ทำความรู้จัก แฮร์รี่ อามาสส์ ดาวรุ่งดวงใหม่มีชื่อสำรองให้ แมนยู สด ๆ ร้อน ๆ - FEATURE

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มุ่งหน้าสู่ศึกแดงเดือดโดยขาดแคลนผู้เล่นในแนวรับ และมีเซ็นเตอร์แบ็คที่ฟิตพอเพียง 2 คนเท่านั้น หลังจาก ราฟาเอล วาราน และ จอนนี่ อีแวนส์ เจ็บทั้งจากเกมพ่าย เชลซี ตามสมทบ วิคเตอร์ ลินเดเลิฟ และ ลิซานโดร มาร์ติเนซ

เอริค เทน ฮาก ยังขาดขาดฟูลแบ็คเช่นกัน โดยเหลือเพียง ดิโอโก้ ดาโลต์ และ อารอน วาน-บิสซาก้า เป็นสองแข้งซีเนียร์ที่เหลืออยู่ ภายหลัง ลุค ชอว์ และ ไทเรลล์ มาลาเซีย ต่างเจ็บยาว

ด้วยตัวเลือกที่จำกัด เทน ฮาก ไม่มีทางเลือกนอกจากดันเด็กจากอะคาเดมี่ขึ้นมาเป็นตัวเลือกให้กับชุดใหญ่ โดยก่อนหน้านี้เราได้เห็น ฮาบีบ โอกุนเนเย่ แบ็คขวา มีชื่อสำรองก่อนหน้านี้แล้ว แต่ล่าสุดเป็นคิวของ แฮร์รี่ อามาสส์ แบ็คซ้ายซึ่งเป็นลูกกรอกคะนองรายล่าสุดที่มีชื่อบนซุ้มสำรองของชุดใหญ่

นี่คือทุกสิ่งที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับ แฮร์รี่ อามาสส์...

• ชื่อ : แฮร์รี่ อามาสส์
• สัญชาติ : อังกฤษ
• วันเกิด : 16 มีนาคม 2007 (อายุ 17 ปี)
• เบอร์เสื้อ : 70
• สโมสรก่อนหน้านี้ : วัตฟอร์ด

แมนฯ ยูไนเต็ด ปาดหน้าหลายบสโมสรเมื่อพวกเขาเซ็นสัญญากับ อามาสส์ มาจาก วัตฟอร์ด เมื่อซัมเมอร์ที่แล้ว เขาเป็นส่วนสำคัญในทีมยู-18 ฤดูกาลนี้ แต่ไม่มีชื่อชุดที่บุกถล่ม ลิเวอร์พูล 9-1 เนื่องจากถูกใส่ชื่อสำรองให้ทีมชุดใหญ่

แบ็คซ้ายวัยรุ่นรายนี้ได้รับการยอมรับจากฟอร์มการเล่นในระดับทีมชาติชุดเยาวชน โดยผ่านการลงเล่นให้กับ ทีมชาติอังกฤษ ในระดับเยาวชนหลายชุด ปัจจุบันเป็นตัวหลักให้ ยู-17

ก่อนที่เขาจะเซ็นสัญญากับ "ปีศาจแดง" เขาถือเป็นหนึ่งในแข้งพรสวรรค์ที่น่าจับตาสุด ๆ จากระบบอะคาเดมี่ของ วัตฟอร์ด หลังเข้าร่วมสโมสรเมื่ออายุ 9 ขวบ และลงเล่นให้กับพวกเขาในทุกกลุ่มอายุจนถึงรุ่น ยู-23

อามาสส์ ถูกใส่ชื่ออยู่ในทีมชุดใหญ่ของ วัตฟอร์ด เมื่ออายุเพียง 15 ปีเท่านั้นในเดือนมกราคม 2023 และมีชื่ออยู่บนม้านั่งสำรองในเกมเอฟเอ คัพ รอบ 3 ที่พบกับ เร้ดดิ้ง

ที่จริง อามาสส์ ถูกเรียกตัวฝึกซ้อมกับชุดใหญ่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์แล้วก่อนที่จะอายุครบ 17 ปีด้วยซ้ำ หลังโชว์ฟอร์มโดดเด่นในทีมยู-18 ของทีม อดัม ลอว์เรนซ์ และได้เซ็นสัญญาอาชีพฉบับแรกกับสโมสรเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้เอง

คงไม่น่าแปลกใจเลยหาก อามาสส์ มีส่วนร่วมในแผนปรีซีซั่นของ แมนฯ ยูไนเต็ด ในช่วงซัมเมอร์นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงอาการเจ็บระยะยาวของ มาลาเซีย ซึ่งไม่ชัวร์ว่าจะหายเมื่อไหร่