เสริมอีกสองเพื่อหวังครองทุกสิ่งของ เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ - FEATURE

Manchester City Victory Parade
Manchester City Victory Parade / Visionhaus/GettyImages
facebooktwitterreddit

หากในตลาดการซื้อขายรอบเดือนสิงหาคมนี้จะมีทีมไหนเสริมทีมได้น่าเร้าใจมากที่สุด ชื่อของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่น้อยหน้าใครอย่างแน่นอน การได้ตัว เออร์ลิ่ง เบร้าส์ ฮาแลนด์ (21 ปี สัญญาถึงกลางปี 2027) หัวหอกที่ว่ากันว่าฟอร์มร้อนแรงที่สุดในยุโรป แถมพ่วงด้วยรอร่วมงานกับ ยูเลี่ยน อัลวาเรซ (22 ปี สัญญาถึงกลางปี 2027) หัวหอกฟอร์มแรงจากทวีปอเมริกาใต้ ที่เซ็นสัญญาล่วงหน้ากันมาตั้งแต่การซื้อขายรอบเดือนมกราคม เป็นการเสริมทีมที่สุดยอดและน่าอิจฉาสำหรับทุกสโมสรทั่วโลก

แชมป์พรีเมียร์ ลีกฤดูกาลล่าสุด แม้ว่าจะจบด้วยการคว้าแชมป์ลีกที่ตื่นเต้นที่สุดฤดูกาลหนึ่งในประวัติศาสตร์ และยิงไปถึง 99 ประตู เสียแค่ 26 ประตู แถมอีกนิดที่ว่าพวกเขา 12 เกมสุดท้ายในลีกพวกเขาชนะ 9 เสมอแค่ 3 แต่ก็ต้องยอมรับว่าบางเกมพวกเขากว่าจะมองหาประตูชัย หรือประตูแรกในการปลดล๊อค พวกเขาก็หืดขึ้นคอหลายครั้ง และบางเกมพวกเขาทำไม่สำเร็จ ซึ่งนั่นส่วนหนึ่งก็มาจากการขาดหายไปของกองหน้าตัวเป้า หรือดาวยิงธรรมชาติที่พวกเขาไม่มีเลยในฤดูกาลที่แล้ว และเราได้เห็นการสลับไปมาของนักเตะหลายคนในทีมทั้ง กาเบรียล เฆซุส ที่ดูดีที่สุดแล้วเพราะเป็นกองหน้ามาก่อนจะโดนปรับไปเล่นด้านข้างหลายครั้ง รวมถึง ราฮีม สเตอร์ลิ่ง และ เควิน เดอ บรอยน์ ในบางครั้ง…ดังนั้นการเสริมทีมนี้ตอบโจทย์สิ่งที่ขาดหายไปโดยตรง

Erling Haaland
Sweden v Norway: UEFA Nations League - League Path Group 4 / Michael Campanella/GettyImages

อย่างไรก็ตามทีมที่แข็งแกร่งแค่ไหนก็ต้องย่อมมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้ด้วยผลงานก็ด้วยวัยที่มากขึ้น แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อยู่ในช่วงที่ต้องเจอกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่มีใครหลีกหนีพ้น

เฟร์นานดินโญ่ (37 ปี) กัปตันทีมบราซิเลี่ยนผู้ภักดีถึงเวลาอำลาทีมเพื่อการกลับไปเล่นในบ้านเกิด เช่นเดียวกับปัญหาในตำแหน่งฟูลแบ็คที่มีมาเกือบหนึ่งฤดูกาล จากกรณีคดีความนอกสนามของ เบนจาแมง เมนดี้ (27 ปี) ที่ถึงตรงนี้ก็คือหมดอนาคตแน่นอนแล้ว จากคดีความหลายคดีที่หลักฐานค่อนข้างแน่น เรียกว่าจะไม่แปลกใจ ถ้าสุดท้ายมีข่าวว่าเขาต้องไปนอนคุก ดังนั้นการเสริมทั้งตำแหน่งกองกลางตัวรับ และแบ็คซ้ายเป็นสิ่งที่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้มองหาในตลาดรอบนี้

Fernandinho - Soccer Midfielder - Born 1985
Manchester City Victory Parade / Visionhaus/GettyImages

ชื่อของ คัลวิน ฟิลลิปส์ (26 ปี สัญญาถึงกลางปี 2024) กองกลางตัวรับทีมชาติอังกฤษของ ลีดส์ ยูไนเต็ด และ มาร์ค คูคูเรลล่า (23 ปี สัญญาถึงกลางปี 2026) ฟูลแบ็คสเปนของไบร์ทตัน แอนด์ โฮฟ อัลเบี้ยน คือทางเลือกที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ต้องการ

หากฟุตบอลยูโร 2020 คือช่วงเวลาที่งดงามของฟิลลิปส์ในฐานะตัวจริงของทีมชาติ ที่เขาโดดเด่นมาก พรีเมียร์ ลีก ฤดูกาลที่ผ่านมาก็คือปีที่เหี่ยวเฉาของเขาเช่นกัน กับปัญหาอาการบาดเจ็บหนักหนึ่งครั้งที่ต้องพักหลายเดือน สุดท้ายเขาลงเล่นไป 23 เกมในทุกรายการ (ตัวจริง 21 เกม) แต่ก็ทันช่วยทีมรอดตกชั้นในเกมสุดท้ายของฤดูกาลในที่สุด

ด้วยสไตล์การเล่นเชิงรับที่สามารถขยับดันเกมรุกชึ้นไปได้ด้วย ฟิลลิปส์ เด่นการทำ “เรื่องง่ายที่ไม่ใช่งานง่าย” ได้ครบเครื่องไม่ว่าจะเป็นการผ่านบอลสั้น แย่งบอลเก่ง อ่านบอลจังหวะสอง ที่สำคัญคือแย่งบอลยาก ทำให้เขาเป็นที่ถูกใจของ กวาร์ดิโอล่า อย่างยิ่ง จนนำมาซึ่งเรื่องของการอยากได้ตัวมาร่วมทีม ซึ่งสัญญาของนักเตะมีเหลืออีกสองปี แน่นอน ลีดส์ ไม่ได้ต้องการขายเขาออกไป แต่ก็เช่นกันที่ว่าหากมีข้อเสนอที่ยากจะปฏิเสธเข้ามาถึง พวกเขาก็พร้อมจะเจรจาด้วยแน่นอน กับตัวเลขที่เขาถูกประเมินไว้ที่ 50 ล้านยูโร และยิ่งการที่ ลีดส์ เซ็นสัญญากับ มาร์ค โรก้า กองกลางตัวรับชาวสเปนของบาเยิร์น มิวนิค มาร่วมทีมด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ความเป็นไปได้นี้มีมากขึ้นอีกหลายเท่าตัว

Marc Cucurella
Wolverhampton Wanderers v Brighton & Hove Albion - Premier League / Naomi Baker/GettyImages

หากพรีเมียร์ ลีก ปีที่ผ่านมาคือวันเหี่ยวเฉาของฟิลลิปส์ สำหรับ คูคูเรลล่า แล้วมันคือเรื่องตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง เมื่ออดีตเด็กปั้นของบาร์เซโลน่าคนนี้ ย้ายจาก เคตาเฟ่ มาเล่นกับ ไบร์ทตัน ด้วยค่าตัว 18 ล้านยูโร คือหนึ่งในแบ็คซ้ายผลงานดีที่สุดในลีก เขาอาจไม่ใช่จอมแอตซิสต์แบบแบ็คหลาย ๆ คน แต่การเล่นที่หวือหวา และโดดเด่นของเขาที่เล่นได้ทั้งกองหลัง 4 คนหรือในระบบสามกองหลังก็เล่นได้ ทำให้เกมรุกของไบร์ทตันลื่นไหลเป็นอย่างมาก เด่นจนถึงขั้นที่ว่า เกรแฮม พอตเตอร์ ผู้จัดการไบร์ทตัน ไม่คิดว่านี่คือนักเตะที่เพิ่งย้ายมาเล่นในพรีเมียร์ ลีก ปีแรกในแบบที่พูดภาษาอังกฤษแทบไม่ได้เลย เป๊ปชื่นชอบเขามากในฐานะที่นักเตะเคยผ่านการเล่นกับบาร์เซโลน่า ที่เข้าใจในปรัชญาฟุตบอลในแบบของเป๊ป ที่รักฟุตบอลในเกมบุก อย่างที่บอก เขาอาจไม่ได้จบด้วยการแอตซิสต์ประตูมากนักในลีก (ได้แค่หนึ่งแอตซิสต์) แต่ตามข้อมูลระบุว่าเขามีถึง 40 การผ่านบอลสำคัญที่นำมาซึ่งจังหวะการเกิดประตู ตามหลังแค่ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ (51 ครั้ง) และ รีช เจมส์ (42 ครั้ง) เพียงสองคนเท่านั้น นี่คือทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับแนวทางของทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้  และแน่นอนนี่คือโอกาสใหญ่ของ คูคูเรลล่า กลับมารับโอกาสในทีมใหญ่อีกครั้ง และครั้งนี้มันอาจหมายถึงตำแหน่งตัวจริงในทีมใหญ่ที่เขาไม่ได้รับมันตอนเล่นกับบาร์เซโลน่า

ทั้งสองดีลที่พวกเขากำลังมองหามีความเป็นไปได้สูงมากว่าพวกเขาจะสมหวัง และหากมันเกิดขึ้นทีมชุดนี้ก็น่าจะเป็นชุดที่ดีที่สุดของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ในการคุมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาตั้งแต่ปี 2016 เป็นต้นมา ทีมที่ไม่ใช่แค่ผลงานยอดเยี่ยม แต่เป็นทีมที่มีรากฐานแน่น ไม่จำเป็นต้องเสริมทีมแบบบ้าคลั่งด้วยจำนวน แต่เน้นที่คุณภาพเป็นสำคัญ จาก 15 ปีก่อนที่เสริมทีมแบบสามล้อถูกหวย มาวันนี้พวกเขาคือเศรษฐีนักลงทุนที่เก่งมากทีมหนึ่งไปเรียบร้อยแล้ว

การเลือกซื้อผู้เล่นของพวกเขา เริ่มเข้าสู่กระบวนการเสริมผู้เล่นอายุน้อย และอายุระดับกลางเข้ามาสู่ทีมเป็นหลัก นักเตะทั้งสี่คน (ฮาแลนด์-อัลวาเรซ-ฟิลลิปส์ และ คูคูเรลล่า) หากได้ตัวมาครบทั้งหมดจะมีเพียงฟิลลิปส์ที่อายุมากกว่า 25 ปี เพียงคนเดียว เมื่อรวมกับทีมที่มีอยู่ที่มีทั้ง อายุน้อย – อายุระหว่าง 23-28 และพวกแข้งรุ่นใหญ่ตั้งแต่ 29-32 ปี สัดส่วนทีมของพวกเขาค่อนข้างดีมาก และน่าจะเป็นแนวทางหลักของทีมกันไปอีกหลายปี เหมือนที่ เรอัล มาดริด, ลิเวอร์พูล และอีกหลายสโมสรเริ่มดำเนินนโยบายในลักษณะเดียวกันกับการลงทุนนักเตะอายุน้อย พัฒนามาเป็นซูเปอร์สตาร์ของทีม ภายใต้ทีมที่มีแกนหลักคอบประคองทีมกันไปแบบรุ่นสู่รุ่นเช่นนี้ อาจมีบ้างที่ต้องเสียนักเตะบางส่วนออกไปแบบไม่เต็มใจ และเต็มใจหากเมื่อถึงเวลาต้องแยกทาง แต่สุดท้ายระบบการทำทีมเช่นนี้ ตราบใดที่ทีมยังคงประสบความสำเร็จ โอกาสรั้งแกนหลักของทีมไว้ได้ยาวนานก็มีสูงขึ้น นักเตะทีมอื่นก็อยากจะย้ายมาร่วมงานด้วย เพราะทีมประสบความสำเร็จแทบทุกปี

Khaldoon Al Mubarak, Pep Guardiola
Manchester City v Aston Villa - Premier League / Robbie Jay Barratt - AMA/GettyImages

หากมองกันที่ศักยภาพของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ ยุคนี้พวกเขาเข้าสู่ปีที่ 15 แล้ว นับจากการเข้ามาของกลุ่มทุนจาก อาบูดาบี พวกเขาได้แชมป์พรีเมียร์ ลีก 6 ครั้ง เอฟเอ คัพ 2 ครั้ง และลีก คัพ อีก 6 ครั้ง คือตัวอย่างของอำนาจเงินสร้างความสำเร็จอย่างแท้จริงอีกหนึ่งสโมสร แต่มันจะมีแค่เงินคงไม่พอ แต่ต้องมาพร้อมทั้งทีมงานบริหาร และทีมในสนามทุกอย่างสนับสนุนกเกื้อหนุนกันจนวันนี้พวกเขาพร้อมชนกับทุกสโมสร

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในพรีเมียร์ ลีกฤดูกาลใหม่นี้ยังคงเป็นเต็งหนึ่งเทียบเคียงกับ ลิเวอร์พูล ที่จะยังคงเป็นคู่แข่งที่ร้ายกาจที่สุดสำหรับพวกเขาอย่างแน่นอน เช่นเดียวกับในเวทียุโรปที่พวกเขาขอเพียงอีกหนึ่งก้าว พวกเขาจะได้ชื่อว่า “แชมป์ยุโรป” สโมสรที่ 6 ของอังกฤษ และแน่นอนเพื่อการลุ้นแชมป์ในทุกรายการแบบที่ ลิเวอร์พูล เคยไปได้สุดทางมาแล้วในทุกรายการที่ลงเล่นในปีที่ผ่านมา แม้ว่าสุดท้ายมันจะไม่สมหวังในทุกเส้นทางก็ตาม

ยังปิดฤดูกาลไม่ทันไร อยากให้เปิดฤดูกาลใหม่กันอีกแล้ว!


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด