เคล็ดลับนอกสนามของ กาเบรียล กับเส้นทางสู่ความยิ่งใหญ่กับ อาร์เซนอล - FEATURE
- กาเบรียล เข้าสู่วงการฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในปี 2017
- ปัจจุบันเขาคือกองหลังตัวหลักของอาร์เซนอล และติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่
กาเบรียล มากัญเยส แนวรับทีมชาติบราซิล หนึ่งในนักเตะที่ได้รับการยอมรับแล้วว่าเป็นกองหลังที่แข็งแกร่งที่สุดคนหนึ่งใน พรีเมียร์ ลีก ในช่วงสองปีที่ผ่านมา กับประสบการณ์ในลีกสูงสุดของอังกฤษ 4 ปี จากวันแรกที่แทบไม่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษได้จนเป็นกังวลว่าจะปรับตัวได้หรือไม่กับ อาร์เซนอล มาสู่กองหลังระดับชาติที่กำลังลงเล่นในทัวร์นาเมนต์ระดับทวีปอย่าง โคปา อเมริกา 2024 ในเวลานี้
ทั้งหมดทั้งหลายเกิดขึ้นจาก “การฝึกซ้อม” “ความมุ่งมั่น” และการทำงานที่ถูกทาง ซึ่งมาจากการมีทีมงานอันยอดเยี่ยม และนี่คือเรื่องราวของ กาเบรียล กับการทำงานนอกสนามกับ อันเดร คุนญ่า ผู้บริหารของ โวลท์ สปอร์ต ไซแอนท์ (Volt Sport Science) ที่เปิดใจกับ ดิ แอตเลติก สื่อดังของอังกฤษกับการทำงานร่วมกันที่กลายเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่ยังคงเดินหน้าต่อไป เพื่อเป้าหมายสูงสุดนั่นคือ การเป็นกองหลังที่เก่งที่สุด และประสบความสำเร็จมากที่สุดให้ได้ในวงการฟุตบอล
บทความนี้ผู้เขียนแปลออกมาเป็นหลัก และมีบางส่วนเขียนขึ้นจากความทรงจำเชิงข่าวในหลายช่วงเวลาของนักเตะหนุ่มจากเซา เปาโล คนนี้
กาเบรียล เริ่มต้นการเล่นฟุตบอลอาชีพกับสโมสร อาวาย สโมสรในบราซิล ก่อนที่เมื่ออายุ 20 ปี เขาจะย้ายมาเล่นในยุโรปเป็นครั้งแรกกับ ลีลล์ สโมสรใน ลีก เอิง ที่มองเห็นความสามารถของเขา และนำมาพัฒนาต่อโดยผ่านการยืมตัว และการให้โอกาสเด็กหนุ่มคนนี้ที่ได้ภาษาฝรั่งเศสติดตัวมาตลอด 3 ปีที่นั่น
“ผมเห็นเขา เห็นแววว่าเขาเป็นเด็กที่มีความสามารถและอยากลงเล่นชัดเจนมาก เขาทำงานหนักจนดาวรุ่งคนอื่นต้องทำตาม มันเป็นความพยายามที่เราสามารถเอาไปเทียบกับคนอื่นได้เลยว่า ทำไมพวกเขาไม่ได้โอกาสเท่ากับกาเบรียล” คริสตอฟ กัลติเยร์ อดีตผู้จัดการทีม ลีลล์ กล่าว
การย้ายมาเล่นกับ อาร์เซนอล ในปี 2020 ด้วยค่าตัว 26 ล้านยูโร ทำให้เขาถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น มิเคล อาร์เตต้า เลือกเขาเป็นหนึ่งในนักเตะรุ่นใหม่ที่จะเป็นโครงสร้างหลักของทีม และนักเตะก็ตอบแทนความมั่นใจที่มีให้กับเขาด้วยการทำงานหนัก จากปีแรกที่แสดงออกถึงความ “กังวล” ผ่านทางแววตาทุกครั้งที่ผิดพลาด การเล่นที่หลายครั้งเต็มไปด้วยความไม่มั่นใจ ผิดหวังมากมาย เรียนรู้จากความเจ็บปวด ปัจจุบันสิ่งเหล่านั้น กลายเป็นอดีตที่ไม่หวนกลับมาอีกแล้ว เพราะ กาเบรียล พัฒนาตนเองอย่างยอดเยี่ยม จับคู่กับ วิลเลี่ยม ซาลิบา ได้อย่างแข็งแกร่งกลายเป็นคู่กองหลังที่ดีที่สุดคู่หนึ่งของพรีเมียร์ ลีก
“เขาเป็นนักเตะมืออาชีพเต็มตัวแล้ว มีสมาธิ มุ่งมั่นอย่างมาก การดูแลร่างกายก็ยอดเยี่ยม อาการบาดเจ็บของเขาลดลงมาก เมื่อบาดเจ็บน้อยลง ก็ยิ่งผลักดันตนเองได้มากขึ้น ลงเล่นได้ต่อเนื่องขึ้น กระโดดได้สูงขึ้น ทำประตูได้มากขึ้นด้วย” คุนญ่า กล่าว
อันเดร คุนญ่า เป็นนักกายภาพชาวบราซิล ที่ทำงานกับบริษัท 4Perform ที่ทำงานเกี่ยวกับการพัฒนาศักยภาพของนักกีฬาหลายประเภทภายใต้การทำงาน 4 ส่วนคือ สารอาหาร, สภาพร่างกาย, สภาพจิตใจ และการฝึกซ้อม จนกระทั่งในปี 2018 เขาก็ได้รับโอกาสครั้งใหญ่ เมื่อได้รับการติดต่อจาก กาเบรียล เชซุส ที่ ณ เวลานั้นลงเล่นกับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ขอร้องให้เขามาเป็นเทรนเนอร์ส่วนตัวให้ อย่างไรก็ตาม คุนญ่า ปฏิเสธข้อเสนอนี้ และเปลี่ยนข้อเสนอให้เขาเป็นผู้จัดการด้านศักยภาพส่วนตัวของเชซุสทั้งหมด ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น จนกระทั่งการย้ายมาร่วมงานกับอาร์เซนอล กาเบรียล เชซุส ก็ยังคงทำงานร่วมกับเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปคือ คุนญ่า เปิดบริษัท ของ โวลท์ สปอร์ต ไซแอนท์ (Volt Sport Science) เป็นของตัวเอง และมีลูกค้ามากมายที่อยู่ในความดูแลของเขา รวมถึง กาเบรียล มากัญเยส ที่คุณพ่อของนักเตะทราบข่าวเกี่ยวกับความสามารถของ คุณญ่า และบริษัทของเขา จนได้มีการพูดคุยกันและได้ทำงานร่วมกัน
“พ่อของเขา (กาเบรียล มากัญเยส) โทรหาผม เราได้มีการพูดคุยกัน กาเบรียล มีครอบครัวที่ดีมาก ครอบครัวเขาสนับสนุนเขาเต็มที่ และมองถึงสิ่งที่จำเป็นสำหรับการเป็นนักกีฬาที่ยอดเยี่ยม ผมไปประชุมกับเขาที่บ้านสองครั้ง และก็ตกลงทำงานด้วยกัน เป้าหมายของเขาเป็นเรื่องทั่วไปแต่ชัดเจนมาก เขาอยากเป็นแชมป์กับอาร์เซนอล และติดทีมชาติบราซิลชุดใหญ่”
การทำงานของ โวลท์ สปอร์ต ไซแอนท์ (ต่อจากนี้จะเรียกสั้น ๆ ว่า โวลท์) จะทำงานเป็นสามส่วนสำหรับนักกีฬาหนึ่งคนคือ ส่วนของคนปกติทั่วไป, นักกีฬา และ นักเตะอาชีพ โดยที่เขาระบุว่าเรื่องของความเป็นคนปกติคนหนึ่งกับการเป็นนักกีฬาคือหัวใจหลักของการพัฒนาตัวเอง โดยมี เรนาโต้ คอสต้า ทีมงานของโวลท์ได้รับมอบหมายให้มาดูแล กาเบรียล โดยเฉพาะ
อย่างที่เราทราบกันนอกจากเรื่องสภาพร่างกายพื้นฐาน และจิตใจแล้ว กีฬาแต่ละประเภท ตำแหน่งแต่ละตำแหน่งก็ต้องการจุดเด่นที่ไม่เหมือนกัน บนพื้นนที่ฐานที่ว่าต้องการให้นักเตะนั้นมีร่างกายที่ดีขึ้น และเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บให้น้อยที่สุด
“เราเริ่มต้นจากข้อมูลเบื้องต้นทั้งสภาพร่างกาย, จิตใจ, สารอาหาร และอาหารที่เขารับประทาน ไปจนถึงเรื่องเกี่ยวกับข้อมูลนักกีฬา ทั้งหมดต้องนำมาประกอบกันเพื่อการมองหาจุดด้อยที่สุดของเขา และเราจะเริ่มต้นกับการลงมือทำงานร่วมกันในจุดที่เราต้องการ ทำงานร่วมกันเพื่อให้การเล่นฟุตบอลทำได้ดีต่อเนื่อง การบาดเจ็บก็จะลดน้อยลง ทีมงานทุกคนจะมีข้อมูลของคนที่ตนเองดูแล เราจะพูดคุยกันเกี่ยวกับปัญหาที่พบ จะแก้ไขอย่างไร บางเรื่องมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาพูดคุยเพิ่มเติม”
“กาเบรียล เป็นกองหลังตัวกลาง สิ่งแรกที่จำเป็นมากคือการพัฒนาความแข็งแกร่ง เขาจำเป็นต้องปะทะกับคู่แข่งบ่อยมาก และต้องชนะในการเจอกับกองหน้าที่มีความเร็วด้วยในเวลาเดียวกันด้วย ต้องมีร่างกายแข็งแรง สามารถควบคุมร่างกายได้อย่างที่ต้องการ จังหวะที่ต้องลดความเร็วในการวิ่ง ทำอย่างไรในการลงน้ำหนักเท้า และเปลี่ยนทิศทางการเคลื่อนที่ ทั้งหมดคือการควบคุมร่างกายที่ต้องพัฒนา เพราะมันแทบจะเกิดขึ้นพร้อมกันหมด คนตัวใหญ่อย่างเขา กระโดดแต่ละครั้งต้องแข่งแกร่ง ฐานต้องแน่นมาก ยิ่งตัวสูงก็ยิ่งยากที่จะมั่นคง การเล่นกับอาร์เซนอล ที่เป็นทีมครองบอลเยอะ เล่นเกมสวนกลับก็เยอะ ความเร็วก็ยิ่งจำเป็น พวกนี้คือสิ่งที่เราใส่ลงไปเพื่อการพัฒนาตัวเขา”
“ยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งทำงานอย่างเข้าใจหลักการ กาเบรียล ได้เป็นพ่อคนแล้วในปีที่ผ่านมา เขากลายเป็นคนที่แตกต่างไปจากเดิมเมื่อหลายปีก่อน เขารู้จักเวลาในการทำงาน เวลาเพื่อการพักผ่อน และเขาเข้าใจว่าทำไมมันถึงต้องทำแบบนั้น ทำไมเขาต้องเลือกแบบนี้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเขา ผลลัพธ์ทั้งหมดมันบอกถึงการทำงานหนักตลอดมา”
สถิติตัวเลขการมีส่วนร่วมกับเกมของ กาเบรียล กับ อาร์เซนอล มากขึ้นทุกปี เขาลงเล่นในปีที่ผ่านมาถึง 50 เกมในทุกรายการ แถมยังเป็นปีแรกของเขากับอาร์เซนอลบนเวทีแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกด้วย กับทีมที่กำลังไปได้สวยในการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีก ซึ่ง กาเบรียล ก็ยอมรับว่า มันดีมากกับการทำงานนอกสนามที่ทำงานหนักเพื่อยกระดับตนเอง ควบคู่กับการฝึกซ้อมกับอาร์เซนอล
“ทุกอย่างที่ผมทำมันเชื่อมโยงกับการทำงานที่อาร์เซนอล ผมฝึกซ้อมส่วนตัวทำงานนอกสนามสนามเพื่อผลงานในสนามแข่ง และรายละเอียดปลีกย่อยของร่างกาย ผมบาดเจ็บน้อยลง และหากบาดเจ็บก็ฟื้นตัวเร็วขึ้น เมื่อเป็นแบบนั้นผมก็ซ้อมได้ดี เตรียมตัวได้ดีขึ้นในแต่ละเกม”
คุณญ่า ยอมรับว่าการทำงานทีเรียกกันว่าเทรนเนอร์ส่วนตัวของนักกีฬา กับทีมงานของสโมสรแต่ละสโมสร สิ่งมีปัญหาอยู่บ้าง และที่ต้องทำอย่างยิ่งคือเรื่องของการสื่อสารที่ชัดเจนโดยเฉพาะเรื่องของข้อมูล เพราะอาชีพนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ของวงการฟุตบอล แต่สิ่งที่ขาดหายไปคือ การสื่อสารที่ไม่ดีพอ และส่งผลเสียกับนักเตะ รวมถึงทีมงานทั้งสองฝ่าย และเขาเชื่อว่าวงการฟุตบอลกับอาชีพของพวกเขาจะยังมีพื้นที่แห่งการเติบโตในอาชีพอีกมาก
“เรามีกลุ่ม WhatsApp กันระหว่างทีมงาน และทีมงานอาร์เซนอล ที่มีทีมงานหลายคนทั้งหัวหน้าทีมกายภาพ, ทีมพัฒนาศักยภาพผู้เล่น และแพทย์ของทีมอยู่ในนั้น มีการแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน มีผลตัวเลขค่าต่าง ๆ ของผู้เล่นที่สามารถแลกข้อมูลกัน และข้อมูลเหล่านี้สโมสรจะต้องได้รับทราบก่อนที่จะถึงผู้เล่น”
“ทุกวันนี้สนามซ้อมก็ไม่ต่างอะไรจากสนามแข่ง นักเตะต่างก็ต้องพยายามที่จะต่อสู้เพื่อตำแหน่งตัวจริงภายในทีม แข่งขันกันทุกวัน ผู้เล่นก็ย่อมต้องการมองหาอะไรที่จะทำให้พวกเขาพัฒนาตนเองได้มากขึ้นเช่นกัน กิจกรรมบางอย่างไม่ได้มีในสนามซ้อม หรือในสโมสร อย่างเช่นการเล่นโยคะหรือว่า พีราทิส ก็ไม่ใช่เรื่องที่ทำกันปกติในการเล่นฟุตบอล แต่มันสามารถช่วยเหลือนักเตะได้ นักเตะหลายคนก็เลือกที่จะมองหาเราเพื่อช่วยเหลือในส่วนนี้นั่นเอง”