“ภารกิจที่ โบโด” ชัยชนะที่เต็มไปด้วยบทเรียนและความผิดพลาดของ อาร์เซนอล - FEATURE

FK Bodo/Glimt v Arsenal FC: Group A - UEFA Europa League
FK Bodo/Glimt v Arsenal FC: Group A - UEFA Europa League / David Lidstrom/GettyImages
facebooktwitterreddit

ในสนามแข่งขัน ผลการแข่งขันคือสิ่งที่สำคัญที่สุด มันจะถูกจดจำเอาไว้ในฐานะของสถิติที่ผ่านไปนานแค่ไหนก็จะคงอยู่ตลอดไป แต่ในรายละเอียดแล้ว ผลการแข่งขันในแต่ละเกมไม่ได้บ่งบอกถึงรูปเกมจริงที่ออกมาได้ทั้งหมด และเกมที่อาร์เซนอลได้สามคะแนนในเกมที่นอร์เวย์ค่ำคืนที่ผ่านมาก็เป็นเช่นนั้น

BODØ (อ่านว่า โบเดอ ในภาษานอร์เวย์ และอ่านว่า โบโด ในภาษาอังกฤษ) เป็นเมืองที่มีประชากรประมาณ 50,000 คน เป็นเมืองที่อาร์เซนอล เดินทางมาลงเล่นด้วยเป้าหมายที่ชัดเจน พวกเขาอยากได้สามคะแนน อยากเป็นจ่าฝูง อยากได้การหมุนเวียนผู้เล่นภายในทีม และเมื่อจบเกมท่ามกลางแฟนบอลประมาณ 8,500 คนในเมืองโบโด ประเทศนอร์เวย์ อาร์เซนอล สมหวังในทุกเรื่องตามที่ต้องการ ยกเว้นฟอร์มการเล่นที่พูดได้เต็มปากว่าเป็นชัยชนะที่ผลงานต่ำกว่ามาตรฐานที่เล่นกันมาตลอดในฤดูกาลนี้

มิเคล อาร์เตต้า เลือกใช้งานทีมชุดผสมลงเล่นในเกมนี้เหมือนในเกมแรกที่พบกันในสัปดาห์ที่แล้ว แมตต์ เทอร์เนอร์, ร็อบ โฮลดิ้ง, แซมบี้ โลกอนก้า, รีส เนลสัน, ฟาบิโอ วิเอร่า รวมถึง เอ็ดดี้ เอนเคเธีย คือเหล่าตัวสำรองที่ได้รับโอกาสสตาร์ทตัวจริงในวันนี้ เท่ากับเปลี่ยนกันครึ่งทีมลงเล่นกับเจ้าบ้านที่จัดทัพใหญ่แบบเกมแรกที่พวกเขาไม่ได้พลาดในแท็คติก แต่เล่นพลาดในจังหวะสวนกลับ และลูกตั้งเตะทำให้พวกเขาลำบากจนพ่ายในที่สุด

อาร์เซนอลเล่นเกมรับในระบบ 4-2-3-1 เวลาดันเกมรุกจะมีการปรับทั้งระบบ 3-2-4-1 ใช้งานคีแรน เทียร์นีย์ ขึ้นมาเป็นกองกลางร่วมกับ แซมบี้ โลกอนก้า หรือในบางจังหวะจะเล่นกันในแบบ 4-1-4-1 ให้โลกอนก้า เล่นกองกลางเพียงคนเดียว เมื่อวันนี้พวกเขาไม่ใช่งาน กรานิท ชาก้า และ โธมัส ปาเตย์ ลงเล่นในตัวจริง ฟาบิโอ วิเอร่า กลายเป็นคนที่ถอยต่ำลงมาเล่นร่วมกับกองกลางเบลเยี่ยม ส่วนเจ้าบ้านใส่เต็มกับ 4-3-3 เกมรับมาแบบวินัยแน่นมาก 

รูปเกมที่ออกมาคล้ายกับเกมแรกที่พบกัน เล่นเกมรุกเจาะกันทางริมเส้นทั้งสองฝั่งเป็นหลัก ทีมไหนได้บอลก็พร้อมจะแจกจ่ายบอลไปด้านข้างเข้าทำ ทีนี้ก็เหลือแค่ว่าทีมไหนจะทำได้ดีกว่ากัน และเป็นอาร์เซนอลที่ได้ประตูแรกของเกม

ประตูชัยของเกมนี้ : อาร์เซนอล เซตเกมรุกขึ้นมาตามจังหวะจากซ้ายมาขวา บอลมาถึง เบน ไวท์ ออกบอลให้กับ ซาก้า ทางขวา ก่อนตัดสินเข้ากลางให้กับ โลกอนก้า ทำชิ่งเร็วคืนมาที่ ซาก้า อีกครั้งได้หลุดเข้าไปยิง บอลแฉลบขากองหลังที่พยายามเข้ามาสกัด แต่บอลมาเด้งโดนตัว ซาก้า เปลี่ยนทางเข้าประตูไปเลย ลูกนี้ได้มาด้วยการทำชิ่งที่ดี และโชคทำให้ประตูนี้เกิดขึ้น และกลายเป็นประตูโทนตัดสินเกมนี้

Bukayo Saka
FK Bodo/Glimt v Arsenal FC: Group A - UEFA Europa League / David Lidstrom/GettyImages

จังหวะนี้ แนวรับโบโด/กลิมท์ เสียสมาธิเพียงนิดเดียวกับการที่ตัวกลางไม่วิ่งตามโลกอนก้า ที่ดันเกมขึ้นมาในพื้นที่ว่างช่องใหญ่มาก มาไหวตัวทันเริ่มออกวิ่งก็ไม่ทันเสียแล้ว โลกอนก้าทำได้ดีกับการตัดสินใจทำชิ่งเร็วจนกลายเป็น ซาก้า ได้จบสกอร์

อย่างไรก็ตามโบโด/กลิมท์ เสียประตูไปก่อน แต่พวกเขาไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรนัก และยังคงมุ่งมั่นเดินเกมรุกต่อไป พวกเขาเริ่มต้นการเซตบอลจากนายทวาร ตัดสลับกับการรอโอกาสเหมาะ ๆ เตะเปิดยาวข้ามกองกลางและไปลุ้นกันในแดนบน ซึ่งอาร์เซนอลก็เล่นเหมือนกันในลักษณะการเซตเกม วันนี้เราจึงได้เห็นการเล่นของสองทีมที่คล้ายคลึงกันในรูปแบบแต่ต่างกันที่เรื่องของคุณภาพ ซึ่งเกมนี้เป็นอีกเกมที่ผู้เขียนมองว่า ผลการแข่งขันไม่ได้บ่งบอกถึงรูปเกมแต่อย่างใด

มองเกมนี้อาร์เซนอล “ขาดหาย” ไปหลายอย่าง ขณะที่เจ้าบ้าน “เติมเต็ม” ในหลายอย่าง แต่ก็ “ตกหล่น” ในบางสิ่งในเวลาเดียวกัน

ตลอด 90 นาที​ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งหลัง โบโด/กลิมท์ ทำให้เห็นว่าทำไมในเกมยุโรปพวกเขาเล่นในบ้านชนะมา 14 เกมติดต่อกัน ด้วยทั้งระบบการเล่นที่มีวินัย ด้วยแฟนบอลที่สนับสนุนกันเต็มที่ ไม่ต่างจากทีมชั้นนำ แค่สนามมันเล็กกว่ามากแต่หัวใจแฟนบอลส่งตรงถึงนักเตะได้เต็มเปี่ยมไม่ต่างกัน

เจ้าบ้านแชมป์ลีกนอร์เวย์ “เติมเต็ม” การเล่นของตนเองด้วยแนวทางการเล่นเดิม เกมแรกที่เจอกันมันพิสูจน์แล้วว่า ทีมของพวกเขาชุดเต็มสูบ สามารถต่อสู้กับทีมชุดผสมของอาร์เซนอลได้อย่างแน่นอน ขอเพียงตนเองไม่ก่อความผิดพลาดพวกเขาจะมีโอกาสแน่นอน แต่สุดท้ายพวกเขาตกหล่นในเรื่องของสมาธิเพียงไม่กี่ครั้ง แต่มันกลายเป็นการเสียประตู ในทางกลับกันเมื่ออาร์เซนอลพลาด พวกเขากลับจัดการเปลี่ยนเป็นประตูไม่ได้ โดยสถิติระบุชัดเจนว่าทั้งสองทีมวันนี้ยิงเข้ากรอบกันเพียงทีมละ 1 ครั้งเท่ากัน แต่ทีมหนึ่งได้ประตู ทีมหนึ่งไร้ประตู มันคือด้านที่แย่ของโบโด/กลิมท์ เช่นกันว่าเกมรุกพวกเขามีปัญหาพอๆ กับอาร์เซนอลในวันนี้ที่เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน

ตรงกันข้ามกับอาร์เซนอลอย่างยิ่งในวันนี้ไม่ว่าจะเป็น

การเปลี่ยนผู้เล่น 6 คนจากเกมลีก ส่งผลอย่างยิ่งในเรื่องของความเข้าใจเกม อันนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจได้อยู่ แม้คุณจะซ้อมกันมาก่อนเกม แต่เอาเข้าจริง ความต่างในสนามซ้อมกับวันแข่ง ความเข้าใจเกมที่ต้องอาศัย สมองในการสั่งการ การสอนที่ซึมซับด้วยร่างกาย ทีมขาดตรงนี้ไปมาก ชัดเจนกับการออกบอลที่ผิดพลาดเยอะไปหมดในเกมนี้  

Bodo/Glimt vs Arsenal - UEFA Europa League
Bodo/Glimt vs Arsenal - UEFA Europa League / Anadolu Agency/GettyImages

การเลือกนักเตะในตำแหน่งกองกลางที่แม้ว่าจะให้ “ระบบ” ช่วยในทำงานของเกม แต่ส่งนักเตะผิดฟังก์ชันการใช้งานแบบที่ทีมถนัดลงไป สมดุลกองกลางแบบที่เคยเป็น เมื่อทีมไม่มีชาก้า - ปาเตย์ หนึ่งคนเล่น Box to Box ที่มีประสบการณ์ในการเล่นเก็บบอลได้ดี อีกคนเล่นเกมรับเป็นหลักเหมือนคนคุมหางเสือและกำหนดจังหวะเกมให้ทีม การเลือกใช้งาน โลกอนก้า และ ฟาบิโอ วิเอร่า หรือบางครั้งเป็นเทียร์นีย์ มาเล่นด้วยกัน กลายเป็นปัญหาที่ทำให้เห็นว่า การชะลอเกมตรงกลางสนามในจังหวะบุกแทบไม่ได้เลย เพราะนักเตะที่ลงสนามขาดทั้งประสบการณ์ และขาดทั้งสไตล์การเล่นส่วนบุคคล กลายเป็นเรื่องของสมดุลกองกลางขาดหายไปชัดเจน ยิ่งนานไปก็ยิ่งชัดเจน เมื่อคู่แข่งบีบพื้นที่ได้มากขึ้น ครองบอลได้มากขึ้น ก็จบด้วยการโดน “ขึงเกม” ในหลายจังหวะ 

โลกอนก้าในเกมวันนี้ดูดีขึ้นในความเห็นของผู้เขียน รับหน้าที่ในพื้นที่ของตนเองได้โอเค ออกบอลเปิดเกมรุกได้มากขึ้น แต่สุดท้ายปัญหาหลักที่เห็นคือ แนวคิดในการเล่น และอากัปกริยาในสนามที่แสดงออกทางภาษากายทั้งการวิ่งในจังหวะดันเกมรุก หรือลงเล่นเกมรับ และในการเล่นที่ยังมีความผิดพลาดในแบบที่เรียกกันว่า “เล่นไม่รอบคอบ” ให้เห็น รวมถึงหลายคนทีมที่ได้รับโอกาสทั้ง  เอ็ดดี้ เอนเคเธีย หรือว่า รีส เนลสัน ที่ผลงานออกมาแย่พอกัน พวกเขาทำในแบบที่อยากทำไม่ได้เลยตลอดเกม โดยเฉพาะเอนเคเธียที่วันนี้อะไรก็พลาดไปหมดในจังหวะเข้าทำ รวมถึง ฟาบิโอ วิเอร่า ที่วันนี้ปรับไปเล่นหลายตำแหน่งมากจนกระทั่งสุดท้ายไปจบที่ตัวริมเส้นด้านขวา หายไปจากเกมในหลายช่วง แม้กระทั่งเออเดการ์ดก็ด้วยกับการลงเล่นในแผ่นดินบ้านเกิดของตัวเอง

การที่ กรานิท ชาก้า หรืออาจะรวมถึง ปาเตย์ (ซึ่งลงมาช่วง 5 นาทีสุดท้ายก่อนจบเกม) ถูกเปลี่ยนลงมาก็เป็นการบ่งบอกได้ว่า อาร์เตต้า เห็นปัญหา และต้องการรักษาสกอร์ที่นำไว้ให้ได้ แต่สุดท้ายแล้ว แม้จะเปลี่ยนลงมากระแสเกมก็ยังไปทางฝั่งเจ้าบ้านมากกว่า

แต่สิ่งที่สำคัญที่อาร์เซนอลต้องปรับปรุงอย่างยิ่งคือเรื่องของความมุ่งมั่นในเกมที่วันนี้ “ชุดผสม”ขาดหายไป นี่คือเรื่องอันตรายที่โค้ชต้องกระตุ้นให้หนักหน่วง เพราะการลงสนามเกมนี้คือโอกาสของใครหลายคนที่นั่งดูเกมในพรีเมียร์ ลีก มาตลอดที่ข้างสนาม การลงมาเกมนี้คือโอกาสในการลุ้นตำแหน่งตัวจริงในทีม ซึ่งจะวัดจากการลงตัวจริงในเกมพรีเมียร์ ลีก เป็นหลัก แต่จบเกมวันนี้ หากเลือกใครว่าเล่นดีที่สุดในทีมก็ต้องบอกว่าใน 11 คนแรกแทบจะไม่มีใครเด่นกว่าใคร อาจจะมี แมตต์ เทอร์เนอร์ ที่ทำงานของตนเองได้ไม่พลาด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเกมวันนี้จะเป็นวันที่ดี สำหรับเขาเพราะยิ่งนายทวารต้องเตรียมตัวเยอะเท่าไร ยิ่งหมายความว่าคู่แข่งบุกได้มากตามเท่านั้น สะท้อนออกมาว่าทำไมเกมนี้ แฟนบอลถึงบ่นทีมตัวเองว่าเล่นกันแย่ 

อย่างไรก็ตามหากมองในทางกลับกัน มิเคล อาร์เตต้า ก็ชัดเจนมาตั้งแต่แรกแล้วว่า เขาต้องการพักผู้เล่นหลักหลายคนในเกมนี้ เพิ่มโอกาสให้ตัวสำรอง ถึงขนาดที่ไม่เรียก กาเบรียล เฆซุส เดินทางมากับทีมเพื่อให้ได้พักเต็มที่เพื่อไปลุยต่อในเกมลีกและเกมที่เหลือในเดือนนี้อีก5 เกมจาก 17 วันที่เหลือของเดือนนี้ มันก็เป็นเหตุผลที่เข้าใจได้ว่าทำไมการหมุนเวียนทีมถึงเกิดขึ้น  เพียงแต่ว่าการหมุนทีมครั้งนี้ ก็เป็นการบ่งบอกว่า พวกเขามีงานต้องทำอีกเพียบ หากคิดจะหมุนเวียนทีมพร้อม ๆ กันจำนวนมากแบบนี้ เพราะขาดทั้งความเข้าใจในกันและกัน รวมถึงความมุ่งมั่น

Mikel Arteta
FK Bodo/Glimt v Arsenal FC: Group A - UEFA Europa League / David Lidstrom/GettyImages

ฟุตบอลคือเรื่องของความเป็นทีม, แท็คติกการเล่น และความเข้าใจในการเล่นของเพื่อนร่วมทีมเป็นแกนหลัก ส่วนประสิทธิผลของมันขึ้นกับนักเตะจะมุ่งมั่น พยายาม และนำออกมาใช้ได้มากน้อยแค่ไหน ซึ่งวันนี้สอบตกกันหมด แต่จบด้วยชัยชนะในสนามที่ยากมากสนามหนึ่ง ก็ถือว่าบรรลุเป้าหมายตามต้องการ หลังจากนี้คืองานแก้ไขปรับปรุงทีมกันต่อไป 

“การเจอกับพวกเขาเป็นเกมที่ยากมากเหมือนที่ผมบอกในเกมแรกที่เราเจอกันนี่คือทีมที่ดีมากทีมหนึ่ง และจะสร้างปัญหาให้กับเรา โดยเฉพาะเมื่อเราแพ้ในการแย่งบอล และปล่อยให้พวกเขาครองเกมได้ ส่วนเรื่องของสนามหญ้าเทียม มันอาจเป็นเรื่องที่ทำให้บอลมันเคลื่อนที่เร็วเกินไปสำหรับจังหวะของเรา แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่จะเอามาเป็นข้อแก้ตัวได้ ครึ่งหลังเป็นอะไรที่ต้องปรับปรุงกันอีกเยอะ เราทราบดีในเรื่องนั้น ผมจะไม่เจาะลงไปในรายละเอียด แต่ผมรับทราบเหตุว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น แต่นักเตะควรได้รับเครดิตกับการทำงานหนัก และความพยายามในการเล่น แน่นอนในเรื่องของการคุมเกม การแนวทางการเล่นที่ต้องการเล่นมันเป็นเรื่องที่เราสามารถทำได้ดีกว่าที่ออกมาในวันนี้แน่ แต่สุดท้ายก็นั่นละ เราชนะ เดินหน้าต่อไปเรามีเกมกับลีดส์ ยูไนเต็ด รอในช่วงสุดสัปดาห์นี้” อาร์เตต้า กล่าวหลังเกม

จบเกมนี้ อาร์เซนอล ชนะได้แบบหวุดหวิดในวันที่ไม่ได้เล่นดีและเต็มไปด้วยความผิดพลาด บางช่วงเจียนไปเจียนอยู่ แต่สุดท้ายได้สามคะแนน ได้เป็นจ่าฝูง ได้หมุนเวียนผู้เล่น และที่สำคัญได้ลองของว่ากำลังสำรองมีความพร้อม และขาดอะไรไปบ้างเพื่อการปรับปรุงต่อไป “High Risk High Return” รอบนี้คุ้มค่า ภารกิจตามเป้า ถือว่าการเดิมพันนี้ได้ผลตอบแทนกลับมาน่าพอใจ

เกมเยือนในยุโรปเหลืออีกหนึ่งเกมในการไปเยือนไอน์โฮเฟ่น ซึ่งจะเล่นกันในช่วงปลายเดือนนี้เป็นเกมเยือนสุดท้าย ที่เหลือคือภารกิจในประเทศที่ต้องลุยกันต่อไป