เส้นทางของ มอยเซส ไกเซโด้ ก่อนจะกลายมาเป็นแข้งเนื้อหอมแห่งยุค - FEATURE

Brighton & Hove Albion v Manchester City - Premier League
Brighton & Hove Albion v Manchester City - Premier League / Craig Mercer/MB Media/GettyImages
facebooktwitterreddit

อาร์เซนอล, เชลซี และ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กำลังเดินเครื่องอย่างเต็มสูบในการไล่ล่าตัว มอยเซส ไกเซโด้ กองกลางทีมชาติเอกวาดอร์ของ ไบรท์ตัน ไปเสริมทัพ ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่ออย่างยิ่งหลังจากเจ้าตัวเพิ่งย้ายมาจาก อินดิเพนเดียนเต้ เดล วัลเล่ ในลีกบ้านเกิดเมื่อ 2 ปีที่แล้ว

ไกเซโด้ ย้ายจาก อินดิเพนเดียนเต้ มาเล่นกับ ไบรท์ตัน ด้วยค่าตัวเพียง 4.5 ล้านปอนด์ แต่ปัจจุบันมูลค่าของเขาขยับไปสูงถึง 70 ล้านปอนด์ และกลายเป็นเป้าหมายของบรรดาสโมสรชั้นนำของศึก พรีเมียร์ลีก ไปแล้ว

Moises Caicedo
Brighton & Hove Albion v Manchester City - Premier League / Mike Hewitt/GettyImages

แม้จะมีอายุเพียง 21 ปี แต่ ไกเซโด้ ก็เล่นฟุตบอลได้นิ่งเกินวัย และมีความเป็นผู้ใหญ่มากกว่าคนรุ่นเดียวกัน แต่เมื่อเขาทำประตูได้ เจ้าตัวก็จะฉลองอย่างสุดเหวี่ยงเหมือนกับเป็นเด็กน้อยที่เพิ่งหัดเลยฟุตบอลเลยก็ว่าได้

   มิเกล อัลเกล รามิเรส โค้ชคนแรกของ ไกเซโด้ ในทีม อินดิเพนเดียนเต้ กล่าวว่า “ผมรักเขา เพราะเขาเป็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ เขาเคยร้องไห้กับผม 2-3 ครั้ง ตอนแรกๆ ตอนที่ผมอาจจะดุเขามากไปในตอนซ้อม เขาก็ร้องไห้เหมือนเด็กเลย แต่ผมหันหลังกลับทำเป็นไม่เห็นเขา”

“วันหนึ่งในช่วงที่เขาได้รับบาดเจ็บ เขาขออนุญาตกลับบ้าน และไปฉลองวันเกิด ผมปฏิเสธ และพูดว่า มอยเซส คุณบาดเจ็บ คุณต้องพักฟื้น และต้องกลับมาให้เร็วที่สุด นักเตะอาชีพไม่มีวันหยุด คุณต้องเข้าใจว่าตอนนี้คุณไม่ได้อยู่ในอคาเดมี่อีกแล้ว”

“เมื่อคุณย้ายไปสโมสรใหญ่ คุณไม่สามารถขอสโมสรของคุณให้หยุดเพื่อฉลองวันเกิดกับครอบครัวได้เพราะพวกเขาอาจจะไม่ให้คุณอยู่ในทีมอีกเลย หลังจากนั้น เขาก็ร้องไห้เหมือนในโรงยิม และออกไปขี่จักรยาน”

ท่าทีที่มั่นคงของ รามิเรซ ในตอนนั้นตั้งใจทำให้เป็นบทเรียนแก่ ไกเซโด้ และถึงแม้ตอนนั้นเขาจะเป็นแค่ดาวรุ่ง แต่ก็มีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีม อินดิเพนเดียนเต้ ยู20 คว้าแชมป์ โคปาลิเบอร์ตาดอเรส ยู20 ที่ประเทศปารากวัย ในปี 2020 ได้สำเร็จ

รามิเรส เล่าต่อว่า “เขามีความสำคัญมากสำหรับเราในทีมชุดใหญ่ แต่เขาก็เป็นผู้เล่นคนสำคัญของทีมยู-20 ด้วย ดังนั้น เป็นเวลา 1 สัปดาห์หรือ 10 วัน เขาเล่นกับทีมยู-20 จากนั้น ก็บินกลับไปเล่นให้กับทีมชุดใหญ่ของเราในลีกเอกวาดอร์ จากนั้น เขาก็ก็กลับไปในศึก ลิเบอร์ตาดอเรส ยู20 มันบ้ามาก”

Moises Caicedo
Brighton & Hove Albion v Southampton FC - Premier League / Mike Hewitt/GettyImages

หลังจากโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมให้กับ อินดิเพนเดียนเต้ โอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ ไกเซโด้ ก็มาถึง หลังจาก ไบรท์ตัน เซ็นสัญญาคว้าตัวไปร่วมทีมในปี 2021 โดยในช่วงแรกเขาต้อวปรับตัวเล็กน้อย และย้ายไปเก็บประสบการณ์กับ เบียร์ช็อต วีเอ ในเบลเยียม ก่อนจะก้าวมายึดตัวหลักในซีซันที่ผ่านมา

เกรแฮม พอตเตอร์ อดีตโค้ช ไบรท์ตัน ใช้งาน ไกเซโด้ ในตำแหน่งกองกลางหมายเลข 8 ฝั่งซ้าย แต่หลังจาก โรแบร์โต้ เดอ เซอร์บี เทรนเนอร์ชาวอิตาลี เข้ามาคุมทีม นั้น ดาวเตะเอกวาดอร์ ก็ถูกขยับมายืนเป็นมิดฟิลด์ตัวกลาง และบางครั้งก็ลงไปเล่นเป็นแบ็คขวาด้วย  

 ไม่ว่าจะถูกส่งลงสนามในตำแหน่งใด ไกเซโด้ ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยปีล่าสุด เขาลงเล่นเป็นตัวจริง 34 เกม จาก 38 เกมใน พรีเมียร์ลีก และมีบทบาทสำคัญในฤดูกาลที่พา “นกนางนวล” ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร

รามิเรส อธิบายทิ้งท้ายว่า “ท้ายที่สุดแล้ว มันเป็นราคาตลาดนักเตะที่บอกคุณได้ว่า คุณเก่งแค่ไหน ดังนั้น เมื่อสโมสรเสนอตั้งค่าตัวออกไป นั่นเป็นเพราะระดับของคุณ ซึ่ง มอยเซส ก็สมควรก็อยู่ในระดับนั้นแล้ว นี่คือความจริง”