ๆ เมื่อมีการทดสอบ และเมื่อแผนของพวกเขาไม่เป็นไปตามที่คาดไว้ ซึ่งบางช่วงเวลา คุณต้องแสดงให้เห็นว่าความทะเยอทะยานของสโมสรของคุณนั้นสำคัญพอๆ กับความทะเยอทะยานของสโมสรอื่นๆ”

“มีหลายครั้งที่มีแรงกดดันจากเอเย่นต์, นักเตะ, สื่อ, สโมสรอื่น ๆ และแฟนบอลของสโมสรอื่น พยายามทำให้คุณจนมุม”

“บางครั้งวิธีที่ดีที่สุดในการจัดการกับเรื่องเหล่านี้คือ การขจัดความกดดันด้วยการทำบางสิ่งที่ผู้คนอาจคิดว่าแปลกในเวลานั้น แต่ก็สมเหตุสมผลสำหรับเรา เรานำผู้เล่นออกจากการต่อรอง ทำให้เอเย่นต์ไม่มีอำนาจจนเกินไป และเดินออกจากสถานการณ์ที่วุ่นวายได้”

Kaoru Mitoma
Stoke City v Brighton and Hove Albion: Emirates FA Cup Fifth Round / Naomi Baker/GettyImages

  แน่นอนว่า นักเตะอย่าง ไกเซโด้, คาโอรุ มิโตมะ และ อเล็กซิส แม็คอัลลิสเตอร์ คงไม่อยู่กับ ไบรท์ตัน ไปจนแขวนสตั๊ด เหมือนกับการที่ เบน ไบท์, อีฟ บิสซูม่า, เลอันโดร ทรอสซาร์ด และ มาร์ก กูกูเรยา เดินออกจากสโมสรไปก่อนหน้านี้

  ขณะเดียวกัน หลังจาก แอชเวิร์ธ จากไป เดวิด เวียร์ อดีตกองหลังทีมชาติสกอตแลนด์ ก็เข้ามารับตำแหน่ง ผอ.เทคนิค คนใหม่ และ ไบรท์ตัน ก็ยังคงนโยบายเดิมคือ มองหาผู้เล่นที่ชื่อไม่ดัง แต่สามารถเข้ามาซึมซับแท็คติค และเล่นกับทีมได้

เวียร์ กล่าวว่า “เราไม่ค่อยซื้อผู้เล่นที่พร้อมสำหรับการลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก เราพยายามซื้อ และพัฒนาผู้เล่นที่สามารถเป็นผู้เล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้ มันพูดง่ายนะ แต่ทำยากจริงๆ”

“ผู้คนมองว่า อเล็กซิส คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกในฐานะนักเตะของ ไบรท์ตัน แต่มีผู้คนมากมายที่มีส่วนร่วมในเส้นทางของเขา เริ่มตั้งแต่การเป็นนักเตะเยาวชนในอาร์เจนตินา การยืมตัวไป โบคา จูเนียร์ส ความท้าทายที่เขามีเมื่อเข้ามาอยู่กับเรา”

“เพราะตอนแรกเขาไม่ได้อยู่ในทีมตัวจริงด้วยซ้ำ ความอดทนของ เกรแฮม พ็อตเตอร์ และการใช้เขาในรูปแบบต่างๆ และ โรแบร์โต้ เดอ แซร์บี เปลี่ยนตำแหน่ง และบทบาทของเขา ซึ่งทำให้เขามีวิธีเล่น และความคิดที่แตกต่างจากเดิม”

“สิ่งนั้นที่ทำให้เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก ผมรู้สึกเหมือนมันเป็นเรื่องราวที่ดีจริงๆ และเป็นจุดสุดยอดของความพยายามอย่างมากจากหลายๆ คน เรื่องราวทั้งหมดไม่ได้จบลงแบบนั้นเสมอไป แต่มันเป็นช่วงเวลาพิเศษ และเป็นสิ่งที่เราควรเฉลิมฉลองในฐานะสโมสร และสำหรับเขาในฐานะบุคคล”

วงการฟุตบอลเต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายของสโมสรที่ผงาดขึ้นมาอย่างน่าอัศจรรย์ และร่วงหล่นลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว แต่สำหรับ ไบรท์ตัน ดูเหมือนว่า พวกเขาอยู่ตรงกลางแบบสม่ำเสมอในระยะยาว มากกว่าจะโด่งดังเป็นพลุดแตกเพียงแค่ 1-2 ปี ซึ่งถือเป็นความสำเร็จอย่างแท้จริง