มูดริก – เฟลิกซ์ ทางเลือกบนความเสี่ยงที่แตกต่างของอาร์เซนอล - FEATURE
ตลาดการซื้อขายเดือนมกราคม 2023 กำลังจะเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แต่หลายสโมสรก็เริ่มเดินหน้าเซ็นสัญญากับนักเตะหลายรายไปเรียบร้อยแล้ว เพื่อจะให้เกิดการย้ายมาร่วมงานกันได้ตั้งแต่ต้นเดือนมกราคมเป็นต้นไป และสำหรับอาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก พวกเขาก็เป็นอีกทีมที่มีข่าวกับการเสริมทัพในรอบนี้เช่นกัน
“เดอะ กันเนอร์ส” มีเป้าหมายที่ชัดเจนในฤดูกาลนี้กับการเข้าไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ให้ได้อีกครั้ง นับจากปี 2017 เป็นต้นมา พวกเขาอยากสิ้นสุดความผิดหวังไว้ให้ได้ในฤดูกาลนี้ เช่นเดียวกับข้อเท็จจริงที่ว่า ฤดูกาลนี้ พวกเขามีสิทธิ์ฝันกับการได้มากกว่าแค่การไปแชมเปี้ยนส์ ลีก และการเสริมทีทในเดือนมกราคม 2023 จะเป็นหนึ่งในตัวชี้วัดว่าพวกเขาจะเพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้มากแค่ไหนในช่วงที่เหลืออีก 5 เดือนนับจากนี้ โดย ณ เวลานี้ อาร์เซนอล ถูกโยงกับการเสริมผู้เล่นในส่วนเกมรุกเป็นหลักมากกว่าตำแหน่งอื่น
ย้อนไทม์ไลน์กันสักนิดในช่วงตลาดการซื้อขายสิงหาคม 2022
อาร์เซนอล มีความสนใจในการเซ็นสัญญากับตัวริมเส้นมาก่อนหน้านี้ พวกเขาอยากได้ตัว ราฟินญ่า ปีกทีมชาติบราซิลของลีดส์ ยูไนเต็ดอย่างยิ่ง และมีการเดินเรื่องการเจรจากันอย่างจริงจัง ในเวลานั้นชื่อของ เชลซี คือดีลที่ดีที่สุด ขณะที่นักเตะมีใจให้กับบาร์เซโลน่า ส่วนอาร์เซนอลเลือกจะมองหา“ความชัดเจน” เป็นทางเลือกแรก เอดู กาสปาร์ ผู้บริหารคนสำคัญเรื่องการซื้อขายของทีมใช้คอนเนคชั่นส่วนตัวถามกับ เดโก้ (อดีตกองกลางทีมชาติโปรตุเกสเชื้อสายบราซิล) ซึ่งเป็นเอเยนต์ของนักเตะแบบตรงไปตรงมาว่า ราฟินญ่า สนใจพวกเขาหรือไม่ คำตอบคือ ราฟินญ่า ชัดเจนว่าต้องการไปเล่นกับบาร์เซโลน่าเท่านั้น…อาร์เซนอลถอนตัวจากดีลทันที เพราะพวกเขาไม่ต้องการคนไม่มีใจมาเล่นกับทีม นี่คือหนึ่งในหลักการซื้อขายสำคัญของทีม นอกจากความสามารถแล้ว จิตใจที่อยากมาร่วมงานด้วยสำคัญไม่น้อยกว่ากัน
อาร์เซนอลในยุคนี้การเซ็นสัญญาของนักเตะมีความละเอียดมากยิ่งกว่าเดิมมาก เอดู และ มิเคล อาร์เตต้า ร่วมงานกันมาหากนับเป็นตลาดการซื้อขาย พวกเขากำลังเข้าสู่ตลาดการซื้อขายรอบที่ 7 ที่ได้ร่วมงานกัน พวกเขาเซ็นสัญญา
3 ตลาดแรกหนักไปทางการผ่องถ่ายผู้เล่นชุดเดิมออกจากทีมในแบบรื้อโครงสร้างหลักออก และเติมสิ่งที่ต้องการลงไป ในช่วงเดือนมกราคม 2020 - มกราคม 2021 กาเบรียล มากัญเยส (สิงหาคม 2020), โธมัส ปาเตย์ (สิงหาคม 2020) และ มาร์ติน เออเดการ์ด (มกราคม 2021 ยืมตัวก่อนเซ็นสัญญาถาวรในตลาดรอบต่อมา) คือสามดีลสำคัญ ในช่วงแรกของทีมและกลายเป็นแกนหลักได้จนถึงปัจจุบัน ขณะที่ 3 ตลาดรอบหลังทำได้ดีขึ้นมาก แม้จะมีหนึ่งตลาดที่ไม่ได้ขยับตัวเลย แต่อีกสองตลาดได้นักเตะใหม่เข้ามาถึง 11 คน และแทบทั้งหมดยังคงอยู่กับทีมในเวลานี้ และหลายคนในนั้นคือตัวหลักที่กำลังทำผลงานได้ดี อย่างไรก็ตามตลาดการซื้อขายมกราคมทั้งสามครั้งของ มิเคล อาร์เตต้า ยังไม่เคยมีตลาดไหนต้องจ่ายเงินซื้อขาดเลย มีเพียงการยืมตัวทั้งหมดกับ ปาโบล มารี, เซดริก โซอาเรส, มาร์ติน เออเดการ์ด และ แมท ไรอัน แม้จะจบด้วยการเซ็นสัญญาถาวรในตลาดรอบต่อมา 3 จาก 4 ดีลที่เกิดขึ้น แต่ก็เป็นสิ่งที่ประเมินได้ว่าตลาดการซื้อขายรอบนี้มันไม่ง่าย
มิไฮโล มูดริก (21 ปี สัญญาถึงสิ้นปี 2026) ตัวนักเตะแสดงความชัดเจนว่าต้องการย้ายมาอาร์เซนอลอย่างมาก ทั้งสัมภาษณ์ ทั้งโพสไอจีสตอรี่ดูเกมการเล่นของอาร์เซนอล และอาร์เซนอลก็ค่อนข้างชัดเจนว่าอยากได้ตัว
มูดริก มีชื่อพัวพันกับอาร์เซนอลประมาณ 1 ปีแล้ว นับจากตลาดการซื้อขายมกราคม 2022 เขามาติดลูปความสนใจของอาร์เซนอลให้สื่อรับทราบในช่วงท้ายตลาดที่แล้ว หลังจากการพลาดได้ตัวดูซาน วลาโฮวิช กองหน้าที่เลือกย้ายไปยูเวนตุส แทนที่พวกเขา และสุดท้ายอาร์เซนอล ตัดสินใจไม่ลงทุนในตลาดเดือนมกราคมกับนักเตะคนใดเลย ก่อนจะมีการเซ็นสัญญามูลค่า 52 ล้านยูโร กับ กาเบรียล เฆซุส ในตลาดรอบต่อมา และอาการบาดเจ็บหนักครั้งล่าสุดของกองหน้าทีมชาติบราซิลคนนี้นั่นเองที่เป็นหนึ่งเหตุผลใหญ่ทำให้การเข้าหา มูดริก อีกครั้งของอาร์เซนอลจริงจังกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา
60 ล้านยูโรคือตัวเลขแรกที่อาร์เซนอลยื่นเข้าไปให้กับ ชัคตาร์ พิจารณา แบ่งออกเป็น 40+20 ล้านยูโร รวมแล้ว 60 ล้าน บางสื่อก็ว่า 65 ล้านยูโร ว่ากันไปแต่ตัวเลขไม่หนีกันเกินกว่านี้ นักเตะสัญญาเหลือ 4 ปี คือปัญหาใหญ่ของการดีล เพราะนั่นหมายความว่าต้นสังกัดไม่ต้องเร่งรีบในการรับข้อเสนอใด ๆ ตราบใดที่นักเตะยังฟอร์มดี ราคาไม่มีร่วงอย่างน้อยก็อีก 1-2 ปี พลางแต่จะมีสโมสรอื่นมาอยากได้ตัวมากยิ่งขึ้น ดังนั้นที่มาของข่าวว่าทีมอยากได้ 100 ล้านยูโร จึงมาจากเหตุนี้ และสมเหตุสมผลกับการที่ ฟาบริซิโอ โรมาโน่ คนดังสายสื่อพูดว่าสายข่าวของเขาระบุว่า ชัคตาร์ รอมองหาทางเลือกอื่นเพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามหากมองถึงโปรไฟล์ของนักเตะมันยากมากว่าจะมีสโมสรไหนจะยื่น 100 ล้านยูโรให้กับพวกเขา แลกกับนักเตะเก่งคนหนึ่งที่ยังไม่ได้พิสูจน์ผลงานอะไรมากมายนัก แต่กำลังจะมีค่าตัวเทียบเท่ากับ แอนโทนี่ ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ตัวไป บนพื้นฐานความจริงที่ว่ารายนั้นเล่นกับอาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม ในลีกที่มาตรฐานสูงกว่ายูเครนเล็กน้อย ผ่านการติดทีมชาติบราซิลมาอย่างต่อเนื่องระยะหนึ่งแล้ว และสุดท้าย ยูไนเต็ด ยอมจ่ายในราคานั้น ว่าง่าย ๆ ดีลนี้ ชัคตาร์ มองตนเองเป็นอาแจ็กซ์ และ อาร์เซนอล จะทำตามแบบที่ ยูไนเต็ด ทำในตลาดรอบที่ผ่านมาหรือเปล่า
ขณะที่มูดริก เพิ่งต่อสัญญาใหม่กับทีมในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมายาวจนถึงสิ้นปี 2026 นั่นคือเหตุผลที่ทำให้ทุกอย่างยากขึ้นสำหรับเขา และง่ายสำหรับชัคตาร์ในการโก่งราคา หากมองมุมนี้ก็จะเห็นว่า นักเตะ เลือกจะเซ็นสัญญาด้วยตัวเอง และเขาต้องเคารพในสิ่งที่เขาเลือก แม้ตอนนี้อยากจะฉีกมันให้ขาดกระจุยแค่ไหนก็ตาม ทางเดียวจะปิดดีลนี้ได้คือ อาร์เซนอลต่อรองเจรจาราคาให้ได้กับชัคตาร์ โดเนสท์เท่านั้น เพราะนักเตะไม่มี Minimum Release Clause ให้เอาเงินไปกระชากตัวออกมาได้ทันที ดีลนี้จึงมีความคล้ายกับตอนที่อาร์เซนอลอยากได้ตัว ฮอสเซม อูอาร์ กองกลางโอลิมปิก ลียง ซึ่งยื้อกันจนน่ารำคาญ และสุดท้ายการย้ายทีมไม่เกิดขึ้น มาถึงวันนี้ อูอาร์กำลังเข้าสู่ 6 เดือนสุดท้ายของสัญญาแล้ว และลียงยังต่อสัญญาใหม่กับเขาที่กำลังจะเป็นอิสระในอีกไม่ช้านี้ไม่ได้
เจา เฟลิกซ์ (23 ปี สัญญาถึงกลางปี 2026) กำลังจะเข้าสู่สัญญาปีที่ 4 จากระยะสัญญา 7 ปี ที่เขาเซ็นไว้กับ แอตเลติโก มาดริด มูลค่าสัญญาของเขาแบบเบ็ดเสร็จสูงถึง 127 ล้านยูโร เป็นหนึ่งในวันเดอร์คิดของวงการฟุตบอล และในทุกวันนี้ เฟลิกซ์ ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น แต่ก็อยู่ในช่วงปลายแล้ว เมื่อเขากำลังจะเข้าสู่วัยหนุ่มเต็มตัวบนวัย 23 ปี
สถานการณ์ของเฟลิกซ์ มองกันที่ตลอดสามปีที่ผ่านมา เขาลงเล่นไปแล้ว 129 เกม 33 ประตู 18 แอตซิสต์ ขณะที่ในปีนี้ลงเล่นไปแล้ว 18 เกม 4 ประตู 3 แอตซิสต์ [9 เกมในฐานะตัวจริง] เฉลี่ยแล้วปีละ 11 ประตู โดยประมาณ นี่ไม่ใช่กองหน้าโป้งเดียวจอด การันตี 15-20 ประตูในทุกฤดูกาล แต่นี่คือ “หน้าต่ำ” (Second Striker) ที่เล่นได้ในทุกตำแหน่งตั้งแต่กองหน้าไปจนถึงพื้นที่ด้านหลังกองหน้ารวมถึงริมเส้นด้านข้างก็ได้ ความหลากหลายของเขาในการยืนตำแหน่งเป็นสิ่งที่น่าสนใจ เช่นเดียวกับ โปรไฟล์ของเขาด้วยวัยเพียงเท่านี้ เขาผ่านมาแล้วสองลีกไปจนถึงประสบการณ์ระดับชาติ นี่เป็นโปรไฟล์ตรงกับที่อาร์เซนอลต้องการ
ปัญหาของเฟลิกซ์กับแอตเลติโก มาดริด คือเรื่องของการลงเล่น เขาหลุดจากทีมตัวจริงมาสักระยะหนึ่งแล้วในสโมสร และ ดิเอโก้ ซิเมโอเน่ ก็ไม่ได้การันตี หรือสนับสนุนอะไรเขามากนัก ว่ากันตามการลงทุน หากสโมสรลงทุนนักเตะตัวรุกระดับ 100 ล้านยูโรขึ้นไป ความคาดหวังมันก็ต้องมากตามตัวเลขราคาเป็นเรื่องปกติ ผลงานของ เฟลิกซ์ ที่ออกมา + อาการบาดเจ็บ + จำนวนเกมที่ได้รับโอกาส และคู่แข่งในทีม จึงกลายเป็นเหตุผลสนับสนุนเกี่ยวกับการอยากย้ายออกของผู้เล่น
ดีลการยืมตัวเป็นสิ่งที่เป็นไปได้มากที่สุด เพราะด้วยระยะสัญญาและต้นทุนของแอตเลติโก มาดริด ค่อนข้างสูงมาก เป็นไปได้ยากมากที่จะมีคนมาซื้อตัวนักเตะในราคาเท่าทุนกับพวกเขาลงทุนเมื่อสามปีก่อน และตราบใดที่ผู้เล่นไม่ได้แสดงศักยภาพของตนเอง การจะเรียกความเชื่อมั่นหรือกระทั่ง“เรียกราคา” ค่าตัวจึงเป็นไปไม่ได้เลย ความสมเหตุสมผลในการยืมตัวในแบบไม่มีออฟชั่นซื้อขาดใด ๆ กับตัวเลขค่ายืม 8 ล้านยูโร ยังไม่ถึง 10 % ของค่าตัวนักเตะเสียด้วยซ้ำ สะท้อนถึงค่าตัว + ผลงาน และสถานะของเขาในทีมที่เป็นอยู่ได้ชัดพอสมควร แต่ถ้าการย้ายทีมครั้งนี้ ทำให้ เฟลิกซ์ กลับมาผลงานดี แอตเลติโก มาดริดก็ยังมีทางเลือกได้ทั้งเก็บไว้ใช้งานต่อ หรือขายในราคาที่ได้มากขึ้นกว่าเดิม ดีกว่าปล่อยให้นั่งสำรองกันต่อไป เสียเวลา เสียโอกาสด้วยกันทั้งสองฝ่าย
ถ้าวัดกันที่ตำแหน่งการเล่น เฟลิกซ์ มีความ “ตรงจุด” มากกว่า มูดริก เพราะอาร์เซนอลในเวลานี้ ในตำแหน่งกองหน้า พวกเขามีเพียงสองคนคือ กาเบรียล เฆซุส และ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย สองคน และหนึ่งในนั้นพักยาวอย่างน้อยอีกประมาณหนึ่งเดือนต่อจากนี้ การเซ็นสัญญากับ เฟลิกซ์ ถ้านับกันที่ตำแหน่งเขาสามารถลงเล่นตรงนี้ได้เลย ไม่เหมือนกับ มูดริก ที่เล่นเป็นตัวริมเส้นด้านข้างเป็นหลัก
อย่างไรก็ตาม อาร์เซนอล ในฤดูกาลนี้ หรือจะบอกได้ว่าตั้งแต่ช่วงปลายฤดูกาลที่แล้ว พวกเขาพยายามอย่างยิ่งในการหมุนเวียน ปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นของนักเตะในทีมมาตลอด พวกเขาปรับโครงสร้างแผนการเล่นบนพื้นฐานของ 4-2-3-1 ให้กลายเป็น 3-2-4-1 / 3-4-3 หรือกระทั่ง 4-1-4-1 ก็เคยทำมาหมดแล้วในปีนี้ ขึ้นกับการเซตอัพทีมจะเล่นแบบไหนในจังหวะเกมรุก-รับ หรือจะเจอกับคู่แข่งแบบไหน ยังไม่รวมถึงการสลับตำแหน่งการเล่นในระหว่างเกมที่มีให้เห็นในทุกเกม ทีมชุดนี้กับอายุการทำทีมสามปีของ มิเคล อาร์เตต้า และทีมงาน สอนและสร้างสิ่งเหล่านี้ขึ้นมาจนนักเตะมีความเข้าใจในเกมของตนเองค่อนข้างดีมาก ดังนั้นมันจึงมีความเป็นไปได้มากว่า อาร์เซนอล ไม่ได้เลือกเซ็นสัญญากับ “ตำแหน่ง” แต่เลือกที่ “ศักยภาพ” ของผู้เล่นเป็นหลักในการเล่น และนำมาปรับใช้ให้เข้ากับแผนการเล่นของทีม
มูดริก ตำแหน่งการเล่นของเขาคือริมเส้นทางซ้ายที่มีความคล่องตัวสูงมาก สไตล์ลากเลื้อยแล้วไปจบเองได้ด้วย เป็นสกิลของนักเตะวัยหนุ่ม พละกำลังมหาศาล นักเตะแบบนี้เป็นนักเตะที่ช่วยทีมได้เยอะแน่ ยิ่งถ้าเข้ากับระบบการเล่นได้ดียิ่งติดปีก มองให้เห็นภาพก็จะเป็นสไตล์การเล่นของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ วัยหนุ่มหรือ คิลิยัน เอ็มบั๊บเป้ ในยุคปัจจุบัน นักเตะแบบนี้จะต้องเจอกับช่วงเวลาของการปรับการเล่นเมื่ออายุมากขึ้น เหมือนที่ เมสซี่ และ โรนัลโด้ เป็นอยู่ พวกเขาไม่จัดจ้านเท่าเดิม แต่ก็ยังประมาทไม่ได้ มูดริก ก็จะเป็นแบบนั้นในอนาคต ซึ่งไว้ว่ากันอีกทีเมื่อถึงเวลานั้น เขายังเหมือนดินน้ำมันที่สามารถทำอะไรได้อีกหลายอย่างขึ้นกับโค้ช และทีมที่ได้ตัวไปจะสอนเขาไปในทิศทางใด
เฟลิกซ์ กับความหลากหลายในการเล่น ประสบการณ์ที่ผ่าน ลา ลีกามาแล้ว น่าจะทำให้ “เห็นเนื้อเห็นหนัง” ในศักยภาพของเขาในเวทีใหญ่ได้ชัดเจน คุณภาพของนักเตะผ่านการพิสูจน์มาแล้วในระดับหนึ่ง เขาเหมือนคนเก่งที่ตกหล่มความเป็นวันเดอร์คิดของตนเอง มองแล้วคล้ายกับ มาร์ติน เออเดการ์ด ที่มีศักยภาพแต่ต้องการสถานที่เข้ากับตนเองเพื่อแสดงผลงานออกมา ต้องการความมั่นใจคืนกลับมา ส่วนจะเป็นทีมไหนหรือย้ายแล้วจะได้ตามใจหวังหรือไม่ ต้องติดตามกันต่อไป
อาร์เซนอลเป็นทีมที่ชัดเจนในเรื่องของการซื้อขายอย่างยิ่ง และแน่นอนพวกเขาก็หวังจะรักษามาตรฐานของตนเองเอาไว้ในเรื่องของการเอาไว้ให้ได้ต่อไป บนการลงทุนที่มีความเสี่ยงสูงต่ำต่างกันไป “ถูกใจไม่มีคำว่าแพง” เป็นวลีสามารถใช้ได้จริงกับสโมสรที่พร้อมจ่ายเงิน แต่ไม่ใช่สำหรับอาร์เซนอลที่พร้อมลงทุนในราคาที่ไม่ได้สนใจว่าจะถูกหรือแพง แต่พวกเขาต้องปะเมินแล้วว่าการลงทุนครั้งนี้ “คุ้มค่า” กับความเสี่ยงหรือไเพราะสโมสรแห่งนี้ ผ่านการเรียนรู้มาแล้วหลายต่อหลายครั้งว่า ของแพงไม่ใช่จะดีเสมอไป และของถูกใช่จะไม่ดีเสมอไปเช่นกัน ขึ้นกับว่าพวกเขาประเมินไว้ตรงไหน และคนที่ได้มา “ถูกตัว” หรือไม่เท่านั้นเอง