งานนี้ เชลซี ไม่ง่าย... เปิดเงื่อนไขลับที่ทำให้ บาเยิร์น ยังเป็นเจ้าของ นาเกิลส์มันน์ แม้สั่งเด้งแล้ว - FEATURE
ในหลายๆ ตัวเลือกกุนซือใหม่ เชลซี ที่ถูกเชื่อมโยงในหน้าสื่อตลอด 2-3 วันหลัง ว่ากันว่า ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ นำโด่งมาเหนือใคร และหลายๆ แฟนตราสิงห์ก็อยากเห็นโค้ชหนุ่มเลือดเบียร์เข้ามาปลุกปั้นทีมสายเลือดใหม่ชุดนี้ มากกว่าตัวเลือกอื่นอย่าง ซีเนอดีน ซีดาน (ไม่พูดอังกฤษ), หลุยส์ เอ็นริเก้ (ล้มเหลวกับสเปน) หรือ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ (ที่รักของสเปอร์ส)
กระนั้น ท่านว่างานนี้ "ไม่ง่าย" อย่างที่ใครคิด เมื่อปรากฏว่า บาเยิร์น มิวนิค ยังเป็นเจ้าข้าวเจ้าของในตัว นาเกิลส์มันน์ อยู่เลย...แม้สั่งเด้งไปเรียบร้อยแล้วก็ตาม
ลองไปดูกันชัดๆ ว่ามันคืออะไร และ เชลซี จะต้องทำตัวอย่างไรต่อไป
"วันเดอร์คิด" แห่งโลกกุนซือ
เพราะถ้าคุณเก่งพอ คุณก็แก่พอ -- ในโลกแห่งกุนซือ ไม่ได้มีกำหนดอายุไว้ว่าคุณต้องอายุเกินเท่านี้ๆ ถึงจะทำทีมได้ มาตรฐานที่ต้องการก็มีแค่การต้องสอบใบอนุุญาตให้ผ่านในทุกระดับ
และ ยูเลียน นาเกิลส์มันน์ เริ่มต้นจับงานกุนซือกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ตอนอายุ 28 เท่านั้น!
ที่จริง นาเกิลส์มันน์ ก็มีฝันในการเป็นนักเตะอาชีพ และประสบความสำเร็จบนเส้นทางสายนี้ เช่นเดียวกับเด็กคนอื่นๆ โดยหลังจากเข้าอะคาเดมี่ 1860 มิวนิค ในตอนเด็กๆ แล้ว ก็เทิร์นโปรสู่ทีมสำรองของทัพสิงโตมิวนิคในเวลาต่อมา รวมถึงได้ย้ายสู่ เอาก์สบวร์ก ยุคที่มี โธมัส ทูเคิ่ล ทำทีมในซีซั่น 2007/08 ด้วย
เพียงแต่อุปสรรคสำคัญที่ขัดขวาง นาเกิลส์มันน์ ก็คือปัญหาบาดเจ็บรุนแรงที่หัวเข่าเป็นครั้งที่ 2 นั่นนำมาซึ่งการยกธงขาวยอมรับความพ่ายแพ้ บอกลาอาชีพพ่อค้าแข้งตั้งแต่อายุ 20
แต่แม้เส้นทางการเป็นนักเตะจะไม่รุ่ง หนุ่มน้อยยูเลียนก็ยังรักฟุตบอลมากพอจะเดินต่อในแวดวงนี้ ด้วยการเป็น "โค้ช" เริ่มต้นที่งานแมวมองของ เอาก์สบวร์ก และกลับไปเป็นโค้ชเยาวชนให้กับ 1860 มิวนิค ตามด้วยกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ ที่เขาได้ทดลองทำทีมเด็กหลายๆ ชุดให้กับที่นั่น
จนเมื่อประสบความสำเร็จพอท้วมๆ พา ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยู-19 ครองแชมป์บุนเดสลีการุ่นเล็กในซีซั่น 2013/14 ประตูสู่การเป็นกุนซือทีมชุดใหญ่ก็เปิดกว้างให้โค้ชหนุ่มเจ้าของนิคเนม "มินิ-มูรินโญ่" ได้เริ่มต้นงานใหญ่ชิ้นแรกในซีซั่น 2016/17
ด้วยวัย 28 ณ ตอนนั้น นาเกิลส์มันน์ จึงกลายเป็นกุนซือประวัติศาสตร์ อายุน้อยที่สุดตลอดกาลของ บุนเดสลีกา ไปทันที
และไม่มีการหันหลังกลับ ไม่มีเบรคสะบัดคลัชเสียเกียร์หลุดเหมือนโค้ชหนุ่มรายอื่น (เช่น อันเดร วิลลาช-โบอาช ที่ได้คุม เชลซี ตอนอายุแค่ 33-34 แต่ช่วงหลังก็ว่างงานมาพักใหญ่แล้ว) ภายหลังทำผลงานได้ดีกับ ฮอฟเฟ่นไฮม์ แล้วก็ขยับไปสู่งานที่ใหญ่กว่ากับ แอร์เบ ไลป์ซิก จนกระทั่งได้งานใหญ่สุดในฟุตบอลเยอรมันอย่างการคุม บาเยิร์น มิวนิค
ช่วงกลางปี 2021 บาเยิร์น ซึ่งเจอสุญญากาศเมื่อ ฮันซี่ ฟลิค ผละไปรับงานคุมทีมชาติเยอรมนี ก็ได้หันหาโค้ชไฟแรงอย่าง นาเกิลส์มันน์ ด้วยการทุ่มทุนจ่ายค่าฉีกสัญญาเป็นสถิติโลก 25 ล้านยูโร ออกจาก แอร์เบ ไลป์ซิก
จากจุดเริ่มต้นของงานที่ ฮอฟเฟ่นไฮม์ เจ้าตัวเองก็คงไม่คิดเหมือนกันว่าแค่สี่ซ้าห้าปีให้หลัง เขาจะกลายมาเป็นบอสให้กับทีมเบอร์ 1 ของประเทศอย่าง บาเยิร์น มิวนิค
จุดจบที่มาเร็วเกินคาด
ก็แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้ บาเยิร์น มิวนิค จะดีกว่าใครในประเทศ แต่ก็ไม่ใช่งานง่ายแบบจะสามารถทำไปผิวปากไป เพื่อให้ทีมรักษาระดับครองความสำเร็จเอาไว้ได้แบบปีต่อปี
สำคัญคือ นาเกิลส์มันน์ ต้องเจอกับช่วงเวลา "เปลี่ยนผ่าน" ครั้งสำคัญของขุมกำลังนักเตะเสือใต้ พอดี
ซัมเมอร์ 2021 ดาวิด อลาบา, เยอโรม บัวเต็ง, ฆาบี มาร์ติเนซ ย้ายออก ซึ่งก็ยังไม่หนักหนาสาหัสเท่ากับซัมเมอร์ 2022 ที่เสียโคตรมหากาฬดาวยิงอย่าง โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ ไปเสียเฉยๆ
นี่คือปัญหาที่กุนซือวัย 35 ต้องรับมือ...และอันที่จริงก็ถือว่าทำได้ "ไม่เลว" แต่ประการใด
ซีซั่นแรก 2021/22 ครองแชมป์บุนเดสลีกา แบบทิ้งห่าง ดอร์ทมุนด์ 8 แต้ม ส่วนข้อเสียคือตกรอบบอลถ้วยเร็วไปหน่อย ทั้งรอบ 2 เดเอฟเบ โพคาล และรอบ 8 ทีม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก (แพ้ บียาร์เรอัล)
ซีซั่นสอง 2022/23 วี่แววของการป้องกันแชมป์ลีกก็ยังไม่ได้หายไปไหน แค่ว่าแพ้ 3 นัดจาก 25 เกม ส่วนในบอลถ้วย ที่จริงก็ยังอยู่บนเส้นทางคว้าแชมป์ ทั้ง 8 ทีม เดเอฟเบ โพคาล ที่จะพบ ไฟรบวร์ก และ 8 ทีม ชปล. ที่จะเจอ แมนฯ ซิตี้ (ภายหลังชนะ เปแอสเช ทั้งเหย้าเยือน)
จากบรรทัดข้างต้น ควรตีความได้ว่าคือ "ผลงานดี" ไม่ได้มีอะไรที่แย่เลย
แต่ที่สุดแล้ว บาเยิร์น กลับเลือกจะปลด นาเกิลส์มันน์ ออกเสีย ภายหลังเกมแพ้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น 1-2 (19 มี.ค.)
ด้วยเสียงกระซิบนินทากันว่า แค่เพราะตัวเลือกอย่าง โธมัส ทูเคิ่ล น่าสนใจกว่า และควรรีบดึงมาทำทีมเสียตั้งแต่ตอนนี้ ก่อนจะตกไปเป็นสมบัติของใคร เท่านั้น
ใครอยากได้ ต้องขอไฟเขียวจาก บาเยิร์น
มาถึงประเด็นที่ เชลซี ถูกเชื่อมโยงกับ นาเกิลส์มันน์ โดยที่คนข่าวแถวหน้าอย่าง ฟาบริซิโอ โรมาโน่ ทวีตรัวๆ ว่าโค้ชวัย 35 คือ "ตัวเลือกแรกสุด" ของทีมตราสิงห์ที่จะนำตัวมาแทน เกรแฮม พ็อตเตอร์ และเริ่มมีการเจรจาทาบทามเบื้องต้นไปบ้างแล้ว
แต่ดูเหมือนว่า งานนี้จะไม่ง่ายอย่างที่คิด
เพราะหากเป็นกับลีกอื่น ทีมอื่น ปลดโค้ชแล้วก็จบกัน แยกย้ายไปทำมาหากินตามทาง แต่ไม่ใช่กับที่ บาเยิร์น (ซึ่งมีลักษณะคล้ายลีกอิตาลี) ว่าแม้จะปลดออกจากตำแหน่งแล้วก็จริง แต่โดยหลักการแล้วก็คือ "แขวนไว้" เพียงเท่านั้น
ด้วยสัญญาที่ทำกันไว้ยาวเหยียดยันปี 2026 ทำให้ บาเยิร์น มี 2 ทางเลือกคือ
1) จ่ายชดเชยก้อนเดียว 30 ล้านยูโร
หรือ 2) จ่ายเงินเดือนไปเรื่อยๆ ตามระยะสัญญา
ซึ่งด้วยสภาพเศรษฐกิจยุคหลังโควิด และการที่ยังมีเรื่อง ไฟแนนเชียล แฟร์เพลย์ มาเป็นปัจจัย เรื่องอะไรล่ะที่ บาเยิร์น จะยอมทุ่มเงินก้อนเป็นค่าชดเชย
ยังมีการเปิดเผยจาก คาเวห์ โซเลโคล แห่ง สกาย สปอร์ตส์ ว่า ทีมใดก็ตามที่ต้องการตัว นาเกิลส์มันน์ ก็ต้องขอ "บัตรผ่าน" จาก บาเยิร์น มิวนิค เสียก่อนด้วย
นั่นเพราะในสัญญามีระบุไว้ว่า นาเกิลส์มันน์ จะยังไม่ได้รับอิสระจาก บาเยิร์น ในการเลือกงานใหม่ จนกว่าจะถึงซัมเมอร์ 2023 และสโมสรใดก็ตามที่ต้องการตัวโค้ชหนุ่มวัย 35 อย่างเร่งด่วนในระหว่างซีซั่นนี้ ต้องเปิดการเจรจากับ บาเยิร์น ก่อนเท่านั้น
"ข้อมูลที่เราได้มาจาก สกาย เยอรมัน คือ ณ ตอนนี้ยังคงไม่มีการติดต่อกันระหว่าง เชลซี กับทาง นาเกิลส์มันน์ หรือตัวแทนของเขา" โซเลโคล ระบุ "อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญคือ เชลซี จะต้องเจรจาตกลงกับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วย ถ้าพวกเขาต้องการโค้ชรายนี้"
"มันยังคงมีเงื่อนไขในสัญญา ว่า บาเยิร์น มิวนิค จะต้องตอบตกลงเสียก่อนเพื่อให้ นาเกิลส์มันน์ ย้ายไปสู่สโมสรอื่น ก่อนช่วงซัมเมอร์"
และสิ่งที่ เชลซี ต้องเจรจา ก็หนีไม่พ้นเรื่อง "ค่าชดเชย" สัญญาที่ยังเหลือจนถึงปี 2026 นั่นเอง ว่าทีมสิงห์น้ำเงินจะยินยอมจ่ายเงินก้อนเพื่อให้ นาเกิลส์มันน์ เป็นอิสระ ณ ตอนนี้เลยไหม
นอกจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว ในแง่ของฟุตบอล ก็ยังมีสิทธิ์ที่ บาเยิร์น จะปฏิเสธความพยายามจาก เชลซี เช่นกัน เนื่องมาจากเส้นทางในรอบน็อกเอาต์ แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่ปรากฏว่า บาเยิร์น จะได้ปะทะกับ เชลซี โดยตรงในรอบตัดเชือก ตามที่มีการจับสลากไว้แล้ว -- หากว่าทั้งสองสามารถผ่านคู่แข่งของตัวเองได้ในรอบ 8 ทีม (บาเยิร์น-ซิตี้ / เชลซี-มาดริด)
เพราะมันคงแปลกๆ แปร่งๆ ทำหน้าทำอารมณ์ไม่ถูกเหมือนกัน หากคู่นี้ได้เจอกันในรอบตัดเชือกขึ้นมาจริงๆ
แล้วกุนซือของ บาเยิร์น คือ ทูเคิ่ล ที่เมื่อต้นซีซั่นทำงานอยู่กับ เชลซี
ส่วนกุนซือของ เชลซี คือ นาเกิลส์มันน์ ที่เพิ่งโดนปลดจาก บาเยิร์น นี่เอง
เชลซี อาจรอถึงซีซั่นหน้า
"ผมมองว่า บาเยิร์น ฉลาดและรัดกุมมากกับการปกป้องสมบัติของพวกเขา" นักข่าวสกายว่าต่อ "แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้ต้องการให้ นาเกิลส์มันน์ ไปยัง เชลซี แล้วเปิดปากเผยเคล็ดลับข้อมูลวงในของ บาเยิร์น ทุกอย่าง ให้คู่แข่งรู้แบบหมดจด"
"ดังนั้นมันจึงเป็นอุปสรรคของเชลซี แม้ผมจะมองเช่นกันว่า มันก็ไม่ใช่อุปสรรคที่ยากเกินกว่าจะก้าวข้ามได้"
"ถ้า เชลซี ต้องการตัวเขาจริง ก็ต้องเริ่มต้นด้วยการติดต่อไปยังตัวแทน จากนั้นก็ติดต่อกับตัว ยูเลียน เพื่อเจรจาตกลง รวมถึงพวกเขาก็ต้องเจรจากับ บาเยิร์น มิวนิค ด้วยเป็นลำดับถัดไป"
ซึ่งเมื่อออกรูปนี้ จึงมีความเป็นไปได้ที่ระหว่าง เชลซี กับ นาเกิลส์มันน์ จะมาบรรจบกันอย่างเร็วที่สุุด...ก็ในซีซั่นหน้า
ข้อสรุปนี้ สอดคล้องกับกระแสข่าวล่าสุดจากหลายแหล่งเหมือนกันว่า เชลซี ก็คงไม่รีบร้อนที่จะหากุนซือใหม่ให้เข้ามาสานต่องานของ พ็อตเตอร์ โดยจะใช้เวลาคัดสรรเฟ้นหาผู้มาใหม่อย่างละเอียดรอบคอบเสียก่อน ถึงจะตัดสินใจลงมือ--ที่จะสำคัญมากต่ออนาคตของสโมสร
เพราะฉะนั้นแล้ว กับช่วงที่เหลือสำหรับการตัดสินชะตากรรมของซีซั่นนี้
ก็ขอให้โชคดีกับโค้ชมือใหม่แกะกล่อง ประสบการณ์ทำทีมเป็น 0 อย่าง บรูโน่ ซัลตอร์...!!!