ย้อนรอยแชมป์ ยูโรปา ลีก 2010 ถ้วยเมเจอร์ของยุโรปใบเดียวที่ กุน อเกวโร เคยได้สัมผัส - FEATURE
สืบเนื่องจากอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ ปกติส่งผลให้อดีตตำนานของ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ อย่าง เซร์คิโอ อเกวโร ที่ปัจจุบันค้าแข้งอยู่กับ บาร์เซโลนา ไม่สามารถลงสนามช่วยทีมได้ตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา จนมีข่าวว่าจากความผิดปกติดังกล่าวจะทำให้เขาไม่สามารถกลับมาเล่นฟุตบอลได้อีกต่อไป และเตรียมจะประกาศแขวนสตั๊ดในเร็ววันนี้
ก็ต้องบอกว่าเป็นเรื่องที่น่าเสียดายเพราะ กุน เองก็ถือเป็นนักเตะระดับหัวแถวของวงการโดยเฉพาะช่วงที่ยังค้าแข้งอยู่กับ เรือใบสีฟ้า แต่อย่างทุกคนทราบกันดีว่าในอดีตที่ผ่านมาแม้จะยิงประตูได้ถล่มทลายแต่เจ้าตัวก็แทบไม่เคยได้สัมผัสกับแชมป์ในระดับสโมสรยุโรปเลย จะมีก็แต่สมัยที่ค้าแข้งอยู่กับ แอตเลติโก มาดริด ที่เคยผงาดคว้าถ้วย ยูฟ่า ยูโรปา ลีก มาครองได้ซึ่งนั่นคือแชมป์สโมสรเมเจอร์ระดับทวีปรายการเดียวที่เขาทำได้มาจนถึงปัจจุบัน
วันนี้เราจึงอยากพาทุกท่านจะย้อนวันวานไปยังฤดูกาล 2009/10 ปีที่ "เอล กุน" ประสบความสำเร็จในฟุตบอลรายการยุโรปมากที่สุดในอาชีพการค้าแข้ง กับการพา ตราหมี คว้าแชมป์ถ้วยรองของทวีปมาครองได้สำเร็จ
นับตั้งแต่ย้ายมาเมื่อปี 2006 เซร์คิโอ อเกวโร ก็กลายเป็นกองหน้าขวัญใจของแฟนบอล แอตเลติโก มาดริด แทนที่การจากไปของ เฟร์นันโด ตอร์เรส ในปี 2007 ที่ผ่านมา ซึ่งผลงานของ กุน ก็ต้องบอกว่าดีอย่างสม่ำเสมอ แม้จะยังไม่สามารถพา ทัพตราหมี เอื้อมถึงคำว่าแชมป์เลย จนกระทั่ง...
ฤดูกาล 2009/10 ภายใต้การคุมทีมของ กิเก้ ซานเชซ ฟลอเรส ที่พวกเขาสามารถผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มในรายการ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ได้สำเร็จ แต่กลับทำผลงานได้อย่างย่ำแย่ไม่ชนะใครเลยมี 3 คะแนนจากการเสมอ 3 นัดส่งผลให้ เชลซี และ ปอร์โต้ เพื่อนร่วมกลุ่มเข้ารอบต่อไปแต่พวกเขาต้องหล่นลงไปเล่นในรายการ ยูโรปาลีก จากการรั้งอันดับที่สามของกลุ่มนั่นเอง
ซึ่งรอบ 32 ทีมสุดท้าย พวกเขาสามารถผ่าน กาลาตาซาราย มาได้อย่างด้วยสกอร์รวม 3-2 ก่อนจะไปพบกับ สปอร์ติง ลิสบอน ซึ่งผลออกมาเสมอกันทั้งสองเกม แต่จากสองประตูในเกมเยือนของ กุน ทำให้ ทัพตราหมี ได้อเวย์โกลและเบียดเข้าสู่รอบ 8 ทีมสุดท้ายต่อไปได้อย่างหวุดหวิด ไปพบกับ บาเลนเซีย ที่ก็อีกเช่นเคยเกมจบด้วยการเสมอทั้งไปและกลับแต่ แอตฯ มาดริด ตุนอเวย์โกลเอาไว้ได้มากกว่าจึงทะลุเข้าสู่รอบรองชนะเลิศต่อไป
ซึ่งคู่แข่งในรอบ 4 ทีมสุดท้ายของพวกเขาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ลิเวอร์พูล ของ ราฟา เบนิเตซ นั่นเองแต่โชคดี ณ เวลานั้นหัวหอกตัวเก่งอย่าง เฟร์นันโด ตอร์เรส ไม่สามารถลงสนามได้เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บ โดยเกมแรกที่ บิเซนเต้ กัลเดรอน ตราหมี เอาชนะไปได้ 1-0 กระทั่งการออกไปเยือน แอนฟิลด์ อัลแบร์โต้ อควินลานี ยิงประตูชัยในช่วงท้ายครึ่งแรกทำให้ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปและ ยอสซี เบนนายูน มายิงนำห่าง 2-0 ตั้งแต่นาทีที่ 95 แต่แล้ว ดิเอโก้ ฟอร์ลัน ก็มายิงไล่มาเป็น 2-1 ก่อนจบ 120 นาที แอตฯ มาดริด จะผ่านเข้ารอบด้วยกฏประตูทีมเยือนอีกครั้งและไปพบกับ ฟูแลม ของ รอย ฮอจ์ดสัน ที่ทะลุมาถึงรอบชิงด้วยดีกรีการเป็นม้ามึดในปีนั้น
ด้านขุมกำลังของ ตราหมี ในซีซั่นนั้นต้องบอกว่าไม่ธรรมดาแทบทุกต่ำแหน่ง
ผู้รักษาประตู - ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ดาบิด เด เคอา ที่ตอนนั้นอายุเพียง 18 ปีแต่สามารถเบียดแย่งตำแหน่งกับ เซร์คิโอ อเซนโฆ ได้อย่างคู่คีสูสี
กองหลัง - ใช้เซ็นเตอร์อย่าง โทมัส อูฟาลูซี จับคู่กับ อัลบาโร โดมิงเกวซ สลับกับ หลุยส์ เปเรีย และ ฆวนนิโต้ แบ็คขวามี ฮวน วาเลรา และ จอนนี ไฮติงก้า ส่วนด้านซ้ายเป็น อันโตนิโอ โลเปซ ยืนหนึ่งเป็นตัวหลักของทีมในปีนั้น
กองกลาง - สองตัวกลางจะใช้งาน ราอูล การ์เซีย ติอาโก้ เมนเดส อิเนซิโอ กามาโช เปาโล อาซุนเซา และ เคลแบร์ ซานตานา สลับกันไป โดยมีปีกสองข้างอย่าง โฆเซ ฆูราโด้ มักซี โรดริเกวซ ซิเมา ซาโบรซา และ โฆเซ เรเยส เป็นตัวทำเกม
กองหน้า - คู่หู กุน อเกวโร จับคู่กับ ดิเอโก้ ฟอร์ลัน และมี บราฮิม บัลเด้ และ ฟลอรอง ซินามา ปองโกลล์ เป็นอะใหล่
โดยรูปเกมในวันนั้น ฟูแลม สู้ได้อย่างสูสี แม้ ฟอร์ลัน จะเปลี่ยนทางลูกยิงของ กุน ให้ ตราหมี ขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 32 แต่ 5 นาทีต่อจากนั้น ไซมอน เดวีย์ส ก็มายิงตีเสมอได้สำเร็จ จนจบ 90 นาทีเสมอกัน 1-1 ต้องต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที ซึ่งเกมทำท่าจะต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษแต่แล้ว นาทีที่ 116 กุน จัดการเปิดบอลทางกราบซ้ายมาให้ ฟอร์ลัน ชาร์จจ่อ ๆ ไปแฉลบกองหลังเปลี่ยนทางเข้าประตูไป ส่งผลให้ แอตเลติโก มาดริด ผงาดคว้าแชมป์ ยูโรปา ลีก มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่ซึ่งนั่นนับเป็นสมัยแรกของพวกเขาในการคว้าแชมป์รายการนี้เลยก็ว่าได้
ทางด้านของ กุน หลังจากนั้นหนึ่งปีเจ้าตัวก็ย้ายไปอยู่กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ช่วงซัมเมอร์ปี 2011 ก่อนจะสร้างประวัติศาสตร์พา เรือใบสีฟ้า ขึ้นมาผงาดเป็นหัวแถวของวงการพร้อมด้วยผลงานส่วนตัวอันยอดเยี่ยมจนกลายมาเป็นนักเตะต่างชาติที่ยิงประตูได้มากที่สุดใน พรีเมียร์ลีก
แต่อย่างไรก็ตามผลงานในฟุตบอล ยุโรป เจ้าตัวทำได้ดีที่สุดเพียงแค่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในปีสุดท้ายของการค้าแข้งที่อังกฤษแต่ก็พ่ายให้กับ เชลซี เมื่อกลางปี 2021 ที่ผ่านมา จึงทำให้แชมป์ ยูโรปา ลีก กับ แอตฯ มาดริด เมื่อปี 2010 ดูเหมือนกลายเป็น "ครั้งแรก" "ครั้งเดียว" และ "ครั้งสุดท้าย" ของ เอล กุน ที่จะมีโอกาสได้เชยชมโทรฟีระดับสโมสรยุโรปหากข่าวลือเรื่องการแขวนสตั๊ดที่รู้ทั้งรู้แต่ก็ไม่มีใครอยากให้เกิด ดันเป็นความความจริงมาในที่สุด...
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น!*ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด