การปราชัยสุดช็อกของ ลิเวอร์พูล ที่ส่งผลอย่างใหญ่หลวงกับโอกาสคว้าแชมป์ส่งท้าย เยอร์เก้น คล็อปป์ - FEATURE

  • ลิเวอร์พูล แพ้คาบ้านให้กับ คริสตัล พาเลซ
  • “หงส์แดง” ฟอร์มหลุดอย่างต่อเนื่อง
  • ทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ มีปัญหาทุกพื้นที่ของสนาม

Liverpool FC v Crystal Palace - Premier League
Liverpool FC v Crystal Palace - Premier League / Michael Steele/GettyImages
facebooktwitterreddit

ลิเวอร์พูล สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ ภายใต้การนำของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมัน ยังคงหาฟอร์มเก่งไม่เจอหลังเปิดรัง แอนฟิลด์ พ่ายให้กับ คริสตัล พาเลซ แบบสุดช็อก 0-1 ในเกมลีกเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ดูเหมือนว่า ในเกมนี้นักเตะ ลิเวอร์พูล ยังคงไม่ฟื้นจากการพ่ายแพ้ที่ แอนฟิลด์ ให้กับ อตาลันต้า 0-3 ในเกมยูโรปา ลีก เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยบรรดาแข้ง “หงส์แดง” ทุกคนทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน และกดดันตัวเองจนสร้างความผิดพลาดมากมาย

Tyrick Mitchell, Mohamed Salah
Liverpool FC v Crystal Palace - Premier League / Michael Steele/GettyImages

มองในภาพรวมมันน่าจะเป็นเกมที่คว้าชัยชนะแบบสบายๆสำหรับ ลิเวอร์พูล เนื่องจากสภาพทีมก็สมบูรณ์ และผู้เล่นตัวหลักที่บาดเจ็บไปก่อนหน้านี้อย่าง อลิสซอน เบ็คเกอร์, เทรนต์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ และ ดิโอโก โชต้า ก็ฟิตพร้อมลงสนามแล้วทั้งหมด

ขณะเดียวกัน หลังจบเกมกับ อตาลันต้า คล็อปป์ ให้สัมภาษณ์ว่า ลูกทีมของเขาจะทุ่มเทอย่างเต็มที่ในเกมกับ พาเลซ เพื่อคว้า 3 คะแนนให้ได้ โดยระบุว่า พลพรรค “หงส์แดง” รู้สึกโกรธ ผิดหวัง และพร้อมจะทุ่มเททุกอย่างเพื่อกลับสู่ชัยชนะอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม ในเกมกับ พาเลซ ลูกทีมของ คล็อปป์ กลับทำในสิ่งที่ตรงกันข้าม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเชื่องช้า เต็มไปด้วยความผิดพลาด ไม่มั่นใจ ร้อนรน และทิ้งขว้างโอกาสทำประตูไปมากมาย และถึงแม้จะเป็นฝ่ายครองเกมได้ตลอดครึ่งหลัง แต่พวกเขาก็ไม่สามารถสร้างประโยชน์ได้เลย  

ในซีซันนี้ ลิเวอร์พูล ทำประตูคู่แข่งได้มากมาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า 3 แนวรุกตัวหลักของพวกเขาอย่าง ดาร์วิน นูนเญซ, หลุยส์ ดิอาซ และ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ใช้โอกาสเปลืองมาก และในระยะหลังก็ประสานงานกันไม่ลงตัว

FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-CRYSTAL PALACE
FBL-ENG-PR-LIVERPOOL-CRYSTAL PALACE / PAUL ELLIS/GettyImages

มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจไม่น้อยสำหรับทีมที่ฟอร์มดีเมื่อไม่กี่สัปดาห์ก่อน แต่ตอนนี้พวกเขาต้องเผชิญกับการตัดสินใจว่า ใครควรเป็นตัวจริงในเกมต่อไปโดยพิจารณาจากฟอร์มการเล่นในสนาม เนื่องจากผู้เล่นในทีมชุดปัจจุบันพากันทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐาน  

บางทีอาจถึงเวลาของผู้เล่นอย่าง โคดี้ กักโป และ ฮาร์วีย์ เอลเลียตต์ ที่ต้องกลับมาเป็นตัวจริงบ้างเพื่อสร้างความสดใหม่ และเปลี่ยนมิติการเล่นของทีม ขณะที่แดนกลาง อเล็กซิส แม็ค อัลลิสเตอร์ และ วาตารุ เอ็นโด ก็ควรได้พักบ้างหลังจากเล่นติดกันมาหลายเกม

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่วัน ลิเวอร์พูล โยนความหวังที่จะคว้า 3 แชมป์เพื่อปิดฤดูกาลสุดท้ายของ คล็อปป์ ทิ้งไปเรียบร้อยแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 2 เกมหลังสุดที่พ่ายคา แอนฟิลด์ ให้กับทีมที่ไม่ได้แข็งแกร่งมากนักอย่าง อตาลันตา และ พาเลซ แบบไม่น่าเชื่อ  

ใน พรีเมียร์ลีก อีก 6 เกมสุดท้ายที่เหลือ แม้ ลิเวอร์พูล ยังคงตามทีมจ่าฝูงอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เพียง 2 แต้ม แต่เมื่อพิจารณาแล้วมีโอกาสสูงที่ “หงส์แดง” ไม่มีทางจะไล่ตามทีมของ “เรือใบสีฟ้า” ได้ทันแน่นอนกับฟอร์มการเล่น และความมั่นใจ รวมถึงศรัทธาจากแฟน ๆ ที่แทบจะหายวับไปหมดแล้ว ณ เวลานี้