ใจโลเลก็ต้องเปย์หน่อย : 52 ล้านปอนด์ที่ เชลซี สูญกับการเปลี่ยนหัวเรือใหญ่...และดูจะยังไม่จบแค่นั้น ! - FEATURE
จาก โธมัส ทูเคิ่ล สู่ เกรแฮม พ็อตเตอร์ มาเป็น บรูโน่ ซัลตอร์ และว่ากันว่า จะมี แฟร้งค์ แลมพาร์ด หวนคืนสู่ตำแหน่งมาอีกคน นี่คือ 3-4 ผู้จัดการทีมที่ เชลซี สลับสับเปลี่ยนเวียนใช้ในตลอดฤดูกาลนี้ และแน่นอน สิ่งที่ตามมาก็คือ "ค่าใช้จ่าย" ที่บานปลายและปลายบานไป...เท่าไหร่แล้ว ไปดู
10 ล้านปอนด์ ค่าชดเชย ทูเคิ่ล
หลายๆ เสียงแฟนบอลยังบ่นไม่หาย "ก็เราอ่ะใจร้อนเกิน!" กับการที่ ท็อดด์ โบห์ลี่ เลือกวิธีการไม่ประนีประนอม แค่ว่าเสมอ 1 (2-2 สเปอร์ส) กับแพ้ 2 (0-3 ลีดส์, 1-2 เซาแธมป์ตัน) ในช่วง 5-6 เกมแรกของซีซั่นแล้ว (บวกกับแพ้ ดินาโม ซาเกร็บ ในเกมแรกของ ชปล.) ก็เลือกจะตวัดดาบออกจากฝัก กุดหัวโค้ชดีกรีแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2021 อย่าง โธมัส ทูเคิ่ล ออกเสีย
ทูเคิ่ล โดนถอดออกจากตำแหน่งหลังจากซีซั่น 2022/23 ผ่านไปแค่เดือนเศษ และทั้งที่โค้ชเยอรมันมีเปอร์เซ็นต์ทำทีมชนะถึง 60% สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของกุนซือที่ได้คุมทีมเกิน 100 เกมขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม ว่ากันว่า ประเด็นหนึ่งมาจากเรื่องความสัมพันธ์ที่แตกร้าว ทั้งของ ทูเคิ่ล กับกลุ่มนักเตะ และ ทูเคิ่ล กับทางบอร์ดบริหาร โดยเฉพาะ มาริน่า กรานอฟสกาย่า และ ปีเตอร์ เช็ก ที่เกิดความเห็นไม่ลงรอยระหว่างกันในเรื่องการเสริมทัพอยู่หลายดีล
ที่สุดแล้ว ทูเคิ่ล ต้องอำลา เชลซี ไปหลังคุมได้ราวๆ 1 ปี 8 เดือน และมีโทรฟี่แชมป์ ชปล, ยูฟ่า ซูเปอร์ คัพ และสโมสรโลก ติดไม้ติดมืออย่างละ 1 รายการ (พร้อมรองแชมป์เอฟเอ คัพ 2 รอบ / คาราบาว คัพ 1 หน)
และที่สุดแล้ว เชลซี ต้องควักกระเป๋าจ่ายชดเชยให้กับ ทูเคิ่ล เป็นจำนวน 10 ล้านปอนด์ด้วยกัน
22 ล้านปอนด์ ซื้อตัว พ็อตเตอร์ และทีมงาน
ภายหลัง ทูเคิ่ล โดนเด้งพ้นไปแล้ว เชลซี ก็ต้องเสาะหากุนซือใหม่ตามระเบียบ และพวกเขาใช้เวลาเพียง "2 วัน" ในการประกาศแต่งตั้ง เกรแฮม พ็อตเตอร์ เข้าสานงานต่อ
แน่นอนว่าการตั้งได้เร็วขนาดนี้ ต้องมีการเจรจากันไว้ล่วงหน้าอยู่แล้ว หมายความว่า ทูเคิ่ล ง่อนแง่นๆ จะตกเก้าอี้อยู่ก่อนแล้วนั่นแหละ แค่ว่าสบโอกาสพอดีกับที่แพ้ ดินาโม ซาเกร็บ จึงได้มีคำสั่งเด้งออกมา
เป็นที่วิเคราะห์กันว่า ท็อดด์ โบห์ลี่ ประทับจิตประทับใจกับผลงานของ พ็อตเตอร์ เป็นพิเศษ ในการปลุกปั้นให้ ไบรท์ตัน & โฮฟ อัลเบี้ยน กลายเป็นทีมตัวอันตรายประจำพรีเมียร์ลีก และมีเส้นกราฟอันดับดีขึ้นเป็นลำดับ จากที่ 16 ของ 2020/21 มาจบอันดับ 9 ของ 2021/22 และรั้งอันดับ 4 ในช่วงแรกของซีซั่นนี้ ที่มีผลงานชนะ 4 จาก 6 เกมแรก
โบห์ลี่ และบอร์ดเชลซี ยังเห็นพ้องต้องกันว่า พ็อตเตอร์ จะเป็น "อนาคตระยะยาว" ให้กับสโมสรได้ ด้วยอายุอานามที่ยังหนุ่มแน่น 47 ขวบ รวมไปถึงการมีวิสัยทัศน์กว้างไกล เคยผ่านประสบการณ์งานต่างแดนมาแล้วกับทาง ออสเตอร์ซุนด์ ในประเทศสวีเดน ที่เจ้าตัวคุมอยู่นานเลยระหว่างปี 2011-2018
นั่นจึงเป็นที่มาของการจับเซ็นสัญญายาวเหยียด 5 ปี ต่างจากสโมสรอื่นหรือเคสอื่นที่มักเซ็นกัน 2-3 ปี เท่านั้น
และเมื่อ พ็อตเตอร์ ยังอยู่ในงานที่ ไบรท์ตัน ก็จึงเลี่ยงไม่ได้ที่ เชลซี จะต้องจ่ายเงินเพื่อ "ซื้อสัญญา" โค้ชชาวอังกฤษ ออกจากตำแหน่งที่ ดิ เอเม็กซ์ สเตเดี้ยม
และค่าเสียหายในการณ์นี้คือ 22 ล้านปอนด์ -- จำแนกเป็น 16 ล้านปอนด์ ค่าซื้อตัว พ็อตเตอร์ บวกกับอีกราวๆ 6 ล้านปอนด์ ค่าสำหรับการหิ้ว "ทีมสตาฟฟ์" สี่ซ้าห้ารายของ พ็อตเตอร์ มายัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมๆ กัน
13 ล้านปอนด์ ค่าชดเชยให้ พ็อตเตอร์
ไม่มีใครคาดคิดอยู่แล้ว ว่าจากคำแถลงการณ์ "เกรแฮม เป็นผู้คิดค้นทางฟุตบอล และผู้ชนะทั้งในและนอกสนาม เรากำลังตื่นเต้นมากที่จะมีเขาเป็นผู้สร้างทีมแห่งชัยชนะทีมนี้" จะกลับกลายเป็นคำแถลงอีกชุด "เชลซี ขอประกาศการแยกทางกับ เกรแฮม พ็อตเตอร์ เราขอขอบคุณ เกรแฮม ในทุกความพยายาม" ในเพียง 7 เดือนให้หลัง
ก็อย่างที่เราคงรู้กันดีอยู่แล้ว ว่าการสั่งเด้งครั้งนี้ ทั้งเซอร์ไพรส์และไม่เซอร์ไพรส์อยู่ในคราวเดียวกัน
เซอร์ไพรส์ ตรงที่ เชลซี ก็ดูดีขึ้นพอตัวแล้วในช่วงหลัง จากก่อนเบรคทีมชาติงวดล่าสุดที่เกือบจะเป็นการเข้าเบรคกำชัย 4 เกมซ้อน แต่โดน เอฟเวอร์ตัน ตามตีเสมอเฮือกท้าย ก่อนที่จะมาแพ้ แอสตัน วิลล่า คาบ้าน 0-2 ในเกมที่ทีมตราสิงห์เล่นได้ไม่เลว สร้างโอกาสจบได้ถึง 27 ครั้ง แต่ถ้าไม่ยิงวืดวาดไปเองก็ไม่ผ่านมือ เอมิเลียโน่ มาร์ติเนซ นายด่านแชมป์โลกของคู่แข่ง
แต่ก็ไม่เซอร์ไพรส์ตรงที่ การแพ้ วิลล่า คือความพ่ายแพ้ที่ 11 เข้าไปแล้วในการทำทีม 31 นัดของ พ็อตเตอร์ และ เชลซี หล่นลงมาอยู่ที่ครึ่งล่างของตารางพรีเมียร์ลีก ที่อันดับ 11 แล้วนั่นเอง -- นี่คือสิ่งที่ท่านประธาน ท็อดด์ โบห์ลี่, มือขวาคนสนิท เบห์แดด เอ็กห์บาลี, พอล วินสแตนลี่ย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสรรหานักเตะ และ ลอว์เรนซ์ สจ๊วร์ต ผู้อำนวยการเทคนิค ต่างเห็นพ้องต้องกันว่าพวกเขา "ไม่เห็นพัฒนาการอย่างที่ควรจะเป็น" จาก เชลซี ยุค พ็อตเตอร์
ในทีแรก มีการกะเก็งกันว่า เชลซี จะต้องควักกระเป๋าเป็นค่าฉีกสัญญาให้กับ พ็อตเตอร์ ตามระยะสัญญาที่ยังเหลืออีกยาวถึงปี 2028 สูงถึงหลัก 50 ล้านปอนด์
แต่ก็มีการยืนยันจากสื่อในภายหลังว่า การปลดครั้งนี้เป็นไปในทิศทางที่ "คุยกันได้" และ พ็อตเตอร์ ก็ใจดีพอจะตกลงรับค่าชดเชยแค่ "ก้อนหนึ่ง" พอสวยๆ ไม่ต้องถึงกับจ่ายมาตูมเดียวครึ่งร้อยล้าน
สรุปว่า เชลซี โอนพร้อมเพย์ (?) ให้ พ็อตเตอร์ แบบพอท้วมๆ เอาไปตั้งตัวใหม่ได้ที่ 13 ล้านปอนด์
7 ล้านปอนด์ ค่าจ้างของ พ็อตเตอร์
แต่ 13 ล้านปอนด์นั่น ก็ยังไม่ใช่ทั้งหมดที่ พ็อตเตอร์ "อิ่มแปล้" จากงานที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์
เมื่อยังมีอีกราวๆ 7 ล้านปอนด์ เป็นค่าจ้างของโค้ชวัย 47 ในตลอดระยะเวลาที่รับใช้สโมสร
เพราะก็มากกว่าหลายนักเตะในทีม เมื่อ พ็อตเตอร์ รับค่าจ้างที่ประมาณ 1.9 แสนปอนด์ต่อสัปดาห์ หรือคิดเป็นเงินเดือนคือ 7.6 แสนปอนด์ และ/หรือคิดเป็นค่าจ้างต่อปี ตีกลมๆ ที่ 10 ล้านปอนด์ ซึ่งมากกว่าตอนที่รับกับ ไบรท์ตัน ประมาณ 5 เท่า
การทำงานอยู่ราวๆ 7 เดือน (8 ก.ย. 2022 - 2 เม.ย. 2023) จึงทำให้ เชลซี ต้องโอนเข้าบัญชีของ พ็อตเตอร์ เป็นเงิน 7 ล้านปอนด์ด้วยกัน
10 ล้านปอนด์ ชดเชย ทูเคิ่ล
22 ล้านปอนด์ ซื้อตัว พ็อตเตอร์
13 ล้านปอนด์ ชดเชย พ็อตเตอร์
และอีก 7 ล้านปอนด์ ค่าจ้าง พ็อตเตอร์
รวมแล้ว 52 ล้านปอนด์ เป็นเงินที่ เชลซี สูญเปล่าไปกับเรื่องของเฮดโค้ชซีซั่นนี้ จนถึงตรงนี้
52 ล้านปอนด์ไปแล้ว...และยังจะมีอีก!
แต่แม้จะสูญเปล่าไปแล้ว 52 ล้านปอนด์ เชลซี ก็ยังจะต้องควักกระเป๋าอีกไม่น้อยกับเรื่องนี้
เพราะในรายจ่ายข้างต้น ยังไม่นับ...
- ค่าจ้างของ บรูโน่ ซัลตอร์
ว่ากันว่า อดีตดาวเตะสแปนิชที่ขึ้นเป็นรักษาการกุนซือแทน พ็อตเตอร์ รับกับ เชลซี ที่ไม่มากไม่มาย สื่อบอกว่าน่าจะมากกว่าตอนเป็นผู้ช่วยพ็อตเตอร์ที่ ไบรท์ตัน แค่เล็กน้อย จากที่ตอนนั้นรับอยู่ปีละ 1.56 ล้านปอนด์ หรือเฉลี่ยสัปดาห์ละ 3 หมื่นปอนด์เศษ
ซึ่งจนกว่าที่จะมีใครเข้ามาใหม่ และ บรูโน่ โดนถอดออกจากสโมสรแบบเบ็ดเสร็จ เชลซี ก็ยังต้องจ่ายเงินในส่วนนี้ต่อไปอีกเรื่อยๆ
- ค่าจ้างของ แฟร้งค์ แลมพาร์ด (?)
แม้ยังไม่เป็นที่ยืนยันทางการ แต่สื่อทุกแขนงทุกเจ้า ต่างก็รายงานไปในทิศทางเดียวกันว่า ไม่แคล้ว แฟร้งค์ แลมพาร์ด จะได้กลับคืนสู่ตำแหน่งที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในไม่ช้า
แต่แม้จะมาในฐานะรักษาการกุนซือ ดูแลทีมเพียงสั้นๆ 2 เดือนก่อนแยกจากเมื่อจบซีซั่น ก็ย่อมจะมี "ค่าเสียหาย" ที่ เชลซี ต้องจ่ายในการณ์นี้อยู่ดี
คาดว่า ตัวเลขน่าจะไม่ต่างไปจากเมื่อครั้งก่อนที่ แลมพาร์ด นั่งเก้าอี้บอสตราสิงห์ 2019–2021 มากนัก ซึ่งตอนนั้น อดีตมิดฟิลด์ยอดดาวยิงรับที่ปีละ 5 ล้านปอนด์ หรือตีเฉลี่ย 9 หมื่นปอนด์ต่อสัปดาห์
กลับมาคราวนี้ ก็คงอยู่ที่สัก 1 แสนปอนด์ บวกลบ
1 แสนปอนด์คูณ 8 สัปดาห์ ก็นั่นล่ะฮะท่านผู้ชม -- (หากไม่มีผิดพลาด) แลมพาร์ด จะเข้ามาจับงานจ๊อบสั้นๆ 2 เดือน รับค่าตอบแทน 8 แสนปอนด์สบายไป
นั่นหมายถึงว่า 52 ล้านปอนด์ ที่สูญไปกับ โธมัส ทูเคิ่ล และ เกรแฮม พ็อตเตอร์ ยังจะมีเพิ่มอีก 2 ล้านปอนด์บวกลบ กับราย บรูโน่ ซัลตอร์ และ แฟร้งค์ แลมพาร์ด
ส่วนว่าจะมีใคร ยูเลียน นาเกิลส์มันน์, หลุยส์ เอ็นริเก้, เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ หรือใครอื่น เข้ามารับงานคุมถาวรเป็นลำดับถัดไป ก็ให้เป็นเรื่องของอนาคตซีซั่นหน้า
แง่ดีอย่างเดียวที่พอจะมองเห็นคือ เชลซี ไม่ต้องเสีย "ค่าฉีกสัญญา" เพิ่มเติมเพื่อดึงใครมานั่งเก้าอี้ เมื่อตัวเลือกกุนซือว่างงานดีๆ ยังมีอยู่นั่นเอง...