อรุณรุ่งแห่งจิ้งจอก : เลสเตอร์ ซิตี้ ที่เห็นและเป็นไปในซีซั่นใหม่ (พร้อมการยกเลิกซ้ำ คิวเตะ การท่าเรือ) - FEATURE

ท่ามกลางสายฝนโปรยใน ราชมังคลากีฬาสถาน และการลุ้นเก้อของบรรดาแฟนบอลทั้งไทยและเทศ นับเป็นเรื่องน่าเสียดายที่เราท่านไม่ได้เห็นฟอร์มของ เลสเตอร์ ซิตี้ สดๆ ด้วยตาตัวเอง สำหรับการขึ้นยุคใหม่อีกครั้งของพวกเขา ภายใต้ความเปลี่ยนแปลงมหาศาลที่เกิดขึ้น หลังหลุดออกจาก พรีเมียร์ลีก มาอย่างช็อกวงการในซีซั่นล่าสุด

โอกาสนี้ ลองไปตรวจสอบในหลายๆ สิ่งกันหน่อย สำหรับ เลสเตอร์ ซิตี้ ที่กำลังเป็นไป ก่อนภารกิจในซีซั่นใหม่ จะมาถึง

แพแตกที่รังจิ้งจอก

อย่างที่ทราบกันอยู่แล้วถึงสภาวะ "แพแตก" ที่ เลสเตอร์ ไม่อาจเลี่ยงพ้น ภายหลังทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก 1 สมัยอย่างพวกเขา ร่วงตกชั้นลงมาเป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปี

ก็จัดไปเบาะๆ 7 รายที่หมดสัญญาแยกทางไป กับ 2 มิดฟิลด์ตัวเก่งที่ขายออกเพื่อทำกำไร

หมดสัญญา : แดเนียล อมาร์ตีย์, ไรอัน เบอร์ทรานด์, จอนนี่ อีแวนส์, นัมปาลิส เมนดี้, อโยเซ่ เปเรซ, ชากลาร์ โซยุนชู, ยูรี่ ตีเลมันส์ ไม่นับรวม ธนวัฒน์ จิบเดียวก็ซึ้งแมน-เอ๊ย-ซึ้งจิตต์ถาวร ที่ยังเป็นนักเตะอะคาเดมี่

อีก 2 ขายออก : เจมส์ แมดดิสัน ไปสเปอร์ส 40 ล้านปอนด์ และล่าสุด ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์ เข้าเปิดตัวกับ นิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ด้วยค่าเสียหาย 38 ล้านปอนด์

78 ล้านปอนด์ที่ได้มา อาจไม่ใช่เบา แต่ก็ควรนับว่าสมน้ำสมเสื้อดีแล้วกับการต้องยอมปล่อยขาย 2 มิดฟิลด์อังกฤษที่ดีที่สุดคู่หนึ่งในยุคปัจจุบัน ออกจากทีม

ขาเข้า ซัมเมอร์ 2023

9 คนย้ายออก และจนถึงตอนนี้เพิ่งมีมาใหม่แค่ 3

• คอนเนอร์ คอดี้

เซนเตอร์แบ็กดีกรีทีมชาติอังกฤษ วัย 30 ย้ายยืมจาก วูล์ฟส์ ไป เอฟเวอร์ตัน ตลอดซีซั่นก่อน แต่ไม่มีการซื้อขาด มาซัมเมอร์นี้กลายมาเป็นสมาชิกใหม่ เลสเตอร์ ด้วยค่าตัว 7.5 ล้านปอนด์

• แฮร์รี่ วิงค์ส

มิดฟิลด์คู่แฝด ณเดชน์ ที่พลัดพรากไปเป็นแข้งอาชีพ ไม่อยู่ในแผนการของ สเปอร์ส (หลังจากเล่นไปกว่า 200 นัด) จนซีซั่นก่อนถูกส่งยืมไป ซามพ์โดเรีย มาคราวนี้ย้ายขาดสู่ เลสเตอร์ ค่าตัว 10 ล้านปอนด์

• แมดส์ เฮอร์แมนเซ่น

ประตูเดนมาร์ก ขึ้นเป็นมือหนึ่งของ บรอนด์บี้ ตั้งแต่อายุ 21 จนตอนนี้ (23) ก็ถูกคว้ามายัง คิง เพาเวอร์ สเตเดี้ยม ด้วยสัญญา 5 ปี ค่าตัวไม่เปิดเผย

มาใหม่ 3 บวกเพิ่มให้ 1 แล้วกัน กับราย ยานนิค เวสเตอร์การ์ด เซนเตอร์แบ็กก้านยาวทีมชาติเดนมาร์ก ซึ่งโดนแบนยาวจากสโมสรหลังหลุดปากวิจารณ์ ในซีซั่นที่แล้ว (ได้เล่นแค่ 3 นัด) ตอนนี้กลับมาอยู่ในทีมลงเล่นช่วงปรีซีซั่นแล้ว

ประเด็นสำคัญยังอยู่ที่การเปลี่ยนตัวกุนซือ อย่างที่ทราบกันว่า ดีน สมิธ ที่พาทีมรอดตกชั้นไม่สำเร็จแม้จะเก็บแต้มได้พอสมควรนั้น เซ็นสัญญาคุมทีมไว้แค่ระยะสั้นจนจบซีซั่นก่อน และเมื่อหมดพันธะต่อกันแล้วก็ไม่ได้สานต่อ โดย เลสเตอร์ เลือกจิ้ม "ศิษย์เป๊ป" เอ็นโซ มาเรสก้า ผู้ช่วยของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแทน

ไม่ต้องสงสัย นี่คือความพยายามจะตามรอย อาร์เซน่อล ซึ่งบินสูงอย่างสวยงามไปแล้วภายหลังเลือกคว้า มิเกล อาร์เตต้า มาจากอ้อมอกของ เป๊ป

ถ้าพี่ไม่ใช้ น้องขอนะ

ส่วนที่กำลังเป็นข่าว นอกเหนือจากที่ย้ายเข้ามาเรียบร้อยแล้วนั้น สื่อกำลังชี้เป้าไปที่มิดฟิลด์ดาวรุ่งตัวเก่งของ เชลซี อย่าง เซซาเร่ คาซาเดอี

กองกลางร่างสูงใหญ่วัยเพียง 20 ย้ายจากอะคาเดมี่ของ อินเตอร์ มิลาน มาให้ เชลซี ปลุกปั้นต่อเมื่อซัมเมอร์ 2022 ซึ่งหลังจากลงเล่นชุดยู-23 ทัพสิงห์ไปไม่กี่เกม ก็ถูกส่งออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์กับ เร้ดดิ้ง ในช่วงครึ่งหลังของซีซั่นที่ผ่านมา

ในการสวมชุดขาวน้ำเงินของ เดอะ รอยัลส์ นั้น คาซาเดอี ที่เป็นมิดฟิลด์ลักษณะบ๊อกซ์ทูบ๊อกซ์ ไม่เน้นรุกหรือรับด้านใดแค่ด้านเดียว ลงสนามรวม 15 นัด ซัด 1 ประตู

กระนั้น ที่ทำให้ชื่อของ คาซาเดอี เป็นที่จับตามองจากทั่วสารทิศ อยู่ที่ผลงานในฟุตบอลเยาวชนโลก ยู-20 ที่ประเทศอาร์เจนติน่า ซึ่งเจ้าของเสื้อเบอร์ 8 อัซซูร์รินี่ ระเบิดฟอร์มแบบระเบิดระเบ้อ เป็นคนที่โดดเด่นที่สุดคนหนึ่งประจำทัวร์นาเมนต์

• • พา อิตาลี เข้าชิงชนะเลิศ (แพ้ อุรุกวัย 0-1)
  
  • ยิง 7 ประตู เป็นดาวซัลโวของรายการ
  
  • คว้ารางวัลแข้งยอดเยี่ยมทัวร์นาเมนต์ Golden Ball ที่นับเป็นแข้งอิตาลีรายแรกสุดในประวัติศาสตร์ ที่ได้รางวัลนี้
  

ฟอร์มแบบนี้ ทำให้หลายทีมต่างก็สนใจจะดึง คาซาเดอี ไปลองของในสัญญายืมตัว 1 ปี เช่นเดียวกับ เลสเตอร์ ซึ่งต้องการตัวแทนของ เจมส์ แมดดิสัน และ ฮาร์วี่ย์ บาร์นส์

อย่างไรก็ตาม ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ปูดรายงานไว้ว่า มีถึง 4 สโมสรระดับ ชปช. ที่อยากยืมตัว คาซาเดอี ไปใช้ อีกทั้งก็ยังมีความเป็นไปได้ด้วยว่า เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ กุนซือใหม่ เชลซี จะบอกปัดทุกข้อเสนอไปด้วยตัวเอง และเก็บนักเตะไว้เป็นหนึ่งในตัวเลือกแดนกลาง ที่เริ่มจะออกทรงขาดแคลนแล้วหลังขายออกเยอะจัด

ชัยชนะแรกที่มาถึง

การทำงานในส่วนของเสริมทัพปรับขุมกำลัง ขาเข้าขาเข้า จำเป็นต้องมีต่อไปควบคู่กับการที่ มาเรสก้า ต้องนำทีมลงเล่นเกมลับแข้งปรีซีซั่น เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมที่สุดสำหรับภารกิจสู้เพื่อเลื่อนชั้น สำหรับซีซั่นใหม่ที่กำลังคอยท่าอยู่แล้วในอีกแค่ 2 สัปดาห์ข้างหน้า (เปิดสนาม 6 ส.ค. พบ โคเวนทรี ซิตี้)

ซึ่งให้หลังจากการประเดิมปรีซีซั่น (เตะแบบปิดสนาม) แพ้ ปีเตอร์โบโร่ ทีมระดับ ลีก วัน คาสนามซ้อมของตัวเอง 1-2 เมื่อ 11 ก.ค. แล้ว ถัดมา เลสเตอร์ ก็สามารถเปิดศักราชใหม่ด้วยการกำชัยได้แล้ว ในคิวบุกเตะ นอร์ธแธมป์ตัน ทาวน์ ทีมจาก ลีก วัน เช่นกัน 1-0 เคียร์แนน ดิวส์บิวรี่-ฮอลล์ สังหารประตูโทนครึ่งแรก

เช่นเดียวกับนัดที่ 3 ซึ่งเป็นอีกเกมปิดสนาม รับมือทีมเจ้าของเดียวกันอย่าง โอเอช ลูเวิน จากเบลเยียม เมื่อพุธที่แล้ว ปรากฏ เลสเตอร์ ร่ายฟอร์มร้อนกะซวก 4-2 เจมี่ วาร์ดี้, เดนนิส ปราเอ้ต์, มาร์ก อัลไบรท์ตัน และ เคซี่ย์ แม็คเคเทียร์ จัดกันคนละเม็ดในเกมที่เตะกันแบบ 3 ครึ่ง ครึ่งละ 45 นาที

จึงถือเป็นเรื่องน่าเสียดาย--ทั้งกับแฟนๆ และของ เลสเตอร์ เอง ที่เกมทดสอบแบบจริงๆ จังๆ กับทีมแข็งอย่าง สเปอร์ส ซึ่งวางคิวลงเล่นที่ ราชมังคลากีฬาสถาน วันอาทิตย์ที่ผ่านมา กลับถูกกั้นขวางไว้โดยฟ้าฝน (หรือตัวสนามกันแน่?) จนในที่สุดก็มีคำสั่งยกเลิกเกมออกมา หลังจากประวิงเวลารอดูสถานการณ์กันได้พักใหญ่

ถัดจากนี้ของจิ้งจอก 2023/24

กลายเป็นความเซอร์ไพรส์ในช่วงบ่ายวันนี้ (จันทร์ 24 ก.ค.) ถึงการที่ เลสเตอร์ ซิตี้ ประกาศเพิ่มเกมอุ่นเครื่องกับ การท่าเรือ เอฟซี ในวันพุธ 26 ก.ค. ที่จะถึงนี้ เป็นการทดแทนเกมกับ สเปอร์ส ที่ล่มไป (ในขณะที่ สเปอร์ส เดินทางต่อไปสิงคโปร์แล้ว เลสเตอร์ ยังอยู่เก็บตัวในเมืองไทยต่ออีกระยะ)

โดย แพท สเตเดี้ยม จะเปิดให้แฟนบอลที่พลาดโอกาสในการชมเกมพบกับ สเปอร์ส เข้าชมเป็นจำนวน 5,000 ที่นั่ง และพิเศษสำหรับแฟนคลับ การท่าเรือ เอฟซี จำนวน 1,000 ที่นั่ง

เรื่องนี้ถูกเปิดเผยจาก เฟซบุ๊กทางการของสโมสร การท่าเรือ (การท่าเรือ เอฟซี Port FC) เองว่า เลสเตอร์ ได้มีแผนเพิ่มเติมเกมอุ่นเครื่องพบกับทีมในไทย 1 นัดอยู่ก่อนแล้ว ก่อนที่จะเดินทางไปต่อที่ประเทศสิงคโปร์เพื่อพบกับ ลิเวอร์พูล 30 ก.ค. กระทั่งล่าสุดได้คิวอุ่นเครื่องพบกับ "สิงห์เจ้าท่า" พุธนี้

อย่างไรก็ตาม ภายหลังเปิดเผยเรื่องนี้ได้ราว 2-3 ชั่วโมง โพสต์ก็ถูกลบทิ้งไปอย่างลึกลับ ตามด้วยการให้ข่าวของ "มาดามแป้ง" นวลพรรณ ล่ำซำ ว่าคิวแทรกนี้ "ยังไม่ได้ข้อสรุป" โดยนัยก็คือต้องยกเลิกไปก่อน นั่นเอง

มีการวิเคราะห์จากทาง มติชน ว่า การยกเลิกคิวแทรกนัดนี้ไป คงเป็นเพราะขัดต่อกฎของสมาคมฟุตบอลไทยฯ ที่ว่าด้วยสโมสรในประเทศไทย ต้องทำหนังสือขออนุญาตจัดแข่งกับทีมต่างชาติ ภายในระยะไม่ต่ำกว่า 15 วัน ไม่เช่นนั้นจะโดนปรับเงินเป็นจำนวนไม่น้อย

นั่นเท่ากับคิวเตะ ปรีซีซั่น 2023/24 ของ เลสเตอร์ เหลือเพียง 4 นัดเท่านั้น ก่อนซีซั่นใหม่จะเริ่มต้นขึ้น

• 11 ก.ค. แพ้ ปีเตอร์โบโร่ 1-2
  
  15 ก.ค. ชนะ นอร์ธแธมป์ตัน ทาวน์ 1-0
  
  19 ก.ค. ชนะ โอเอช ลูเวิน 4-2
  
  23 ก.ค. *ยกเลิก* สเปอร์ส (กทม.)
  
  26 ก.ค. *ยกเลิก* การท่าเรือ (กทม.)
  
  30 ก.ค. พบ ลิเวอร์พูล (สิงคโปร์)
  

และถัดจากการเจอหงส์แดงที่แดนลอดช่อง ส่งท้ายเดือนนี้ เด็กๆ ของ มาเรสก้า ก็จะเดินทางกลับสู่อังกฤษ เพื่อเตรียมรับศึก อีเอฟแอล แชมเปี้ยนชิพ ซีซั่นใหม่ 2023/24 ต่อไป

สำหรับคิว ชปช. 10 เกมแรก ดูตามชื่อชั้นฉากหน้าของคู่แข่งแล้ว ก็ควรถือว่า เลสเตอร์ ไม่ได้มีคิวหนักหนาสาหัสอะไรมากมาย...แม้ยังไม่มีความแน่นอนว่าพวกเขาจะผ่านมันไปได้อย่างราบรื่นดี ก็ตาม

• 
  6 ส.ค. โคเวนทรี
  
  9 ส.ค. เบอร์ตัน (ลีกคัพ)
  
  12 ส.ค. ฮัดเดอร์สฟิลด์
  
  19 ส.ค. คาร์ดิฟฟ์
  
  26 ส.ค. ร็อตเตอร์แฮม
  
  2 ก.ย. ฮัลล์
  
  15 ก.ย. เซาแธมป์ตัน
  
  20 ก.ย. นอริช
  
  23 ก.ย. บริสตอล ซิตี้
  
  30 ก.ย. แบล็คเบิร์น
  
  4 ต.ค. เปรสตัน
  

คงไมจำเป็นต้องมากางโปรแกรมดูกันทั้งซีซั่น เพราะเพียง 10 เกมนี้แรก ก็น่าจะพอ "เห็นดำเห็นแดง" กันพอสมควรแล้ว กับทิศทางที่ เลสเตอร์ กำลังเป็นและมีโอกาสเป็น

อาจเทียบกันไม่ได้ แต่ก็หวังว่าจะไม่ต้องรอคอยกันยาวนานเหมือนครั้งก่อน ที่ เลสเตอร์ ร่วงจาก พรีเมียร์ลีก ไปในปี 2004 แล้วก็ทรุดหนักถึงขั้นจมลง ลีก วัน กว่าที่จะปีนกลับสู่ พรีเมียร์ลีก ได้อีกครั้งก็ในยุคของ คิง เพาเวอร์ นี่เอง (แชมป์ ชปช. 2013/14) รวมระยะ 10 ปีพอดีของการหล่นลีกรอง

เอาเป็นว่า ก็คงต้องจับตาดูไปพร้อมๆ กันถึงการผจญภัยในเส้นทางอันขรุขระและน่าหวาดหวั่นไม่น้อยของ เลสเตอร์ ซีซั่นใหม่

ระหว่างการเดินตาม เบิร์นลี่ย์ ที่ล้มแล้วลุกเร็ว เด้งตัวกลับเวทีใหญ่ได้รวดเร็วเสมอ หรือจะดิ่งเหวหลุดยาวเหมือน แบล็คเบิร์น, โคเวนทรี, อิปสวิช ฯลฯ ไม่ช้าไม่นานก็คงได้เริ่มเห็นวี่แววความน่าจะเป็น