เส้นทาง 20 ปี ของ โธมัส แฟรงค์ จากโค้ชเยาวชนสู่ฮีโร่ของ เบรนท์ฟอร์ด - FEATURE
โดย Navapun Munarsa
ชื่อของ โธมัส แฟรงค์ ไม่เคยเป็นที่รู้จักของแฟนบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ หลังจากเริ่มทำงานกับ เบรนท์ฟอร์ด ในฐานะผู้ช่วยกุนซือเมื่อปี 2016 แต่ตอนนี้ เขากำลังพาพลพรรค “เดอะ บีส์” จบซีซั่นด้วยอันดับที่ดีที่สุดของสโมสรในรอบ 85 ปี
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะมาถึงเมืองผู้ดี แฟรงค์ ใช้เวลา 20 ปีในการพัฒนาฝีมือของตัวเอง โดยเริ่มจากการเป็นโค้ชทีมเยาวชนสู่การก้าวขึ้นมาเขย่าวงการฟุตบอล พรีเมียร์ลีก กับ เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งถือว่าเป็นผลงานที่น่าประทับใจอย่างมาก
การเดินทางของ แฟรงค์ เริ่มต้นจากการคุมทีมชุดอายุต่ำกว่า 8 ปี ของ เฟรเดอริกสแวร์ก สโมสรในบ้านเกิด ก่อนที่จะขยับไปเป็นเทรนเนอร์ทีมชาติเดนมาร์กอายุต่ำกว่า 17 ปี ซึ่งเจ้าตัวได้พาทัพ “โคนม” เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรปในปี 2011 มาแล้ว
ในระหว่างทัวร์นาเมนต์นั้น เดนมาร์ก ชุดอายุต่ำกว่า 17 ปี ภายใต้การนำของ แฟรงค์ สร้างผลงานเอาชนะเจ้าภาพ เซอร์เบีย, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ ที่มี จอร์แดน พิคฟอร์ด นายทวาร เอฟเวอร์ตัน และ ราฮีม สเตอร์ลิง ปีก เชลซี อยู่ในทีมด้วย
ลี โรเชสเตอร์ โซเรนเซ่น อดีตกองหน้า U17 ของเดนมาร์ก เล่าว่า “โธมัส พยายามปรับปรุงทีมอยู่เสมอ และมีแผนสำหรับทุกย่างก้าว เขามีแผน A, B และ C เสมอ ทำให้ชัดเจนว่าสิ่งที่จำเป็นตลอดการเล่นทั้ง 4 ระยะ ตั้งแต่ผู้รักษาประตูจนถึงตัวรุกของเรา เขาจะบอกเราถึงวิธีกดดันคู่แข่ง และเหตุผลว่าทำไมต้องทำ”
“ในฐานะโค้ช เขานึกถึงคนที่ผิดหวังที่ไม่ได้ 11 ตัวจริง เขาจะเรียกคุณไปที่ห้องทำงานของเขา และอธิบายการตัดสินใจ พร้อมขอบคุณสำหรับการทำงานหนักของคุณ เขาเป็นคนยุติธรรม หากลูกทีมคนไหนเล่นไม่ดี เขาจะดร็อปทันที เขาต้องการ และคาดหวังอย่างมากจากเรา”
“เขาเป็นคนจริงจังอย่างมาก เขาเคยโมโห และพูดว่า ฉันพร้อมจะเปลี่ยนผู้เล่น 11 ตัวจริงได้ทั้งทีม เขาอาจมีอารมณ์โกรธบ้าง แม้ว่าจริงๆแล้วเขาจะเป็นคนใจดีก็ตาม”
เดนมาร์ก ของ แฟรงค์ เข้าถึงรอบรองชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ แต่น่าเสียดายที่พวกเขาพ่ายให้กับ เยอรมัน แต่หลังจากนั้น เขาก็ยังพา “โคนม” ไปเล่นในศึกฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี ที่ประเทศเม็กซิโกได้สำเร็จ
แฟรงค์ ยังคงอยู่กับทีมเยาวชนของเดนมาร์กจนถึงปี 2013 จากนั้น เจ้าตัวก็ได้รับการเสนอบทบาทให้เข้าไปรับงานเป็นกุนซือ บรอนด์บี ในปีเดียวกัน ซึ่งสโมสรไม่ได้แชมป์ลีกมาตั้งแต่ปี 2005
มาร์ติน ออร์นสคอฟ อดีตกองกลาง บรอนด์บี เล่าว่า “ในช่วงแรกที่ โธมัส เข้ามาคุมทีมเขาทำผิดพลาดไปบ้าง มีหลายครั้งที่เขาพูดคุยถึงวิธีแก้ปัญหากับเราระหว่างเกม ซึ่งมันห่างไกลจากการมองว่ามันเป็นจุดอ่อน ผมมองว่ามันเป็นจุดแข็งของเขา”
อย่างไรก็ตาม มีแรงกดดันให้ แฟรงก์ นำความสำเร็จกลับคืนสู่สโมสรโดยเร็วที่สุด ซึ่งมันเป็นเรื่องยาก และต้องใช้เวลาพอสมควร แต่ บรอนด์บี ไม่เคยจบฤดูกาลต่ำกว่าอันดับ 3 ในช่วงเวลา 3 ปีที่เขาทำงานให้กับทีม
ออร์นสคอฟ กล่าวว่า “ตอนนั้นผมไม่แน่ใจว่า เขาจะไปเป็นโค้ชใน พรีเมียร์ลีก ได้ ผมรู้แค่ว่า เขาจะถูกยกย่องในฐานะบุคคลหนึ่ง และสามารถพัฒนาเป็นโค้ชที่ดีได้ แต่การทำงานใน พรีเมียร์ลีก โดยไม่ต้องมีประสบการณ์หรือโค้ชบิ๊กเนมมาก่อนนั้น เป็นบททดสอบที่ยิ่งใหญ่ แต่สิ่งที่เกี่ยวกับ โธมัส คือ เขาอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับฟุตบอลอยู่เสมอ เขามีชีวิตอยู่เพื่อเกมนี้”
หลังอำลา บรอนด์บี ในเดือนธันวาคมปี 2016 แฟรงค์ ก็ไปทำงานเป็นผู้ช่วยโค้ชให้กับ ดีน สมิธ ที่ เบรนท์ฟอร์ด ก่อนจะได้รับแต่งตั้งให้คุมทีมเต็มตัวในเดือนตุลาคมปี 2018 และพา “เดอะ บีส์” ขึ้นมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก ได้สำเร็จ
ในวัย 49 ปี แฟรงค์ ยังคงมีเส้นทางที่สดใสรออยู่ ซึ่งมีโอกาสสูงมากที่เจ้าตัวจะพาทีมไปเล่นในฟุตบอลยุโรปรอบคัดเลือกในซัซั่นหน้า และน่าสนใจว่า โค้ชเลือดโคนมรายนี้ จะพา “เดอะ บีส์” ไปได้ไกลเพียงใด