[FEATURE] เชราร์ อุลลิเยร์ ในความทรงจำ : เทรเบิลแชมป์บอลถ้วยก่อนความสำเร็จของ ลิเวอร์พูล ยุคโมเดิร์น

Liverpool`s French coach Gerard Houllier (C) and p
Liverpool`s French coach Gerard Houllier (C) and p / MARTYN HARRISON/Getty Images
facebooktwitterreddit

การรอคอยอันยาวนานเกือบทศวรรษที่ ลิเวอร์พูล ห่างหายจากความสำเร็จเป็นชิ้นเป็นอันช่วงทศวรรษที่ 90 การตกอยู่ภายใต้ร่มเงาความสำเร็จของอริตลอดกาลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นสิ่งที่เหล่า เดอะค็อป ต้องแบกรับเมื่อครั้งอดีต ก่อนที่ เชราร์ อุลลิเยร์ จะกลายเป็นผู้เข้ามาจุดแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์แห่ง แอนฟิลด์ ด้วย 3 โทรฟีฟุตบอลถ้วยอันได้แก่แชมป์ ลีกคัพ เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า คัพ ในฤดูกาล 2000/01

Gerard Houllier and Roy Evans
Gerard Houllier and Roy Evans / Clive Brunskill/Getty Images

เส้นทางของ อุลลิเยร์ กับ หงส์แดง เริ่มต้นอย่างแปลกประหลาดเมื่อเขาเข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมร่วมกับ รอย อีแวนส์ ในปี 1998 ผู้นำพา สไปซ์บอยส์ กลายเป็นสัญลักษณ์ของ เร้ดแมชีน ก่อนที่ อีแวนส์ จะบอกลาตำแหน่งดังกล่าวไม่ถึงครึ่งทางของซีซันนั้น

อุลลิเยร์ ค่อยๆ รื้อ สไปซ์บอยส์ ออกเป็นชิ้นๆ นำโดยการปล่อย สตีฟ แม็คมานามาน ออกจากทีมแบบไร้ค่าตัวก่อนจะสร้างทีมของตัวเองโดยการดึงแข้งใหม่ที่ในเวลาต่อมากลายเป็นคีย์แมนของ หงส์แดง อันได้แก่ ซามี ฮูเปีย, ดีทมาร์ ฮามันน์, สเตฟาน อองโชซ์, วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์, ซานเดอร์ เวสเตอร์เวลด์, มารํคัส บับเบิล, เอมิล เฮสกี้, แกรี แม็คอัลลิสเตอร์ และ คริสเตียน ซีเก้ เป็นต้น

Gerard Houllier poses for photographs af
Gerard Houllier poses for photographs af / PAUL BARKER/Getty Images

ลิเวอร์พูล ภายใต้การคุมทีมของ อุลลิเยร์ ค่อยๆ ลงตัวขึ้นในซีซัน 1999/00 อันเป็นฤดูกาลแบบเต็มตัวของนายใหญ่ชาว ฝรั่งเศส ที่ แอนฟิลด์ ก่อนจะพีคที่สุดในฤดูกาลถัดมา

เวสเตอร์เวลด์ ปักหลักเฝ้าเสาในกรอบเขตโทษ แผงแบ็คโฟร์ตัวจริงไล่เรียงจากขวาไปซ้ายได้แก่ บับเบิล, อองโชซ์, ฮูเปีย, คาร์ราเกอร์ แดนกลาง 4 ราย สตีเวน เจอร์ราร์ด, ฮามันน์, แม็คอัลลิสเตอร์ และ นิค บาร์มบี้ โดยมี ไมเคิล โอเวน จับคู่กับ เอมิล เฮสกี ขณะที่ตัวสอดแทรกของทีมในชุดดังกล่าวมีชื่อของแข้งอย่าง วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์, ร็อบบี้ ฟาวเลอร์, แดนนี เมอร์ฟี, คริสเตียน ซีเก้, แพทริค แบร์เกอร์ และ อิกอร์ บิสคาน เป็นต้น

Dietmar Hamann, Danny Sonner
Dietmar Hamann, Danny Sonner / Phil Cole/Getty Images

หงส์แดง เปิดหัวด้วยการซิวแชมป์ ลีกคัพ (ภายใต้ชื่อ เวอร์ธิงตันคัพ ในซีซันนั้น) ด้วยการดวลลูกจุดโทษเอาชนะ เบอร์มิงฉอม ซิตี้ ในนัดชิงชนะเลิศหลังเสมอกันในเวลา 1-1 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ 2001 ก่อนที่อีกเพียง 2 เดือนถัดมา บาร์เซโลนา ในยุคดังกล่าวซึ่งมีแข้งชื่อก้องอย่าง เป๊บ กวาร์ดิโอลา, เอ็มมานูเอล เปอตีต์, ริวัลโด้, มาร์ค โอเวอร์มาร์ส และ แพทริค ไคลเวิร์ต จะกลายเป็นเหยื่อรายต่อไปของพวกเขา

เร้ดแมชีน ต้องดวลกับพลพรรค อาซูลกรานา ในรอบรองชนะเลิศของศึก ยูฟ่า คัพ ที่ คัมป์นู ในเลกแรกซึ่งเหล่า เดอะค็อป ต้องลุ้นกันตัวโก่งกว่าที่พวกเขาจะคว้าผลเสมอแบบไร้สกอร์มาได้

Liverpool v Barcelona
Liverpool v Barcelona / Clive Brunskill/Getty Images

ความมหัศจรรย์เกิดขึ้นในเลก 2 ที่ แอนฟิลด์ เมื่อประตูโทนจากลูกจุดโทษของ แกรี แม็คอัลลิสเตอร์ พาทีมของ อุลลิเยร์ ล้ม เจ้าบุญทุ่ม กรุยทางสู่นัดชิงชนะเลิศฟุตบอลยุโรปเป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 2 ทศวรรษ

ให้หลังจากนั้นราว 1 เดือน หงส์แดง ก็สร้างปาฎิหาริย์ในศึก เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศด้วยการพลิกคว่ำ อาร์เซนอล 2-1 จากการเหมาทั้ง 2 ประตูของ ไมเคิล โอเวน ในช่วงท้ายเกมทั้งที่ตกเป็นฝ่ายตามหลังไปก่อน

Liverpool striker Michael Owen celebrates after sc
Liverpool striker Michael Owen celebrates after sc / GERRY PENNY/Getty Images

ช่วงเวลาฟินาเลเดินทางมาถึงในเดือนพฤษภาคมกับนัดชิงชนะเลิศศึก ยูฟ่า คัพ ที่ เร้ดแมชีน ดวลกับ อลาเบส โดยเกมใน 90 นาทีจบลงด้วยผลเสมอ 4-4 ชนิดที่ตัวแทนจาก พรีเมียร์ลีก เกือบเข้าป้ายคว้าแชมป์ไปครองตั้งแต่เวลาปกติแต่ถูกตีเสมอในช่วงท้ายเกม ก่อนที่ลูกฟรีคิกของ แม็คอัลลิสเตอร์ จะไปถูกหัวของนักเตะ อลาเบส โหม่งผิดเหลี่ยมทำเข้าประตูตัวเองในช่วงเวลาจวนเจียนจะครบ 120 นาทีอยู่รอมร่อ และกลายเป็นประตูตัดสินแชมป์ถ้วยเล็ก ยุโรป ในซีซันดังกล่าว

Liverpool v Alaves
Liverpool v Alaves / Clive Brunskill/Getty Images

ความสำเร็จดังกล่าวของ อุลลิเยร์ อาจเทียบไม่ได้กับความเกรียงไกรของ หงส์แดง ภายใต้การคุมทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ ในเวลานี้ ซึ่งแม้ในท้ายที่สุด อุลลิเยร์ อาจไม่สามารถพา ลิเวอร์พูล ไปได้ไกลกว่าเทรเบิลแชมป์ฟุตบอลถ้วยแต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของการปักหมุดหมายแห่งความหวังในการกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่ให้กับเหล่า เดอะค็อป หลังการรอคอยอย่างยาวนาน คอยฟูมฟักเหล่าดาวรุ่งอย่าง สตีเวน เจอร์ราร์ด และ เจมี คาร์ราเกอร์ ให้กลายเป็นตำนานของทีมในเวลาต่อมา ไม้ผลัดดังกล่าวถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่นชนิดที่หากขาดปัจจัยอย่างใดอย่างหนึ่งไปก็ไม่อาจทำให้พวกเขากลายเป็นอย่างทุกวันนี้


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด