ฉากจบ พรีเมียร์ลีก 2022/23 : ยักษ์ใหญ่ทีมไหนมีพัฒนาการอย่างไร ดีหรือแย่ ขึ้นหรือลง เมื่อเทียบกับปีก่อน - FEATURE
สนุกสนานกว่าละครหลังข่าว และนี่คือชีวิตจริง คือเรื่องจริงที่เกิดขึ้นแล้ว และส่งผลกระทบกับทุกชีวิตที่มีส่วนเกี่ยวข้อง สำหรับตอนจบของ พรีเมียร์ลีก 2022/23
ที่น่าสนใจมากพอต่อการเอ่ยถึง คือการตรวจสอบ "พัฒนาการ" ไม่ใช่เพื่อดูว่ารถติดมากน้อยแค่ไหน แต่คือการดูว่า แต่ละทีมยักษ์ใหญ่ เรือ-ปืน-ผี-หงส์-สิงห์ ฯลฯ ทำได้ดีขึ้นหรือแย่ลงอย่างไร เมื่อเทียบผลงานประจักษ์ชัดจากปีก่อนๆ
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 27 เสมอ 5 แพ้ 6 แต้ม 86 | 1 |
2021/22 | ชนะ 29 เสมอ 6 แพ้ 3 แต้ม 93 | 1 |
2022/23 | ชนะ 28 เสมอ 5 แพ้ 5 แต้ม 89 | 1 |
โหดจัดสะบัดช่อไปเลยพ่อจ๋าแม่จ๋า กับมาตรฐานที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และบรรดาลูกทีม แมนฯ ซิตี้ ร่วมกันสรรค์สร้าง โดยจะพบว่า เป็นเวลา 3 ปีติดต่อกันแล้วที่พวกเขาชนะได้ 27 เกม++ ต่อปี แบ่งที่เหลือประมาณสิบนัดไว้ให้ผลเสมอกับแพ้ พร้อมกับทำแต้มได้ 86 คะแนนขึ้นไปทั้งสิ้น
และสิ่งที่ตามมาจากมาตรฐานสูงๆ นั่น ก็คือการผงาดบัลลังก์แชมป์ 3 ปีซ้อน ไม่มีสะดุดตกหล่น จนเป็นคำถามสำคัญมากๆ ของบรรดาคู่ (ที่อยากจะ) แข่งรายรอบ ว่าจะต้องทำอย่างไร วิธีไหน ถึงจะฉุดเรือใบลำนี้ลงจากจุดสุดยอดได้
อ่อ มาตรฐานสูงปรี๊ดของ แมนฯ ซิตี้ ที่เห็นนี่ ยังหมายความว่า มีเพียง ลิเวอร์พูล ชุดสุดพีค สร้างประวัติศาสตร์กวาดแต้ม 99 คะแนน (ชนะ 32 เสมอ 3 แพ้ 3) รายเดียวเท่านั้นที่สามารถกลบรัศมีทีมของเป๊ปได้ เมื่อ 3 ซีซั่นที่แล้ว (2019/20) โน่น
อาร์เซน่อล
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 18 เสมอ 7 แพ้ 13 แต้ม 61 | 8 |
2021/22 | ชนะ 22 เสมอ 3 แพ้ 13 แต้ม 69 | 5 |
2022/23 | ชนะ 26 เสมอ 6 แพ้ 6 แต้ม 84 | 2 |
สิ่งเดียวที่น่าเสียดายคือ เครื่องที่มาแรงๆ ดันระเบิดตูมตามไฟช็อตไปกันเองในช่วง 2 เดือนสุดท้าย แบบที่ชนะได้แค่ 3 จาก 9 นัดท้ายสุด (เสมอ 3 แพ้ 3) จน อาร์เซน่อล ต้องยอมหยิบยื่นโทรฟี่แชมป์ให้ แมนฯ ซิตี้ แต่โดยดี
กระนั้น ในภาพรวมก็คือมาตรฐานที่น่าประทับใจอย่างยิ่งของ มิเกล อาร์เตต้า และชาวคณะปืนโต ที่เป็นเส้นกราฟขยับขึ้นอย่างชัดเจนในตลอด 3 ปีหลัง จากอันดับ 8 มาสู่ที่ 5 และก้าวมาเป็นรองแชมป์--แบบที่ทำให้ แมนฯ ซิตี้ ต้องเสียเหงื่อลุ้นเหนื่อยไม่น้อยเลย
และผลตอบแทนของความดีงามนี้, แม้จะไม่ถึงฝั่งฝันกับแชมป์ลีก, ก็คือการได้กลับไปโรมรันใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก สร้าง "ค่ำคืนแห่ง ชปล." ให้เกิดขึ้นใน เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม อีกครั้ง หลังห่างหายมาตั้งแต่ปี 2017 หรือยุค อาร์แซน เวนเกอร์ โน่นเลย
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 21 เสมอ 11 แพ้ 6 แต้ม 74 | 2 |
2021/22 | ชนะ 16 เสมอ 10 แพ้ 12 แต้ม 58 | 6 |
2022/23 | ชนะ 23 เสมอ 6 แพ้ 9 แต้ม 75 | 3 |
เป็นอีกทีมที่สร้างพัฒนาการได้ดีเมื่อเทียบกับความเละเทะสะเปะสะปะที่เกิดขึ้นในปีก่อน ซึ่ง ราล์ฟ รังนิค เข้ามาทำให้ปั่นป่วนมากกว่าตอนที่มี โอเล่ กุนนาร์ โซลชา นั่งเก้าอี้เสียอีก
ก็คงต้องบอกว่า บอร์ด แมนฯ ยูไนเต็ด เลือกถูกที่คว้าเอา เอริค เทน ฮาก เข้ามานั่งเก้าอี้ และ เทน ฮาก ก็เลือกจิ้มตัวใหม่ได้ถูกต้องมากๆ สร้างอิทธิพลกับผลการแข่งขันได้สูงทั้ง กาเซมิโร่, ราฟาแอล วาราน, ลิซานโดร มาร์ติเนซ, คริสเตียน เอริคเซ่น (ฟรี!) จะมีที่ติดลบหน่อยๆ ก็แค่ อันโทนี่ กับ ไทเรลล์ มาลาเซีย เท่านั้น
สิ่งสำคัญมากอีกอย่าง คือการที่ เทน ฮาก ทำให้ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด กลายเป็นสุดยอดป้อมปราการที่ทุกคู่แข่งต้องเกรงขาม (และทุกสาวกอยากไปเยี่ยมเยียน) เมื่อนับตั้งแต่แพ้ เรอัล โซเซียดัด ใน ยูโรป้า ลีก ตอนต้นเดือน ก.ย. แล้ว ก็ไม่แพ้ใครคารังอีกเลยจนจบซีซั่น ชนะเป็นเรื่องปกติ มีเสมอบ้างนานๆ ทีเท่านั้น
แม้ผลงานเกมเยือนจะยังเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ แต่เมื่อบวกลบกันแล้ว ก็ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด เด้งจากที่ 6 ปีก่อน มายืนอันดับ 3 ตีตั๋ว ชปล. สำเร็จตามเป้า
นิวคาสเซิ่ล
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 12 เสมอ 9 แพ้ 17 แต้ม 45 | 12 |
2021/22 | ชนะ 13 เสมอ 10 แพ้ 15 แต้ม 49 | 11 |
2022/23 | ชนะ 19 เสมอ 14 แพ้ 5 แต้ม 71 | 4 |
ถัดจากการเลื่อนชั้นของ ลูตัน ทาวน์ ที่เป็นเซอร์ไพรส์ใหญ่สุดของฟุตบอลอังกฤษซีซั่นนี้ ก็แน่นอนว่าคือการตีตั๋ว ชปล. หนแรกรอบ 20 ปีของ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด
ไม่น่าเชื่อมากๆ ว่า เอ๊ดดี้ ฮาว จะปรับแก้สาลิกาจากที่จมท้ายตารางในยุคของ สตีฟ บรูซ (โดนเด้ง ต.ค. 2021) มาจบที่กลางตารางแบบสบายๆ แล้วยังตามด้วยความสำเร็จใหญ่ขั้นแซงหน้า ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส, เชลซี หรือใครต่อใคร ขึ้นไปจบท็อปโฟร์ได้เฉยเลย
ตลอดซีซั่นนี้ นิวคาสเซิ่ล หลุดแพ้แค่ 5 นัด นี่คือจำนวนน้อยสุดเทียบเท่าแชมป์อย่าง แมนฯ ซิตี้ และยังเป็นจำนวนเกมแพ้น้อยสุดของสโมสร ตลอดการเล่นพรีเมียร์ลีก 30 กว่าปีด้วย
ลิเวอร์พูล
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 20 เสมอ 9 แพ้ 9 แต้ม 69 | 3 |
2021/22 | ชนะ 28 เสมอ 8 แพ้ 2 แต้ม 92 | 2 |
2022/23 | ชนะ 19 เสมอ 10 แพ้ 9 แต้ม 67 | 5 |
ถัดจากกลุ่มพัฒนาการน่าประทับใจแล้ว ก็มาถึงกลุ่มที่พัฒนาการถอยหลัง--อย่างน่าตกใจอยู่ไม่น้อย
นำมาโดย ลิเวอร์พูล ที่ปีก่อนยังคั่วแชมป์ ยังเข้าป้ายรองแชมป์อยู่แท้ๆ มาปีนี้ด้วยปัญหานักเตะบาดเจ็บที่ตามรุมเร้าตั้งแต่ต้นยันจบ ทั้งที่อุตส่าห์ฟื้นฟอร์มสวยด้วยการไร้พ่ายตลอด 11 เกมท้าย (ชนะ 7 เสมอ 4) ก็ยังไม่มากพอให้จบในท็อปโฟร์ได้อยู่ดี
ชัดเจนว่า เยอร์เก้น คล็อปป์ มีการบ้านกองโตให้ต้องทำตอนซัมเมอร์นี้ ทั้งเรื่องปรับแต่งขุมกำลัง ขาเข้าขาออก และทำอย่างไรให้ ลิเวอร์พูล กลับไปอยู่ในจุดที่เคยอยู่และควรอยู่ อีกครั้ง
สเปอร์ส
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 18 เสมอ 8 แพ้ 12 แต้ม 62 | 7 |
2021/22 | ชนะ 22 เสมอ 5 แพ้ 11 แต้ม 71 | 4 |
2022/23 | ชนะ 18 เสมอ 6 แพ้ 14 แต้ม 60 | 8 |
เกาะแขนกันเข้ารับรางวัล "น่าผิดหวังแห่งปี" ได้เลยสำหรับ 2 ตัวแทนลอนดอนอย่าง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ และ เชลซี
สำหรับ สเปอร์ส พวกเขาคงต้องย้อนไปพิจารณาคำ "เม้งแตก" ของ อันโตนิโอ คอนเต้ ให้จงหนัก ตกผลึกกลั่นกรองออกมาเป็นบทเรียนให้ได้ ว่าอะไรบ้างที่โค้ชอิตาเลี่ยนพูดถูก อะไรบ้างที่เป็นเรื่องจริง
เพราะมันต่างกันอย่างมีนัยสำคัญ -- สเปอร์ส ที่มี คอนเต้ นั่งเก้าอี้ ได้ลุ้นท็อปโฟร์เต็มตัว เกาะกลุ่มหัวแถวไม่มีหลุด แต่พอเปลี่ยนเป็น คริสเตียน สเตลลินี่ กับ ไรอัน เมสัน แล้ว ก็มีแต่ก้าวถอยหลัง จนท้ายสุดเข้าป้ายแค่อันดับ 8
มาตรฐานเดียวที่ดีเยี่ยมของ สเปอร์ส ก็คือ แฮร์รี่ เคน ที่ยังคงท็อปพีคได้ไม่ตกหล่น ซีซั่นนี้กดรวม 32 ประตู (30 ในลีก) จนนับเป็นความต่อเนื่อง "9 ปีซ้อน" เข้าไปแล้ว ที่ เคน ยิงได้ไม่ต่ำกว่า 24 ประตูในแต่ละปี -- ต่ำสุด 24 สูงสุด 35
เชลซี
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 19 เสมอ 10 แพ้ 9 แต้ม 67 | 4 |
2021/22 | ชนะ 21 เสมอ 11 แพ้ 6 แต้ม 74 | 3 |
2022/23 | ชนะ 11 เสมอ 11 แพ้ 16 แต้ม 44 | 12 |
"เราแพ้ทุกสัปดาห์...เราแพ้ทุกสัปดาห์" เพลง chant ท่อนนี้ดังขึ้นในกลุ่มแฟนบอล เชลซี อย่างกล้ำกลืนยอมจำนนต่อตลกร้าย โชคชะตาที่ขีดเส้นให้สโมสรอันเป็นที่รักของพวกเขา กลายสภาพเป็นหมูสนาม เป็นทีมที่ทุกคู่แข่งลูบปากอยากเจอ ที่ไหนก็ได้ เหย้าเยือนไม่ต่างกัน
แต่บางที อาจประทับตราว่าซีซั่นนี้คือ "อุบัติเหตุ" ทางลูกหนัง ก็ย่อมได้ เพราะหลังจากจบอันดับ 3-4-5 มานานปี รวมถึงก็เพิ่งได้แชมป์พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ หรือกระทั่ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก มาแบบภาพความทรงจำยังไม่ทันจาง ก็กลายเป็นการตกหล่ม จบอันดับ 12 เสียเฉยๆ
ไม่ต้องสงสัย ปัจจัยหลักคือความผันผวนของเก้าอี้กุนซือ จาก โธมัส ทูเคิ่ล สู่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ มาเป็น บรูโน่ ซัลตอร์ และปิดท้ายด้วย แฟร้งค์ แลมพาร์ด (ก่อนที่ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ จะตามมาแค่ 2-3 วันหลังจบซีซั่น)
จนตอนนี้ สื่อหลายเจ้าๆ รุมชี้ว่า "ผู้แพ้" รายใหญ่สุดของ เชลซี ซีซั่นนี้ ก็ไม่ใช่ใคร
ท็อดด์ โบห์ลี่ ที่เรียนแต่วิชาผูก ไม่ได้เรียนวิชาแก้มา นั่นเอง
เอฟเวอร์ตัน
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 17 เสมอ 8 แพ้ 13 แต้ม 59 | 10 |
2021/22 | ชนะ 11 เสมอ 6 แพ้ 21 แต้ม 39 | 16 |
2022/23 | ชนะ 8 เสมอ 12 แพ้ 18 แต้ม 36 | 17 |
ใช้คำว่ารอดตาย "หวุดหวิด" ได้เต็มปาก กับการที่ เอฟเวอร์ตัน ต้องลุ้นกันถึงนาทีสุดท้ายของเกมปิดซีซั่น ว่าจะเอาชนะ บอร์นมัธ ได้หรือไม่ เพราะหากพลาดท่าโดนคู่แข่งยิงตีเสมอขึ้นมา คดีก็พลิกทันที เลสเตอร์ จะรอดตาย และ เอฟเวอร์ตัน จะต้องตกชั้น ปิดตำนานการอยู่โยงลีกสูงสุดไว้ที่ 69 ปี
แต่ถ้าพูดกันเรื่อง "มาตรฐาน" แล้ว นี่แหละคือจุดที่พวกเขาต้องกลับไปสะสางกันภายใน เป็นวาระใหญ่ที่ทุกฝ่ายต้องมีส่วนเกี่ยวข้อง ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ที่ทำให้ทีมอย่าง เอฟเวอร์ตัน ต้องดิ้นรนหนีตาย 2 ปีติดต่อกัน อะไรที่ขาดหายไป หรือจุดใดที่ต้องปรับเปลี่ยน
ไม่เช่นนั้น ซีซั่นหน้าก็มีสิทธิ์ต้องหนีตกชั้น เข้าอีหรอบเดิมอีก
เลสเตอร์
ซีซั่น | ผลงาน | อันดับ |
---|---|---|
2020/21 | ชนะ 20 เสมอ 6 แพ้ 12 แต้ม 66 | 5 |
2021/22 | ชนะ 14 เสมอ 10 แพ้ 14 แต้ม 52 | 8 |
2022/23 | ชนะ 9 เสมอ 7 แพ้ 22 แต้ม 34 | 18 |
ปิดท้ายด้วยคราบน้ำตาและความไม่น่าเชื่อเลยจริงๆ (โดยเฉพาะเมื่อเทียบผลงานปีต่อปีแบบนี้) ว่า เลสเตอร์ ซิตี้ จะดิ่งลงๆ จนตกชั้น เหมือนตัวร้ายโดนถีบทะลุกระจกตกลงพื้นล่าง
เพราะถัดจากแชมป์พรีเมียร์ลีกครั้งประวัติศาสตร์ร้อยปีมีหน ก็ยังมีแชมป์ เอฟเอ คัพ 2021 ที่มาพร้อมกับการจบอันดับสวยๆ อย่างที่ 5 ซึ่งห่างจากโซน ชปล. (4. เชลซี) แต้มเดียวถ้วน ใครจะเชื่อว่าจากนั้นแค่ 2 ปี ทัพจิ้งจอกจะต้องไปรีเซ็ตตัวเองกันใหม่ใน อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ เสียแล้ว
นี่คือสิ่งที่ต้องว่ากันยาว มีรายละเอียดให้พูดถึงหลายจุด มีประเด็นให้วิเคราะห์อย่างลงลึก ว่ามันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่ เลสเตอร์ ถึงได้มีชะตากรรมแสนเศร้าแบบนี้
ยกยอดเอาไว้ก่อน และ 90min คงได้นำเสนอเป็นลำดับถัดไป...