Nice kick about with the boys… ชัยชนะของเด็กปืน - FEATURE

Brentford FC v Arsenal FC - Premier League
Brentford FC v Arsenal FC - Premier League / Alex Pantling/GettyImages
facebooktwitterreddit

อาร์เซนอล ปิดเบรกทีมชาติในรอบนี้ด้วยความสวยสดกับชัยชนะเหนือเบรนท์ฟอร์ด 3-0 ในสนามที่ปีที่แล้วพวกเขาเจ็บปวดกับความพ่ายแพ้แบบหมดรูปบนชัยชนะเกมแรกในประวัติศาสตร์พรีเมียร์ ลีกของฝูง “พญาผึ้ง” และในเวลาเดียวกันก็เป็นการทำลายอารถรรพ์รางวัลผู้จัดการทีมยอดเยี่ยมประจำเดือนที่ว่ากันว่าใครได้ไปมักเจอคำสาปผลงานจะห่วยทันที รวมถึงเกมนี้เป็นเกมที่มีประเด็นพูดคุยที่น่าสนใจมากมายอีกเกม 

มิเคล อาร์เตต้า เกมนี้ไม่มีชื่อของนักเตะในทีมชุดใหญ่ 4 คนประกอบไปด้วย โมฮาเหม็ด เอลเนนี่, โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้, เอมิล สมิธ โรว์ และ มาร์ติน เออเดการ์ด และทำให้วันนี้พวกเขาต้องปรับตัวมากพอสมควร โดยฟาบิโอ วิเอร่า ประเดิมสนามตัวจริงเกมแรกในพรีเมียร์ ลีกในวันนี้ เช่นเดียวกับการคัมแบ็คกลับมาในรอบหลายเกมของ โธมัส ปาเตย์ บนระบบการเล่น 4-2-3-1 ซึ่งเป็นแผนการเล่นหลักของทีม ขณะที่เจ้าบ้านของโธมัส แฟรงค์ มาพร้อมกับทีมในระบบ 3-5-2 อิวาน โทนี่ หัวหอกที่เพิ่งได้รับการเรียกตัวจากทีมชาติอังกฤษเป็นครั้งแรกลงค้ำแนวหน้า

สไตล์การทำทีมของ โธมัส แฟรงค์ ชัดเจนมาตลอดกับการโจมตีสามแบบ

  • เล่นบอลสวนกลับน้อยจังหวะ
  • บอลจังหวะเดียวที่เล่นด้วยกองหน้าวัดความเร็วกับแนวรับในพื้นที่หลังแนวรับ
  • บอลที่โจมตีจากด้านข้าง

แนวรุกด้านบนไล่เพรสซิ่งสูงใส่คู่แข่งบีบให้เกิด “Personal Error” ให้ได้มากที่สุด ซึ่งมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วทั้งกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ลีดส์ ยูไนเต็ด เรียกได้ว่าเป็นทีมที่เล่นได้หลากหลาย และมีประสิทธิภาพมากทีมหนึ่ง ปัญหาของพวกเขาคือพวกเขาทำได้ดีส่วนใหญ่คือการเล่นในบ้าน และยังขาดความสม่ำเสมอ แต่หากมองว่านี้คือทีมอายุสองปีบนพรีเมียร์ ลีก ก็ต้องบอกว่ายอดเยี่ยมที่กลายเป็นทีมที่เล่นด้วยยากเวลามาเยือนพวกเขา โดยเฉพาะการที่มี อิวาน โทนี่ เป็นเดอะแบกในเกมรุกของทีม มีผู้ช่วยอย่าง ไบรอัน เอมโบโม่ หรือว่า โยอัน วิซซ่า คอยช่วยเหลือ ซึ่งสไตล์การเล่นก็ไม่ได้ต่างกันมากนัก แต่เกมนี้ทั้งหมดที่พูดมา เบรนท์ฟอร์ดทำได้ต่ำกว่ามาตรฐานที่เคยทำได้

อาร์เซนอล เล่นในสไตล์เดิมของตัวเองทุกครั้ง (ถ้าไม่ใช่เกมเจอทีมระดับท็อป) พวกเขาจะเริ่มต้นด้วยการบุกใส่ทันที พยายามครองเกมให้ได้ และหาประตูแรกให้เร็วที่สุด ซึ่งทุกครั้งเป็นแบบนี้ ใน 7 เกมที่ลงเล่นในลีกปีนี้ พวกเขามีถึง 5 เกมที่ยิงได้ตั้งแต่ 30 นาทีแรกของเกม และทุกครั้งที่เป็นแบบนั้นพวกเขาชนะได้ทั้งหมด เกมนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นเพียงแต่ว่ามันมาจากการเล่นที่หลากหลายของทีม

William Saliba
Brentford FC v Arsenal FC - Premier League / Visionhaus/GettyImages

ประตูแรกของอาร์เซนอล มาจากการเล่นเซตเพลย์ ซึ่งต้องบอกว่าจากเมื่อก่อนที่โดนแซวว่า “เตะมุมก็เหมือนได้ลูกทุ่ม” กลายเป็นว่าตอนนี้ ลูกตั้งเตะ อาร์เซนอลอันตรายขึ้นมากในสองปีที่ผ่านมา เครดิตยกให้เต็ม ๆ กับนักเตะทุกคนที่ทำงานหนักในสนามซ้อมภายใต้การสอนของ นิโกล่าส์ โจเวอร์ ที่ทำให้ทุกการเคลื่อนที่มีความหมาย (Most Efficient Mover) มากกว่าเดิมในการเล่นลูกตั้งเตะ และกลายเป็นอาวุธของทีมได้อย่างต่อเนื่อง จังหวะนี้ ซาลิบา ขยับตัวแซงหน้าแนวรับเจ้าบ้าน ก่อนโหม่งเสยย้อนหลังเสียบเสาไกล ถ้าดูจากภาพจะเห็นว่าลูกนี้ นอกจากแนวรับเจ้าบ้านจะพลาดในการประกบซาลิบาแล้ว ชาก้า ก็ยืนเหมือนเป็นการสกรีนแนวรับคนอื่นเอาไว้ด้วย รวมถึง กาเบรียล ที่วิ่งเข้าแทนที่ตำแหน่งของซาลิบา เป็นการกดดันช่วงเวลาชุลมุนเพียงไม่กี่วินาทีในการเตะมุมให้กลายเป็นประตูนี้

การได้ประตูนำไปก่อน ทำให้อาร์เซนอลเล่นได้ง่ายขึ้น จากเดิมที่ เบรนท์ฟอร์ด เกมรับแน่น หาจังหวะเล่นบอลจังหวะเดียวแล้วทำไม่ได้กลายเป็นเสียประตู พวกเขาก็ต้องเปิดเกมให้มากขึ้น นั่นกลายเป็นเข้าทางอาร์เซนอล การเล่นบอลสวนกลับหายไปเยอะ เพราะพวกเขาเป็นคนต้องบุกก่อน และจังหวะการออกบอลทะลุช่องเล่นพื้นที่หลังแนวรับวันนี้ กาเบรียล - ซาลิบา เก็บดักจังหวะได้ทั้งหมด นี่คือคีย์สำคัญของเกมนี้ทั้งเกม และการได้ประตูที่สองยิ่งตอกย้ำเกมนี้ว่าอาร์เซนอล ผิดพลาดน้อยกว่าเบรนท์ฟอร์ด

Gabriel Jesus, Granit Xhaka
Brentford FC v Arsenal FC - Premier League / Richard Heathcote/GettyImages

ประตูสองของอาร์เซนอล การเซตบอลมาจากเกมรับทางขวาถ่างมาซ้าย ชาก้า ได้บอลในพื้นที่ว่างโล่งในระดับ 35-40 หลา เล่นบอลกับ เทียร์นีย์ หนึ่งจังหวะเพื่อให้บอลเข้ามาสู่ระยะอันตราย ก่อนสุดท้ายเลือกเปิดบอลข้ามแนวรับที่เฆซุส ออกวิ่งไปข้างหน้ารอโหม่ง ขณะที่แนวรับพยายามถอยมาโหม่งที่กลายเป็น “เสียเปรียบทั้งจังหวะ เสียเปรียบพละกำลังกระโดด”เฆซุส สะบัดเต็มศรีษะไม่มีพลาด นำห่าง 2-0 ลูกนี้ยอดเยี่ยมทั้งคนเปิดบอล และคนจัดการใส่สกอร์ และอีกเช่นกันนี่คือผลการซ้อมของทีมที่ทำงานกันจนเข้าใจการเคลื่อนที่ของกันและกัน

*จังหวะนี้อยากให้ดูภาพว่าก่อนหน้าเพียงไม่กี่วินาที มาร์ติเนลลี่ อยู่ในกรอบเขตโทษ และวิ่งลงมานอกเขตโทษ เพื่อรอจะสปรินต์กลับเข้าไปอีกครั้ง หากจังหวะนี้ เฆซุส โหม่งตั้งคืนมาหรือโหม่งแล้วติดเซฟนายทวาร

2-0 ในช่วงไม่ถึง 30 นาทีแรกของเกม อาร์เซนอลเล่นได้ตามแผนที่ต้องการเป๊ะ ที่เหลือคือการเล่นตามจังหวะเกม มองหาโอกาสเพิ่มเติม เบรนท์ฟอร์ด วันนี้เมื่อบอลสวนกลับทำได้น้อย บอลทะลุช่องของชอบเกมรับไม่พลาดให้ แถมการเล่นเพรสซิ่งด้านบนวันนี้ก็ไม่ได้ผล ที่สำคัญที่สุดคือการมี โธมัส ปาเตย์ อยู่ในสนาม

“เกมรุกจะทำให้คุณชนะ แต่เกมรับจะทำให้คุณเป็นแชมป์” 

Thomas Partey, Mathias Jensen
Brentford FC v Arsenal FC - Premier League / Alex Pantling/GettyImages

กองกลางกาน่า เหมือนกับคนคุมหางเสือเรือของอาร์เซนอลอย่างแท้จริง การเล่นร่วมกับ กรานิท ชาก้า ในฤดูกาลนี้ ต่างช่วยให้กันและกันดูเปล่งประกายมากกว่าเดิม ชาก้า ในบทบาทของ Box to Box แบบเต็มตัว เคลื่อนเกมสร้างสรรค์โอกาสได้หลายครั้ง ขึ้น-ลงไม่มีหมด ส่วนสำคัญคือการมี ปาเตย์ ยืนเป็นตัวรับ ต่ำกว่าเขาเสมอ ทำหน้าที่เก็บกวาดบอลสอง ออกบอลไปข้างหน้าที่เขาเด่นอย่างยิ่งในการกำหนดจังหวะของเกมรุกว่าจะออกบอลเร็ว หรือช้า เป็นคุณค่าของเขาที่มีต่อทีมในแบบที่กองกลางคนไหนก็เล่นแบบนี้ไม่ได้ในทีมนี้ หากได้ดูทั้งเกมจะเห็นว่า ปาเตย์ แทบจะไม่ส่งบอลคืนหลังเลยในเกมนี้ เมื่อคุมเกมได้ แนวรุกไล่บอลแต่แดนบน กองกลางมีนายท้ายคัดท้ายคุมจังหวะเก่ง เกมรุกเบรนท์ฟอร์ดหายไปเลย

ขณะที่แนวรุกอาร์เซนอล 4 คนด้านบน เฆซุส - มาร์ติเนลลี่ - ซาก้า และ วิเอร่า ทั้ง 4 คน ไม่เคยเล่นในตำแหน่งของตนเองนานเกิน 5 นาที พวกเขามีการสลับตำแหน่งกันโดยตลอด ซึ่งเป็นหนึ่งในการทำงานของอาร์เตต้ามาในฤดูกาลนี้ ในรอบนี้หลักๆ จะแบ่งออกเป็นคู่ ซาก้า – วิเอร่า / เฆซุส มาร์ติเนลลี่ และในหลายครั้ง มาร์ติเนลลี่ / ซาก้า / วิเอร่า ก็สลับกันเองสามคนก็มี เรียกว่าเป็นการทำงานที่ต้องอาศัยความเข้าใจกันสูงมาก ถ้าไม่ซ้อมทีมด้วยกันมาต่อเนื่องไม่มีวันทำได้

ครึ่งหลัง เบรนท์ฟอร์ดเดิมเกมบุกใส่ทันทีแบบไม่มีทางเลือก แต่กลายเป็นเสียประตูจากการที่เกือบเป็น “Personal Error” ของซาลิบาเกือบเสียบอลให้แนวรุกเบรนท์ฟอร์ด แต่เอาตัวรอดมาได้ และกลายเป็นจุดเริ่มของประตูที่สาม

ประตูที่สามของอาร์เซนอล ซาลิบาที่เอาตัวรอดมาได้จากการจะเสียบอลให้บอลไปที่วิเอร่า ไหลต่อเร็วไปที่ซาก้า ตัดเข้าใน เบน ไวท์ ฟูลแบ็คขวา เติมเกมอ้อมหลังไปสร้างความกังวลให้แนวรับเจ้าบ้าน จากภาพจะเห็นว่าสถานการณ์ นักเตะอาร์เซนอล 5:8 กับนักเตะเบรนท์ฟอร์ด แต่พื้นที่กลับกว้างมาตรงกลางประตู

Fábio Vieira, Granit Xhaka
Brentford FC v Arsenal FC - Premier League / Visionhaus/GettyImages

8 คนของเบรนท์ฟอร์ด 2 คนเสียไปกับการกังวล เบน ไวท์ 2 คนเสียไปกับการอยู่ใกล้กับเฆซุสในตำแหน่งตัวไหล 2 คนกับการรอรับมือกับ ซาก้า และอีกอย่างละคน เจอกับ วิเอร่า และ มาร์ติเนลลี ที่ดันเกมขึ้นมาเป็นเหมือนกลางรุกสองตัว 

เพียงไม่กี่วินาทีจากนั้นเมื่อบอลไหลมาถึงวิเอร่าอีกครั้ง แนวรับเบรนท์ฟอร์ด 5 คนอยู่ในกรอบเขตโทษ  ชาก้า – ปาเตย์ดันขึ้นมาช่วยในสถานการณ์ 8:8 ทันที แต่นั่นก็ไม่จำเป็นแล้ว เพราะเมื่อวิเอร่าตัดสินใจเลือกยิง ลูกนี้ไม่มีตัวประกบเขาเลย เพราะคนที่ใกล้ที่สุด เมื่อไม่กี่วินาทีก่อนหน้านี้วิ่งแซงเขาไปเล่นเกมรับ เหมือนกับเพื่อนคนอื่น คนที่ใกล้ที่สุดไม่ได้วิ่งบีบเข้าหา หากจังหวะนี้วิเอร่าไม่ยิง อาร์เซนอลมีตัวทางซ้ายอีก 3 คน รอบอลอยู่เพื่อเล่นเกมรุกต่อไป แต่ลูกนี้ วิเอร่ากดด้วยซ้ายสวยงาม 

เกมแทบจะจบลงในเวลานั้นไปเลย ตราบใดที่อาร์เซนอลไม่พลาด เบรนท์ฟอร์ดก็ไม่รู้จะกลับมาอย่างไร จนกระทั่ง 70 นาทีผ่านไป อาร์เซนอลเริ่มมีการเปลี่ยนตัว เบรนท์ฟอร์ด ถึงเริ่มมีโอกาสขึ้นมาบ้าง แต่สุดท้ายทุกอย่างก็ไม่มีอะไรมากกว่านั้น

ท้ายเกมการส่ง ของ อีธาน เอวาเนรี่ กองกลางตัวรุกวัยเพียง 15 ปี 181 วัน หากไม่นับว่าเป็นการทำลายสถิติพรีเมียร์ ลีก ก็แทบจะไม่มีอะไรให้กล่าวถึง เพราะเขาลงเล่นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บเท่านั้น นับเป็นการเริ่มต้นก้าวแรกของเด็กคนนี้ที่ยังไม่เห็นอะไรนอกจาก “เขาว่า” เด็กคนนี้ฟอร์มดี ที่เหลือรอดูกันยาว ๆ แต่ก็แอบคิดไม่ได้ว่า เด็กวัย 15 คนนี้ได้ลงมาเพราะวลีดังของโทนี่หรือเปล่า

จบเกมสามคะแนนสมใจอยากบนฟอร์มการเล่นที่น่าประทับใจ ก่อนพักสองสัปดาห์ และกลับมาเตรียมรับงานใหญ่ “สงครามลอนดอนเหนือ” ในเดือนที่ต้องลงเล่นมากถึง 9 เกมใน 30 วัน เช่นเดียวกับการที่ อาร์เซนอล ได้เอาคืนเบรนท์ฟอร์ดแบบทบต้นทบดอกอย่างสมใจ หลังจากความพ่ายแพ้ในปีที่แล้ว ที่หลังจบเกม อิวาน โทนี่ ทวิตข้อความที่กลายเป็นที่กล่าวถึงอย่าง“Nice kick about with the boys” ดีจังที่ได้เล่นฟุตบอลกับเด็ก ๆ เป็นการเย้ยฉลองชัยในเกมนั้น ที่มาวันนี้ กาเบรียล มากัญเยส ทวิตข้อความแบบเดียวกัน เป็นการเอาคืนแบบแสบ ๆ คัน ๆ ในวาระที่ โทนี่ หลังการได้รับการติดทีมชาติอังกฤษครั้งแรก ได้โอกาสลุ้นประตู 2 ครั้งตลอด 90 นาทีของตนเอง…เด็กในวันวานเล่นเอาผู้ใหญ่อย่างโทนี่กลายเป็นเด็กไปเลย!