สิงห์ผงาด และการคัมแบ็ค พรีเมียร์ลีก ของ อูไน อเมรี่ - FEATURE

Villarreal CF v Austria Wien: Group C - UEFA Europa Conference League
Villarreal CF v Austria Wien: Group C - UEFA Europa Conference League / Quality Sport Images/GettyImages
facebooktwitterreddit

การกลับมาของ อูไน อเมรี่ เป็นเรื่องที่ทั้งน่าแปลกใจ และไม่แปลกใจในเวลาเดียวกัน หลังจากผู้จัดการทีมชาวสเปนตัดสินใจยกเลิกสัญญากับ บียาร์เรอัล และมารับงานที่ แอสตัน วิลล่า สโมสรในพรีเมียร์ ลีก ประเทศอังกฤษ ลีกฟุตบอลที่ครั้งแรกที่เขามารับงานจบลงด้วยความขมขื่นครั้งหนึ่งในชีวิตการทำงาน

“สิงห์ผงาด” ตัดสินใจปลด “สตีวี่ จี” ออกจากตำแหน่งด้วยเรื่องของผลงานที่ชนะเพียง 2 เกมตั้งแต่ออกสตาร์ทฤดูกาลใหม่ และมองหาโค้ชใหม่มารว่วมงานด้วยหลายคน ทั้ง โธมัส ทูเคิ่ล, เมาริซิโอ โปเชตติโน่ ซึ่งเคยมีประสบการณ์ในพรีเมียร์ ลีก มาแล้ว รวมถึง “คนนอก” อย่าง รูเบน อโมริม โค้ชหนุ่มจากสปอร์ติ้ง ลิสบอน ซึ่งทั้งหมดจบลงด้วยความผิดหวัง ก่อนจะมาสมหวังกับ อูไน อเมรี่ โดยมีการระบุว่า แอสตัน วิลล่า จ่ายเงินจำนวน 6 ล้านยูโร ในการฉีกสัญญากับบียาร์เรอัล ที่เหลืออีกหนึ่งปีของเขา โดยคาดว่าเขาจะได้รับสัญญาจำนวน 3 ปีกับสโมสรจากมิดแลนด์

บนวัย 50 ปี อูไน ถือว่าอยู่ในวัยกลางคนที่จะสามารถโลดแล่นในงานคุมทีมได้อีกเป็นทศวรรษต่อจากนี้ การกลับมาในครั้งนี้ เขามาพร้อมกับโปรไฟล์ที่ดีขึ้นกว่าเดิม ในฐานะโค้ชคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสรบียาร์เรอัล ที่พาทีมคว้าแชมป์สโมสรยุโรปกับยูโรป้า ลีก ในปี 2021 แนบท้ายด้วยการเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในแชมเปี้ยนส์ ลีก เมื่อฤดูกาลที่แล้ว นี่คือทีมไม่ใหญ่ไม่โตที่พร้อมชนยักษ์ทุกตัวทั้งในสเปน และยุโรป 

Unai Emery
Villarreal CF v UD Almeria - LaLiga Santander / Aitor Alcalde Colomer/GettyImages

การทำงานของเขาจะเริ่มต้นขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2022 เป็นเกมแรกและต้องทำงานแบบเร่งรัดในช่วงอีกสามเกม โดยจะเจอกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เป็นทีมแรก และต้องเจอถึงสองครั้งติดต่อกันทั้งในพรีเมียร์ ลีก และ คาราบาว คัพ ก่อนปิดท้ายด้วยการเล่นกับ ไบร์ทตัน และจะพักฟุตบอลโลก 1 เดือน ซึ่งจะเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เขาได้ศึกษาทีม วางแผนการทำทีม การซื้อขายนักเตะอย่างจริงจัง

ก่อนหน้านี้ในช่วงต้นปี 2022 อูไน อเมรี่ เคยได้รับการติดต่อจากนิวคาสเซิ่ล ยูไนเต็ด ช่วงที่เทคโอเวอร์สโมสรเรียบร้อยแล้วให้มารับงานคุมทีม ซึ่งเขาก็ยอมรับว่าสนใจ แต่ก็เลือกจะอยู่กับเรือดำน้ำสีเหลืองต่อไป เพราะเป็นช่วงสำคัญของฤดูกาล ซึ่งสุดท้ายเขาพาทีมไปถึงรอบรองชนะเลิศแชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ในปีนี้พวกเขาลงเล่นใน คอนเฟอเรนซ์ ลีก และทีมก็อยู่ในดันดับ 7 ของตารางลา ลีกา โอกาสกลับไปแชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้งมีสูงขึ้น แต่เมื่อได้รับโอกาสจาก แอสตัน วิลล่า เขาก็เลือกที่จะรับมันเอาไว้

ในส่วนของทีมงานยังไม่มีการเปิดเผยว่าจะมีใครที่ต้องออกจากทีม และมีใครจะเข้ามาใหม่ แต่คาดว่า อูไน จะหนีบ ปาโบล บิลานวยบา มือขวาคนสำคัญของเขามาด้วยค่อนข้างแน่ รวมถึง ฆาบี การ์เซีย ซึ่งเป็นโค้ชผู้รักประตู และ วิคตอร์ มานอส ซึ่งเป็นคนดูแลเรื่องวิเคราะห์เกมของทีม มาทำงานด้วยกันทั้งหมด ส่วน คาร์ลอส คาเซโด้ ที่เคยทำงานด้วยกันสมัยทำงานที่อาร์เซนอล ออกไปคุมทีมเองแล้ว รับงานกับ เรอัล ซาราโกซ่า ทีมงานของอูไน อเมรี่ ค่อนข้างสนิทกันมากทีมหนึ่งไปด้วยกันตลอด ตั้งแต่สมัยเริ่มคุมทีมอัลเมเรีย ตอนนี้ก็ถึงเวลาแยกย้ายกันไปเติบโตตามเส้นทาง

รูปแบบการเล่นของ อูไน อเมรี่ สมัยทำงานกับอาร์เซนอล เล่นหลายรูปแบบมากทั้งการเล่นระบบ 3 กองหลัง หรือว่าในแบบแบ็คโฟร์ ซึ่งในช่วงท้ายๆ ของการทำทีมเขาใช้งานระบบ 4 กองหลังมากที่สุด พอมารับงานคุมทีมบียาร์เรอัล ก็ใช้ระบบ 4กองหลังมาเป็นแกน ปรับแท็คติกการยืนหลายแบบมากทั้ง 4-3-3 / 4-1-4-1 และในเกมสุดท้ายของเขากับบียาร์เรอัลในเกมชนะ อัลเมเรีย พวกเขาเล่นในระบบ 4-2-3-1 เรียกว่ายังคงเป็นหนึ่งในคนที่พร้อมปรับแท็คติกตามการเล่นกับคู่แข่งที่จะเจอเสมอ อย่างไรก็ตามระบบนี้ก็เป็นระบบที่แอสตัน วิลล่า ใช้งานมาตลอดในยุคของ สตีเว่น เจอร์ราร์ด และ อารอน แดงส์ ที่ขึ้นมาคุมทีมชั่วคราว

Nassef Sawiris, Wes Edens
Aston Villa v West Ham United - Pre-Season Friendly / Stu Forster/GettyImages

แอสตัน วิลล่า ในยุคของ นาสเซฟ ซาวิริส และ เวส อีเดนส์ เข้าสู่ปีที่ 5 แล้ว พวกเขาซื้อหุ้นสโมสรมาจาก โทนี่ เซีย เจ้าของเดิมชาวจีน และใช้เวลาหนึ่งปีในการลงทุนจนทีมกลับมาสู่ลีกสูงสุดได้ หลังจากการลงทุนงบประมาณของทีมก็ไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทะลุหลักสี่ร้อยล้านปอนด์ไปแล้ว และในตลาดรอบล่าสุดก็ลงทุนไปประมาณ 60 ล้านปอนด์ ซึ่งถึงวันนี้ วิลล่า ยังไม่เคยจบอันดับในลีกด้วยเลขตัวเดียวเลย นับตั้งแต่เลื่อนชั้นกลับขึ้นมา และจะมีการจ่ายอีกแน่เมื่อพวกเขาเลือกเปลี่ยนผู้จัดการทีมกลางสงครามเช่นนี้ โดยมี คริสเตียน เพอสโลว์ ซึ่งเป็นซีอีโอของสโมสร เป็นหัวเรือใหญ่ในการจัดการทีมในฐานะที่ได้รับอำนาจจากเจ้าของสโมสรในเรื่องของฟุตบอล โดยมีการเผยข้อมูลว่าวิลล่าให้งบใช้จ่ายกับ ดีน สมิธ (330 ล้านปอนด์) และ สตีเว่น เจอร์ราร์ด (90 ล้านปอนด์) รวมแล้ว 420 ล้านปอนด์ในการสร้างทีมตลอดช่วงเวลาคุมทีม โดยได้เงินคืนกลับมาเพียง 155 ล้านปอนด์ จากการขายผู้เล่นเท่านั้น ขณะที่นักเตะที่แพงที่สุดของพวกเขาอย่าง เอมิเลียโน่ บูเอนเดีย ยังผลงานไม่น่าพอใจนักกับการลงทุน 33 ล้านปอนด์ในช่วงปี 2021 ที่ผ่านมา

นอกจากนี้พวกเขายังคงอยู่ในแผนงานเกี่ยวกับการปรับปรุงสนาม วิลล่า พาร์ค ซึ่งตั้งใจจะให้รับผู้ชมได้มากกว่า 50,000 คน จากเดิมที่ความจุประมาณ 43,000 คนเท่านั้น ซึ่งจะมีการปรับทัศนียภาพ และทำให้สนามสามารถรองรับการใช้งานด้านอื่นได้ด้วย เช่นการจัดคอนเสิร์ต รวมถึงพื้นที่โดยรอบที่จะทำให้เรียกผู้คนเข้ามาได้อีกไม่น้อย นอกจากนี้ยังมีการพัฒนาในส่วนของสนามซ้อมของทีม และยังรวมถึงระบบเยาวชนของสโมสร เรียกได้ว่าครบวงจร สำหรับการลงทุนเต็มตัวแต่ทั้งหลายทั้งปวงจะไม่เวิร์คทันที ถ้าผลงานของทีมชุดใหญ่ยังคงหนีไม่พ้นครึ่งล่างของตาราง ที่พวกเขาอยู่กับมันมาตลอดในช่วงสิบปีหลังสุด

การมา อูไน อเมรี่ แน่นอนว่าจะมาพร้อมกับความตื่นเต้นครั้งใหม่ของแฟนบอล และจะมีการพูดถึงนักเตะใหม่แบบไหนที่อูไนจะนำมาเสริมทีม ซึ่งข่าวก็เล่นประเด็นเกี่ยวกับ อาเนา ดาจูม่า ตัวรุกคนสำคัญของบียาร์เรอัล ในปีที่แล้ว รวมถึง เปา ตอร์เรส แนวรับทีมชาติสเปนที่หลายทีมอยากได้ตัวคาดว่าจะอยู่ในแผนงานของเขา ส่วนจะได้มาร่วมงานกันอีกไหมรอติดตามกัน ซึ่งทุกอย่างจะเริ่มต้นจากการ “รีวิวแบบเจาะลึก“ ในผู้เล่นที่มีอยู่เป็นอันดับแรกอย่างแน่นอน

FBL-EUR-C3-VILLARREAL-MAN UTD
FBL-EUR-C3-VILLARREAL-MAN UTD / MICHAEL SOHN/GettyImages

อูไน อเมรี่ ในการทำงานกับสโมสรระดับกลางไปถึงใหญ่ เขามักทำผลงานได้น่าพอใจ โดยเฉพาะกับ เซบีย่า ที่เขามีส่วนอย่างมากที่ทำให้ เซบีย่า ได้ชื่อว่า “เจ้าพ่อยูโรป้า ลีก” กับการพาทีมได้แชมป์สามสมัยซ้อน รวมแล้วเขาได้แชมป์ถึง 4 ครั้งจากการเข้าชิง 5 รอบในอาชีพการทำงาน อย่างไรก็ตามช่วงเวลาของเขากับ เปแอสเช รวมถึงกับอาร์เซนอล กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ไม่สวยเท่าไรนัก โดยเฉพาะประเด็นเรื่องการรับมือกับสตาร์ของทีม ทั้งกับ เนย์มาร์ จูเนียร์ ที่ปารีส และ เมซุต เออซิล ที่ลอนดอน ผลสุดท้ายเมื่อผลงานไม่เป็นไปตามที่หวัง เขาก็ไม่ได้ไปต่ออย่างไม่เต็มใจทั้งสองครั้งกับการอยู่ไม่ครบสัญญา ซึ่งต้องมารอดูอีกนั่นละว่ากับ แอสตัน วิลล่า ทีมนี้จะมีใครมี “อีโก้” กับเขาหรือไม่ และถ้ามีเขาจะรับมืออย่างไร

มาถึงบรรทัดนี้คงได้แต่บอกว่าขอต้อนรับการกลับมาอีกครั้งสู่พรีเมียร์ ลีก งานนี้จะเป็นบททดสอบตนเองครั้งใหญ่ของเขาว่าจะสู้กับพรีเมียร์ ลีกได้ดีแค่ไหน และพรีเมียร์ ลีกจะสู้กลับอย่างไร เริ่มต้นที่เป้าหมายแรกจบด้วยอันดับเลขตัวเดียวให้ได้ก่อนในฤดูกาลนี้