Nice kick about with the boys… ชัยชนะของเด็กปืน - FEATURE
อาร์เซนอล ปิดเบรกทีมชาติในรอบนี้ด้วยความสวยสดกับชัยชนะเหนือเบรนท์ฟอร์ด 3-0 ในสนามที่ปีที่แล้วพวกเขาเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้แบบหมดรูปบนชัยชนะเกมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีกของฝูง “พญาผึ้ง” และในเวลาเดียวกันก็เป็นการทำลายอารถรรพ์รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนที่ว่ากันว่าใครได้ไปมักเจอคำสาปผลงานจะห่วยทันที รวมถึงเกมนี้เป็นเกมที่มีประเด็นพูดคุยที่น่าสนใจมากมายอีกเกม
มิเคล อาร์เตต้า เกมนี้ไม่มีชื่อของนักเตะในทีมชุดใหญ่ 4 คนประกอบไปด้วย โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เอมิล สมิธ โรว์ และ มาร์ติน เออเดการ์ด และทำให้วันนี้พวกเขาต้องปรับตัวมากพอสมควร โดยฟาบิโอ วิเอร่า ประเดิมสนามตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ ลีกในวันนี้ เช่นเดียวกับการคัมแบ็คกลับมาในรอบหลายเกมของ โธมัส ปาเตย์ บนระบบการเล่น 4-2-3-1 ซึ่งเป็นแผนการเล่นหลักของทีม ขณะที่เจ้าบ้านของโธมัส แฟรงค์ มาพร้อมกับทีมในระบบ 3-5-2 อิวาน โทนี่ หัวหอกที่เพิ่งได้รับการเรียกตัวจากทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกลงค้ำแนวหน้า
สไตล์การทำทีมของ โธมัส แฟรงค์ ชัดเจนมาตลอดกับการโจมตีสามแบบ
- เล่นบอลสวนกลับน้อยจังหวะ
- บอลจังหวะเดียวที่เล่นด้วยกองหน้าวัดความเร็วกับแนวรับในพื้นที่หลังแนวรับ
- บอลที่โจมตีจากด้านข้าง
แนวรุกด้านบนไล่เพรสซิ่งสูงใส่คู่แข่งบีบให้เกิด “Personal Error” ให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าเป็นทีมที่เล่นได้หลากหลาย และมีประสิทธิภาพมากทีมหนึ่ง ปัญหาของพวกเขาคือพวกเขาทำได้ดีส่วนใหญ่คือการเล่นในบ้าน และยังขาดความสม่ำเสมอ แต่หากมองว่านี้คือทีมอายุสองปีบนพรีเมียร์ ลีก ก็ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมที่กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยยากเวลามาเยือนพวกเขา โดยเฉพาะการที่มี อิวาน โทนี่ เป็นเดอะแบกในเกมรุกของทีม มีผู้ช่วยอย่าง ไบรอัน เอมโบโม่ หรือว่า โยอัน วิซซ่า คอยช่วยเหลือ ซึ่งสไตล์การเล่นก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่เกมนี้ทั้งหมดที่พูดมา เบรนท์ฟอร์ดทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้
อาร์เซนอล เล่นในสไตล์เดิมของตัวเองทุกครั้ง (ถ้าไม่ใช่เกมเจอทีมระดับท็อป) พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการบุกใส่ทันที พยายามครองเกมให้ได้ และหาประตูแรกให้เร็วที่สุด ซึ่งทุกครั้งเป็นแบบนี้ ใน 7 เกมที่ลงเล่นในลีกปีนี้ พวกเขามีถึง 5 เกมที่ยิงได้ตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเกม และทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นพวกเขาชนะได้ทั้งหมด เกมนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเพียงแต่ว่ามันมาจากการเล่นที่หลากหลายของทีม
ประตูแรกของอาร์เซนอล มาจากการเล่นเซตเพลย์ ซึ่งต้องบอกว่าจากเมื่อก่อนที่โดนแซวว่า “เตะมุมก็เหมือนได้ลูกทุ่ม” กลายเป็นว่าตอนนี้ ลูกตั้งเตะ อาร์เซนอลอันตรายขึ้นมากในสองปีที่ผ่านมา เครดิตยกให้เต็ม ๆ กับนักเตะทุกคนที่ทำงานหนักในสนามซ้อมภายใต้การสอนของ นิโกล่าส์ โจเวอร์ ที่ทำให้ทุกการเคลื่อนที่มีความหมาย (Most Efficient Mover) มากกว่าเดิมในการเล่นลูกตั้งเตะ และกลายเป็นอาวุธของทีมได้อย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ซาลิบา ขยับตัวแซงหน้าแนวรับเจ้าบ้าน ก่อนโหม่งเสยย้อนหลังเสียบเสาไกล ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่าลูกนี้ นอกจากแนวรับเจ้าบ้านจะพลาดในการประกบซาลิบาแล้ว ชาก้า ก็ยืนเหมือนเป็นการสกรีนแนวรับคนอื่นเอาไว้ด้วย รวมถึง กาเบรียล ที่วิ่งเข้าแทนที่ตำแหน่งของซาลิบา เป็นการกดดันช่วงเวลาชุลมุนเพียงไม่กี่วินาทีในการเตะมุมให้กลายเป็นประตูนี้
การได้ประตูนำไปก่อน ทำให้อาร์เซนอลเล่นได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ เบรนท์ฟอร์ด เกมรับแน่น หาจังหวะเล่นบอลจังหวะเดียวแล้วทำไม่ได้กลายเป็นเสียประตู พวกเขาก็ต้องเปิดเกมให้มากขึ้น นั่นกลายเป็นเข้าทางอาร์เซนอล การเล่นบอลสวนกลับหายไปเยอะ เพราะพวกเขาเป็นคนต้องบุกก่อน และจังหวะการออกบอลทะลุช่องเล่นพื้นที่หลังแนวรับวันนี้ กาเบรียล - ซาลิบา เก็บดักจังหวะได้ทั้งหมด นี่คือคีย์สำคัญของเกมนี้ทั้งเกม และการได้ประตูที่สองยิ่งตอกย้ำเกมนี้ว่าอาร์เซนอล ผิดพลาดน้อยกว่าเบรนท์ฟอร์ด
ประตูสองของอาร์เซนอล การเซตบอลมาจากเกมรับทางขวาถ่างมาซ้าย ชาก้า ได้บอลในพื้นที่ว่างโล่งในระดับ 35-40 หลา เล่นบอลกับ เทียร์นีย์ หนึ่งจังหวะเพื่อให้บอลเข้ามาสู่ระยะอันตราย ก่อนสุดท้ายเลือกเปิดบอลข้ามแนวรับที่เฆซุส ออกวิ่งไปข้างหน้ารอโหม่ง ขณะที่แนวรับพยายามถอยมาโหม่งที่กลายเป็น “เสียเปรียบทั้งจังหวะ เสียเปรียบพละกำลังกระโดด”เฆซุส สะบัดเต็มศรีษะไม่มีพลาด นำห่าง 2-0 ลูกนี้ยอดเยี่ยมทั้งคนเปิดบอล และคนจัดการใส่สกอร์ และอีกเช่นกันนี่คือผลการซ้อมของทีมที่ทำงานกันจนเข้าใจการเคลื่อนที่ของกันและกัน
*จังหวะนี้อยากให้ดูภาพว่าก่อนหน้าเพียงไม่กี่วินาที มาร์ติเนลลี่ อยู่ในกรอบเขตโทษ และวิ่งลงมานอกเขตโทษ เพื่อรอจะสปรินต์กลับเข้าไปอีกครั้ง หากจังหวะนี้ เฆซุส โหม่งตั้งคืนมาหรือโหม่งแล้วติดเซฟนายทวาร
2-0 ในช่วงไม่ถึง 30 นาทีแรกของเกม อาร์เซนอลเล่นได้ตามแผนที่ต้องการเป๊ะ ที่เหลือคือการเล่นตามจังหวะเกม มองหาโอกาสเพิ่มเติม เบรนท์ฟอร์ด วันนี้เมื่อบอลสวนกลับทำได้น้อย บอลทะลุช่องของชอบเกมรับไม่พลาดให้ แถมการเล่นเพรสซิ่งด้านบนวันนี้ก็ไม่ได้ผล ที่สำคัญที่สุดคือการมี โธมัส ปาเตย์ อยู่ในสนาม
“เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์”
กองกลางกาน่า เหมือนกับคนคุมหางเสือเรือของอาร์เซนอลอย่างแท้จริง การเล่นร่วมกับ กรานิท ชาก้า ในฤดูกาลนี้ ต่างช่วยให้กันและกันดูเปล่งประกายมากกว่าเดิม ชาก้า ในบทบาทของ Box to Box แบบเต็มตัว เคลื่อนเกมสร้างสรรค์โอกาสได้หลายครั้ง ขึ้น-ลงไม่มีหมด ส่วนสำคัญคือการมี ปาเตย์ ยืนเป็นตัวรับ ต่ำกว่าเขาเสมอ ทำหน้าที่เก็บกวาดบอลสอง ออกบอลไปข้างหน้าที่เขาเด่นอย่างยิ่งในการกำหนดจังหวะของเกมรุกว่าจะออกบอลเร็ว หรือช้า เป็นคุณค่าของเขาที่มีต่อทีมในแบบที่กองกลางคนไหนก็เล่นแบบนี้ไม่ได้ในทีมนี้ หากได้ดูทั้งเกมจะเห็นว่า ปาเตย์ แทบจะไม่ส่งบอลคืนหลังเลยในเกมนี้ เมื่อคุมเกมได้ แนวรุกไล่บอลแต่แดนบน กองกลางมีนายท้ายคัดท้ายคุมจังหวะเก่ง เกมรุกเบรนท์ฟอร์ดหายไปเลย
ขณะที่แนวรุกอาร์เซนอล 4 คนด้านบน เฆซุส - มาร์ติเนลลี่ - ซาก้า และ วิเอร่า ทั้ง 4 คน ไม่เคยเล่นในตำแหน่งของตนเองนานเกิน 5 นาที พวกเขามีการสลับตำแหน่งกันโดยตลอด ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำงานของอาร์เตต้ามาในฤดูกาลนี้ ในรอบนี้หลักๆ จะแบ่งออกเป็นคู่ ซาก้า – วิเอร่า / เฆซุส มาร์ติเนลลี่ และในหลายครั้ง มาร์ติเนลลี่ / ซาก้า / วิเอร่า ก็สลับกันเองสามคนก็มี เรียกว่าเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยความเข้าใจกันสูงมาก ถ้าไม่ซ้อมทีมด้วยกันมาต่อเนื่องไม่มีวันทำได้
ครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ดเดิมเกมบุกใส่ทันทีแบบไม่มีทางเลือก แต่กลายเป็นเสียประตูจากการที่เกือบเป็น “Personal Error” ของซาลิบาเกือบเสียบอลให้แนวรุกเบรนท์ฟอร์ด แต่เอาตัวรอดมาได้ และกลายเป็นจุดเริ่มของประตูที่สาม
ประตูที่สามของอาร์เซนอล ซาลิบาที่เอาตัวรอดมาได้จากการจะเสียบอลให้บอลไปที่วิเอร่า ไหลต่อเร็วไปที่ซาก้า ตัดเข้าใน เบน ไวท์ ฟูลแบ็คขวา เติมเกมอ้อมหลังไปสร้างความกังวลให้แนวรับเจ้าบ้าน จากภาพจะเห็นว่าสถานการณ์ นักเตะอาร์เซนอล 5:8 กับนักเตะเบรนท์ฟอร์ด แต่พื้นที่กลับกว้างมาตรงกลางประตู
8 คนของเบรนท์ฟอร์ด 2 คนเสียไปกับการกังวล เบน ไวท์ 2 คนเสียไปกับการอยู่ใกล้กับเฆซุสในตำแหน่งตัวไหล 2 คนกับการรอรับมือกับ ซาก้า และอีกอย่างละคน เจอกับ วิเอร่า และ มาร์ติเนลลี ที่ดันเกมขึ้นมาเป็นเหมือนกลางรุกสองตัว
เพียงไม่กี่วินาทีจากนั้นเมื่อบอลไหลมาถึงวิเอร่าอีกครั้ง แนวรับเบรนท์ฟอร์ด 5 คนอยู่ในกรอบเขตโทษ ชาก้า – ปาเตย์ดันขึ้นมาช่วยในสถานการณ์ 8:8 ทันที แต่นั่นก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะเมื่อวิเอร่าตัดสินใจเลือกยิง ลูกนี้ไม่มีตัวประกบเขาเลย เพราะคนที่ใกล้ที่สุด เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้วิ่งแซงเขาไปเล่นเกมรับ เหมือนกับเพื่อนคนอื่น คนที่ใกล้ที่สุดไม่ได้วิ่งบีบเข้าหา หากจังหวะนี้วิเอร่าไม่ยิง อาร์เซนอลมีตัวทางซ้ายอีก 3 คน รอบอลอยู่เพื่อเล่นเกมรุกต่อไป แต่ลูกนี้ วิเอร่ากดด้วยซ้ายสวยงาม
เกมแทบจะจบลงในเวลานั้นไปเลย ตราบใดที่อาร์เซนอลไม่พลาด เบรนท์ฟอร์ดก็ไม่รู้จะกลับมาอย่างไร จนกระทั่ง 70 นาทีผ่านไป อาร์เซนอลเริ่มมีการเปลี่ยนตัว เบรนท์ฟอร์ด ถึงเริ่มมีโอกาสขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น
ท้ายเกมการส่ง ของ อีธาน เอวาเนรี่ กองกลางตัวรุกวัยเพียง 15 ปี 181 วัน หากไม่นับว่าเป็นการทำลายสถิติพรีเมียร์ ลีก ก็แทบจะไม่มีอะไรให้กล่าวถึง เพราะเขาลงเล่นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเท่านั้น นับเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกของเด็กคนนี้ที่ยังไม่เห็นอะไรนอกจาก “เขาว่า” เด็กคนนี้ฟอร์มดี ที่เหลือรอดูกันยาว ๆ แต่ก็แอบคิดไม่ได้ว่า เด็กวัย 15 คนนี้ได้ลงมาเพราะวลีดังของโทนี่หรือเปล่า
จบเกมสามคะแนนสมใจอยากบนฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ ก่อนพักสองสัปดาห์ และกลับมาเตรียมรับงานใหญ่ “สงครามลอนดอนเหนือ” ในเดือนที่ต้องลงเล่นมากถึง 9 เกมใน 30 วัน เช่นเดียวกับการที่ อาร์เซนอล ได้เอาคืนเบรนท์ฟอร์ดแบบทบต้นทบดอกอย่างสมใจ หลังจากความพ่ายแพ้ในปีที่แล้ว ที่หลังจบเกม อิวาน โทนี่ ทวิตข้อความที่กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่าง“Nice kick about with the boys” ดีจังที่ได้เล่นฟุตบอลกับเด็ก ๆ เป็นการเย้ยฉลองชัยในเกมนั้น ที่มาวันนี้ กาเบรียล มากัญเยส ทวิตข้อความแบบเดียวกัน เป็นการเอาคืนแบบแสบ ๆ คัน ๆ ในวาระที่ โทนี่ หลังการได้รับการติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรก ได้โอกาสลุ้นประตู 2 ครั้งตลอด 90 นาทีของตนเอง…เด็กในวันวานเล่นเอาผู้ใหญ่อย่างโทนี่กลายเป็นเด็กไปเลย!