65% ของซีซั่น ผ่านไป : พรีเมียร์ลีก และลีกหัวแถวยุโรป เป็นแบบไหน? ใครลุ้นแชมป์? ใครมีแววช้ำ? - FEATURE

• พรีเมียร์ลีก เป็นเรื่องของม้า 3 ตัว แย่งชิงบัลลังก์
• ลา ลีกา เหมือนจะจบง่าย ถ้าไม่มีคดีพลิก
• บุนเดสลีกา ยินดีต้อนรับแชมป์หน้าใหม่...?

Previews - UEFA Europa Conference League Final 2022/23
Previews - UEFA Europa Conference League Final 2022/23 / James Gill - Danehouse/GettyImages
facebooktwitterreddit

ถึงตอนนี้ที่เข้าสู่ปลายเดือน ก.พ. บรรดาลีกยุโรปก็เริ่ม "งวดก้นหม้อ" ลงทุกขณะ หลายที่เตะผ่าน 25 นัด หรือ 65% ของซีซั่น จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะไปอัพเดตดูความคืบหน้ากันหน่อยว่า พรีเมียร์ลีก เดินทางถึงไหน ลา ลีกา - กัลโช่ เซเรีย อา - บุนเดสลีกา - ลีก เอิง มีวี่แววจะจบอย่างไร และแชมป์ของแต่ละชาติ มีโอกาสอยู่ในมือใครมากสุด

พรีเมียร์ลีก : เรื่องของ 'ม้าสามตัว'

ท็อป 5 พรีเมียร์ลีก

ผล

แต้ม

1. ลิเวอร์พูล

17-6-2

57

2. อาร์เซน่อล

17-4-4

55

3. แมนฯ ซิตี้

16-5-3

53

4. แอสตัน วิลล่า

15-4-6

49

5. สเปอร์ส

14-5-6

47

ชัดเจนว่า การลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก ที่ ณ ตอนนี้เรียกได้ว่า "เตรียมหักโค้งสุดท้าย" กับแค่ 13 เกมที่เหลืออยู่นั้น การลุ้นแชมป์เป็นเรื่องของ "ม้าสามตัว" ลิเวอร์พูล - อาร์เซน่อล - แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ไม่มีมากกว่านี้

ลิเวอร์พูล นำจ่าฝูงอยู่ด้วยการมี 57 แต้ม โดยแม้จะพลาดท่าแพ้ อาร์เซน่อล 1-3 เมื่อต้นเดือน แต่ในภาพรวมก็คือพวกเขาชนะถึง 6 จาก 7 เกมหลังสุด และนั่นทำให้นำหน้า อาร์เซน่อล 2 แต้ม กับนำ แมนฯ ซิตี้ 4 คะแนนก่อนทัพเรือลงเล่นเกมตกค้างวันอังคาร

สิ่งที่น่าสนใจคือเดือนถัดไป ที่ ลิเวอร์พูล จะต้องวัดกับ แมนฯ ซิตี้ (10 มี.ค.), เอฟเวอร์ตัน (17 มี.ค.) และ แมนฯ ยูไนเต็ด (6 เม.ย.) ในเวลาไม่ห่างกันนัก ถ้าผ่าน 3 เกมนี้ไปได้แบบไม่มีริ้วรอย ก็ชะรอยว่า "แชมป์สมัย 2" สั่งลา เยอร์เก้น คล็อปป์ อาจรออยู่ปลายทาง

อย่างไรก็ตาม ในบางความเห็น ท่านว่าก็ยังเป็น แมนฯ ซิตี้ นั่นแหละที่กุมชะตาเอาไว้ -- เริ่มต้นตั้งแต่คืนอังคาร ที่จะเจองานไม่น่ายากอย่าง เบรนท์ฟอร์ด ซึ่งถ้าชนะได้ตามสมควร ก็จะจี้ ลิเวอร์พูล เหลือ 1 แต้มถ้วนๆ เลย

และอย่าลืมว่า กี่ปีมาแล้วที่ แมนฯ ซิตี้ เครื่องติดใส่ไม่ยั้งในโค้งสุดท้าย หลักฐานสำคัญก็คือแชมป์ 3 ปีซ้อนก่อนหน้านี้

ถัดลงมาจากม้า 3 ตัวของการลุ้นแชมป์ ภาพก็ค่อนข้างชัดเหมือนกัน

ลุ้นตั๋ว แชมเปี้ยนส์ ลีก ใบสุดท้าย : แอสตัน วิลล่า, สเปอร์ส, แมนฯ ยูไนเต็ด

และตกชั้น : เอฟเวอร์ตัน (โดนพิษตัดแต้ม 10 คะแนน), ลูตัน ทาวน์, เบิร์นลี่ย์, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด สามจาก 4 ทีมนี้ ไปแน่

Erling Haaland
Manchester City v Liverpool FC - Premier League / Alex Livesey - Danehouse/GettyImages

ลา ลีกา : เรอัล มาดริด มุ่งสู่เส้นชัย?

ท็อป 5 ลา ลีกา

ผล

แต้ม

1. เรอัล มาดริด

19-5-1

62

2. คิโรน่า

17-5-3

56

3. บาร์เซโลน่า

16-6-3

54

4. แอตฯ มาดริด

16-3-6

51

5. แอธฯ บิลเบา

14-7-4

49

ผลสกอร์ในเกมมันเดย์ไนท์ 20 ก.พ. กำลังทำให้ตอนจบ ลา ลีกา เป็นไปแบบ "ว้า... หมดสนุกแล้วแฮะ" หากไม่มีอะไรพลิกผันซ้ำซ้อนเพิ่มเติมอีกในช่วงที่เหลือ

หรือจริงๆ ก็ไม่หรอก สัญญาณมันชัดตั้งแต่นัดก่อนแล้ว ที่ เรอัล มาดริด กราดยิง คิโรน่า ยับเยิน 4-0 (วินิซิอุส, โรดรีโก้ โกเอส, จู๊ด เบลลิงแฮม ซัดสอง) อันแสดงให้เห็นว่าระหว่าง 2 ทีมนี้ มีกำแพงตั้งตระหง่านอย่างชัดเจน (ต้นซีซั่น เรอัล มาดริด ก็บุกยิงมาแล้ว 3-0)

มาล่าสุดเมื่อวันจันทร์ คิโรน่า ทีมในอาณัติของ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป (แมนฯ ซิตี้) ก็ยังสะดุดอย่างต่อเนื่องด้วยการออกไปพ่าย แอธเลติก บิลเบา 2-3

และเมื่อ 3 เกมหลังสุด คิโรน่า ชนะไม่เป็นเลย ได้ผลเสมอ 1 แพ้ 2 ก็ทำให้ เรอัล มาดริด (ชนะ 7 จาก 9 เกมหลัง+ชนะคิโรน่าโดยตรง) ฉวยโอกาสนี้ทิ้งไปเป็นระยะห่าง 6 แต้ม

นี่ขนาดว่าเด็กๆ ของ คาร์โล อันเชล็อตติ ปรานีด้วยการหลุดเสมอ แอตฯ มาดริด กับ ราโย บาเยกาโน่ แล้วด้วยนะ

13 เกมสุดท้าย เงื่อนไขของแต่ละทีมจึงมีแค่...

  • - เรอัล มาดริด รักษาระยะให้ดีที่สุด เพื่อกลับสู่แชมป์อีกครั้งหลังเว้นวรรคมา 1 ปี

    - คิโรน่า ฮึดอีกนิดเพื่อไล่จี้ เรอัล มาดริด ให้มากที่สุด

    - บาร์เซโลน่า ถ้าแซง คิโรน่า ได้ก็ลุยเลย (ตาม 2 แต้ม)

    - แอตฯ มาดริด เอาตัวรอดที่เบอร์ 4 ไม่ให้โดน แอธฯ บิลเบา แซง

    - อัลเมเรีย (ป่านนี้เพิ่งมี 8 แต้ม) ตกชั้น / เซลต้า (20), กาดิซ (17), กรานาด้า (14) หนีตาย
Real Madrid v Girona - La Liga
Real Madrid v Girona - La Liga / Anadolu/GettyImages

กัลโช่ เซเรีย อา : อินเตอร์ มิลาน ใสปิ๊ง

ท็อป 5 เซเรีย อา

ผล

แต้ม

1. อินเตอร์

20-3-1

63

2. ยูเวนตุส

16-6-3

54

3. มิลาน

16-4-5

52

4. อตาลันต้า

14-3-7

45

5. โบโลญญ่า

12-9-4

45

สำหรับท่านที่ไม่ได้ตามบอลเลี่ยนใกล้ชิด มาเห็นภาพ ณ ตอนนี้ ก็อาจงงเล็กๆ ว่ามัน "ห่างขนาดนี้" ได้ไง

นั่นสิ ห่างขนาดนี้ได้ไง - อินเตอร์ มิลาน "จ่อแชมป์" ด้วยการฉีกหนี ยูเวนตุส ไกลลิบ 9 แต้มเต็ม

แต่แน่นอนว่ามันคือความยอดเยี่ยมของ ซิโมเน่ อินซากี้ และลูกทีมงูใหญ่ ของแทร่ เมื่อผ่านมายันเกมที่ 25 แล้ว พวกเขาหลุดแพ้เกมเดียวถ้วนเลย คือการโดน ซาสซูโอโล่ บุกมาลูบคม 2-1 ปลายเดือน ก.ย.

ตอนหลังมานี้ อินเตอร์ ชนะ 6 เกมซ้อน และก็ไร้พ่ายมาตั้งแต่โน่นแหละ เกมกับ ซาสซูฯ

เลาตาโร่ มาร์ติเนซ กดแล้ว 20 ประตู กำลังจะเป็นทั้งดาวซัลโวและแชมป์ เซเรีย อา รองลงมา มาร์คุส ตูราม ก็จัดแล้ว 10 หรือ ฮาคาน ชาลาโนกลู ก็กลับมาคืนฟอร์มร้อน ซัดไป 9 ลูก

สำคัญยังอยู่ที่เกมรับ กับ 25 นัดที่ผ่านมา หลังบ้านงูใหญ่ (ซึ่งที่จริงเสียทั้ง อองเดร โอนาน่า กับ มิลาน สคริเนียร์ แล้วเติมด้วย ยานน์ ซอมเมอร์ กับ ฟรานเชสโก้ อแชร์บี้) เพิ่งจะเสียไปแค่ 12 ประตูเท่านั้นเอง และ ซอมเมอร์ คือคลีนชีตกระจาย 15 เกม

งูดีเกินคาด และเช่นกัน "ทุกผู้ตาม" ก็แย่กว่าที่คาดด้วยเหมือนกัน

  • - ยูเวนตุส เสมอ 2 แพ้ 2 ใน 4 เกมหลัง

    - เอซี มิลาน แผ่วตอนปลายปีก่อน และล่าสุดแพ้ มอนซ่า 2-4

    - อตาลันต้า & โรม่า & ลาซิโอ ยังไม่ใช่คู่แข่ง

แชมป์เก่า นาโปลี ยิ่งหนัก ตอนนี้รั้งอันดับ 9 และเพิ่งเปลี่ยนกุนซืออีกรอบ ปลดคนหน้าเก่าที่เข้ามาขัดตาทัพอย่าง วอลเตอร์ มาซซาร์รี่ ทิ้งไป เปิดทางให้ ฟรานเชสโก้ คัลโซน่า อดีตผู้ช่วยกุนซือและสตาฟฟ์โค้ชของตัวเองที่ปีก่อนแยกไปคุมทีมชาติสโลวาเกีย ให้กลับมาแบบ "พาร์ทไทม์" ควบคู่ไปกับงานคุมทีมสโลวัก

เมื่อดีกว่าใคร ไฉไลกว่าเพื่อนแบบนี้ ก็นับถอยหลังรอวันรับสคูเด็ตโต้สมัย 20 ได้เลย... อินเตอร์ มิลาน

Lautaro Martinez, Marcus Thuram
FC Internazionale v US Salernitana - Serie A TIM / Emilio Andreoli/GettyImages

บุนเดสลีกา : ถึงเวลา เลเวอร์คูเซ่น ...?!?

ท็อป 5 บุนเดสลีกา

ผล

แต้ม

1. เลเวอร์คูเซ่น

18-4-0

58

2. บาเยิร์น

16-2-4

50

3. สตุ๊ตการ์ท

15-1-6

46

4. ดอร์ทมุนด์

11-8-3

41

5. แอร์เบ ไลป์ซิก

12-4-6

40

ในบางการเปรียบเปรย ท่านว่า ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ก็เหมือน ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ แห่งบุนเดสลีกา

ทีมดี นักเตะเก่ง แฟนบอลมีเยอะ เสื้อยังสวยอีก แต่ที่จริงแล้วคือ "ไม่ประสบความสำเร็จ" เป็นรูปธรรมมานานแสนนาน

ข้อเท็จจริงของ เลเวอร์คูเซ่น คือการที่พวกเขาเป็นแชมป์ เดเอฟเบ โพคาล มาแค่ 1 หนถ้วน (1993) และ "ไม่เคย" ไปถึงแชมป์ บุนเดสลีกา มาก่อนเลยในตลอดหน้าประวัติศาสตร์

ดีที่สุดคือรองแชมป์ 5 รอบ และในช่วงหลังก็เข้าป้ายท็อป 6 เสียส่วนมาก

แต่มาซีซั่นนี้ เมื่อ บาเยิร์น มิวนิค ดู "แพ้ภัยตัวเอง" เดินไม่ค่อยแข็งภายใต้การนำของ โธมัส ทูเคิ่ล (ทั้งที่ แฮร์รี่ เคน ตอบแทนการลงทุนร้อยล้านยูโรอย่างดิบดี กดแล้ว 29 ประตูจาก 30 นัด) ส่วน โบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์ และ แอร์เบ ไลป์ซิก ไม่อยู่ในมาตรฐาน

ก็ถึงคราวเฉิดฉายของ เลเวอร์คูเซ่น เสียที

ความดีงามของ ชาบี อลอนโซ่ ยังไม่จำกัดอยู่แค่ในลีก เมื่อจนป่านนี้ พี่แกยังทำทีมไร้พ่ายอยู่ใน "ทุกถ้วย" เป็นทีมเดียวในลีกหัวแถวยุโรป ที่สะกดคำว่าแพ้ไม่เป็น - อะไรนะ แพะ แพ แพ่ แผ แอ่แฮ่!

  • บุนเดสลีกา : เตะ 22 ชนะ 18 เสมอ 4

    เดเอฟเบ โพคาล : เตะ 4 ชนะ 4 (เข้ารอบตัดเชือก พบ ดุสเซลดอร์ฟ)

    ยูโรป้า ลีก : เตะ 6 ชนะ 6 (เข้ารอบ 16 ทีม)

ดีขนาดนี้ เริ่ดขนาดนี้

แชมป์เถอะครับ ถือว่าขอร้อง!

Xabi Alonso, Florian Wirtz
Bayer 04 Leverkusen v FC Bayern Muenchen - Bundesliga / Mika Volkmann/GettyImages

ลีก เอิง : จบ (นาน) แล้ว

ท็อป 5 ลีก เอิง

ผล

แต้ม

1. เปแอสเช

16-5-1

53

2. แบรสต์

11-7-4

40

3. นีซ

11-6-5

39

4. ลีลล์

10-8-4

38

5. โมนาโก

11-5-6

36

ปิดท้ายที่ลีกซึ่ง "จืด" ที่สุด ในหลายมิติจากมุมมองของแฟนบอล

แต่ละเกมอาจยิงกันเยอะ ไม่เถียง และที่จริงก็มี "เรื่องเล่า" แฝงอยู่ในทุกสัปดาห์ ทุกสโมสร

ทว่าภาพของการเป็นแชมป์ มันชัดทิ่มตามาตั้งแต่ยังไม่เริ่มแล้วว่า ปารีส แซงต์-แชร์กแมง นอนมา ถ้าไม่หลุดจากมาตรฐาน หรือมีใครแรงทะลุปล้อง (แบบ ลีลล์ เมื่อปี 2021) ก็จบง่ายๆ

ปีนี้ เข้าอีหรอบเดิมก็เดาง่าย จบง่าย เปแอสเช แชมป์ชัวร์

13 แต้มที่นำหน้า แบรสต์ อยู่ตอนนี้ ไม่มีทางพลิกโผเป็นอย่างอื่นได้

คงต้องพักชมสิ่งที่น่าสนใจสักครู่... ไปดูการลุ้นตั๋ว ชปล. (แบรสต์, นีซ, ลีลล์, โมนาโก, ล็องส์) หรือหนีตกชั้น (อันดับ 12-18 เข้าข่ายหมด) สนุกกว่าเยอะ

Kylian Mbappe, Achraf Hakimi, Lucas Hernandez
FC Nantes v Paris Saint-Germain - Ligue 1 Uber Eats / Jean Catuffe/GettyImages