ศึกชิงโล่ แมนฯ ซิตี้ v อาร์เซน่อล : กำแพงตระหง่านสีฟ้า และ "อาถรรพ์" คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ยังมีอยู่ไหม? - FEATURE
• อาร์เซน่อล อยู่ในความท้าทายครั้งใหญ่ต่อการพยายามสยบ แมนฯ ซิตี้
• ว่าแต่เรื่อง "อาถรรพ์" คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ล่ะ ยังมีอยู่ไหม?
เพียงวันอาทิตย์ 6 ส.ค. นี้แล้ว ที่เกมอันเป็นเสมือน "ออเดิร์ฟ" เสิร์ฟมาก่อนจานหลัก อย่าง คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2023 จะได้ฤกษ์ลงสนาม ระหว่างเก่งใหญ่ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เจ้าของแชมป์ พรีเมียร์ลีก ซีซั่นก่อน (ถูกต้อง, สามารถใช้คำว่า "ซีซั่นที่แล้ว" ได้แล้วในตอนนี้) กับเก่งเล็ก อาร์เซน่อล ที่ได้สิทธิ์มาเล่นถ้วยนี้ในฐานะรองแชมป์ลีก เมื่อ เอฟเอ คัพ ก็เป็นทัพเรือเจ้าเก่านั่นเองที่คว้าไป
นอกเหนือจากเรื่องสภาพความพร้อม ลองไปสำรวจตรวจตราดูจุดอื่นๆ ที่น่าสนใจของ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับทั้ง 2 ฝั่งกันหน่อย เป็นการอุ่นเครื่องก่อนเกมสำคัญนัดนี้จะมาถึง
คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2023
เป็นอีกหนึ่งรายการสุดจะเก่าแก่เข้มขลังของฟุตบอลอังกฤษ เริ่มต้นสาดแข้งกันมาตั้งแต่ปี 1908 หรือ 115 ปีมาแล้ว
เกมวันอาทิตย์นี้ จะเป็นเวอร์ชั่นที่ 101 ของ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ซึ่งที่ผ่านมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นเจ้าแห่งรายการนี้ ได้แชมป์ไปครอง 21 ครั้งจากการมาเตะ 30 หน แล้วจึงตามมาด้วย ลิเวอร์พูล กับ อาร์เซน่อล ที่ได้ไป 16 สมัยเท่ากัน
ด้าน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แม้จะยกระดับตัวเองไปเป็นมหาอำนาจผู้ไร้เทียมทานของ พรีเมียร์ลีก ในหลายปีหลัง แต่ก็เคยได้แชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ แค่ 6 ครั้งเท่านั้น จากการมาเซิ้งแข้ง 14 หนด้วยกัน
สำหรับ แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล เคยเจอกันมาใน คอมมิวนิตี้ ชิลด์ 2 ครั้ง เริ่มที่ยุคโบราณ ในชื่อ แชริตี้ ชิลด์ ปี 1934 และย้อนไปไม่นานนี้ คอมมิวฯ ปี 2014
น่าสนใจว่า อาร์เซน่อล ถล่มชนะขาดลอยทั้งสองหน ด้วยสกอร์ 4-0 กับ 3-0 ตามลำดับ โดยที่ มิเกล อาร์เตต้า เป็นกัปตันทีมปืนใหญ่ในแชมป์ครั้งหลังสุดนี้ด้วย
กำแพงสีฟ้าที่ อาร์เซน่อล ก้าวข้ามไม่พ้น
ไม่ต้องพูดย้ำถึงการช่วงชิงแชมป์ซีซั่นก่อนให้ช้ำใจแฟนๆ ปืนใหญ่ ก็ได้ แต่ข้อเท็จจริงที่ อาร์เซน่อล เลี่ยงไม่พ้น ก็คือตลอดหลายปีหลัง พวกเขาโดน แมนฯ ซิตี้ "ตบทิ่ม" ตลอดในแทบทุกการพบกัน ทุกครั้ง ทุกสถานที่
- 2017/18 : แมนฯ ซิตี้ 3-1 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 3-0 (ลีกคัพ), แมนฯ ซิตี้ 3-0 (พรีเมียร์ลีก)
2018/19 : แมนฯ ซิตี้ 2-0 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 3-1 (พรีเมียร์ลีก)
2019/20 : แมนฯ ซิตี้ 3-0 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 3-0 (พรีเมียร์ลีก), อาร์เซน่อล 2-0 (เอฟเอ คัพ)
2020/21 : แมนฯ ซิตี้ 1-0 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 4-1 (ลีกคัพ), แมนฯ ซิตี้ 1-0 (พรีเมียร์ลีก)
2021/22 : แมนฯ ซิตี้ 5-0 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 2-1 (พรีเมียร์ลีก)
2022/23 : แมนฯ ซิตี้ 1-0 (เอฟเอ คัพ), แมนฯ ซิตี้ 3-1 (พรีเมียร์ลีก), แมนฯ ซิตี้ 4-1 (พรีเมียร์ลีก)
16 แมตช์หลังสุดที่พบกันในทุกรายการ ไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่จะลงเอยด้วยผลเสมอ
ประเด็นก็คือ อาร์เซน่อล ชนะได้เพียง 1 ครั้งถ้วน ส่วน แมนฯ ซิตี้ ฟาดเรียบ 15 จาก 16 ครั้ง
หนเดียวจาก 16 เกมหลังสุด คือ เอฟเอ คัพ 2019/20 รอบตัดเชือก ปิแอร์-เอเมริก โอบาเมย็อง เหมาสองสยบเรือ 2-0 ผ่านเข้าชิงและคว้าแชมป์ได้ในท้ายที่สุด (2-1 เชลซี)
ส่วนใน พรีเมียร์ลีก ครั้งสุดท้ายที่ อาร์เซน่อล จมเรือลงได้ ต้องย้อนไปไกลถึง 2015/16 ที่ทีมยุค อาร์แซน เวนเกอร์ เปิด เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม เบียดกำชัย 2-1 ธีโอ วัลค็อตต์ กับ โอลิวิเยร์ ชิรูด์ ซัดคนละเม็ด
สำหรับ "ลูกศิษย์" อย่าง มิเกล อาร์เตต้า นับตั้งแต่เข้านั่งเก้าอี้คุมปืนแทน อูไน เอเมรี่ แล้ว ก็เคยได้นำทีมลงชน "อาจารย์" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ทั้งหมด 9 ครั้ง
ชัยชนะครั้งเดียวก็คือ เอฟเอ คัพ 2019/20 อย่างที่ว่า นอกนั้น เป๊ป มาวินถึง 8 ครั้ง -- หนล่าสุดซีซั่นก่อน 6 แต้มเต็มๆ ที่เรือได้จากปืน ก็คือปัจจัยสำคัญ
ยิ่งของการตัดสินแชมป์
เพราะฉะนั้น ก็ชัดเจนมากว่า แมนฯ ซิตี้ คือ "ของแสลง" ที่ อาร์เซน่อล ต้องขมคอทุกครั้งยามที่เผชิญหน้า
เช่นกัน คอมมิวนิตี้ ชิลด์ วันอาทิตย์นี้ อาร์เซน่อล ก็จะลงสนามไปพร้อมกับความเป็น "มวยรอง" เหมือนเคย -- ถ้าจะมีอะไรที่พอเหนือกว่าบ้าง ก็อาจเป็นเรื่องของความฟิต ที่พวกเขาผ่านเกมปรีซีซั่นมาแล้ว 5 นัด ส่วน แมนฯ ซิตี้ เตะไปแค่ 3 เกมเท่านั้น แข้งเรือบางรายยังไม่ได้ลงเคาะสนิมเลยด้วยซ้ำ
อาถรรพ์แห่ง คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ยังมีอยู่ไหม?
ปิดท้ายที่เรื่องของ "อาถรรพ์" ซึ่งเคยเป็นที่โจษจันสำหรับรายการ แชริตี้ ชิลด์ / คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ว่าทีมใดก็ตามที่ครองแชมป์นี้ จะไปไม่ถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก สำหรับซีซั่นใหม่
แม้เอาเข้าจริง สัดส่วนของความ "บังเอิญ" (เมื่อแชมป์ลีกก็มีได้แค่ทีมเดียวในแต่ละปี) จะมากกว่าเรื่องของสิ่งลี้ลับ
แต่ก็เป็นเรื่องจริงอยู่เหมือนกันที่ เจ้าของแชมป์โล่การกุศล ฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการจนขึ้นบัลลังก์แชมป์ได้เป็นผลสำเร็จ ในซีซั่นเดียวกันนั้น
พบว่า 22-23 ปีที่ผ่านมา มีเพียง 6 ครั้งเท่านั้นที่ "แชมป์คอมมิวฯ กับแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นทีมเดียวกัน" เกิดขึ้น -- เชลซี 2005/06, แมนฯ ยูไนเต็ด 2007/08, แมนฯ ยูไนเต็ด 2008/09, เชลซี 2009/10, แมนฯ ยูไนเต็ด 2010/11 และ แมนฯ ซิตี้ 2018/19
นั่นเท่ากับว่า ในระยะ 10 ปีหลังสุด ก็มีเพียง "หนึ่งรายถ้วน" เท่านั้น นั่นคือ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2018/19 ที่ทำได้ ว่าหลังจากชนะ เชลซี 2-0 ในเกมชิงโล่นี้แล้ว เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ก็นำเรือใบสีฟ้าเฉือน ลิเวอร์พูล เข้าป้ายครองแชมป์ พรีเมียร์ลีก แบบที่เอาชนะกันแค่แต้มเดียวเท่านั้น 98:97
ปี | แชมป์คอมมิวฯ | จบซีซั่น |
---|---|---|
2013 | แมนยู | อันดับ 7 |
2014 | อาร์เซน่อล | อันดับ 3 |
2015 | อาร์เซน่อล | อันดับ 2 |
2016 | แมนยู | อันดับ 6 |
2017 | อาร์เซน่อล | อันดับ 6 |
2018 | แมนฯ ซิตี้ | แชมป์ |
2019 | แมนฯ ซิตี้ | อันดับ 2 |
2020 | อาร์เซน่อล | อันดับ 8 |
2021 | เลสเตอร์ | อันดับ 8 |
2022 | ลิเวอร์พูล | อันดับ 5 |
น่าสนใจดีว่า 3 ครั้งหลัง ทีมแชมป์ คอมมิวนิตี้ ชิลด์ ล้วนแต่มีซีซั่นที่ค่อนไปทางล้มเหลวเมื่อ พรีเมียร์ลีก มาถึง ไม่ว่าจะ อาร์เซน่อล ที่จบอันดับ 8, เลสเตอร์ ซิตี้ ที่จบอันดับ 8 เช่นกัน หรือ ลิเวอร์พูล เจ้าของแชมป์คอมมิวฯ รายล่าสุด ซึ่งจบแค่อันดับ 5 ซีซั่นที่ผ่านมา
ฉะนั้น แม้อาจพูดไม่ได้เต็มเสียงว่าเป็น "อาถรรพ์" แห่งฟุตบอลอังกฤษ แต่สถิติก็ฟ้องอยู่ในตัวเองเหมือนกันว่า แชมป์คอมมิวฯ มัก "จบไม่ค่อยสวย" จริงเสียด้วยกับชะตาชีวิตใน พรีเมียร์ลีก ปีเดียวกันนั้น
ก็คงเป็นเรื่องของทั้ง เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ มิเกล อาร์เตต้า เองแล้วที่จะประเมินว่า ควรใส่สุดแค่ไหนเพื่อแชมป์แรกของซีซั่น หรือจะจัดให้เกมนี้เป็นแค่อีกเกมอุ่นเครื่อง เอาไว้ทดสอบนักเตะ ไว้ลองเชิง ไว้เคาะสนิมและเตรียมพร้อมขั้นสุดท้ายเท่านั้น
จับตาดูไปพร้อมกัน วันอาทิตย์นี้ สี่ทุ่มตรง โทรฟี่แรกสุดของซีซั่นจะเป็นของใคร ระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ อาร์เซน่อล