ความปราชัยในรายละเอียดของ อาร์เซนอล - FEATURE

Manchester United v Arsenal FC - Premier League
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages
facebooktwitterreddit

จบเกมใหญ่ประจำสัปดาห์ไปเรียบร้อยแล้ว และเป็นชัยชนะของทัพอสูรแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเหนืออาร์เซนอล และทำให้สถานการณ์ 6 เกมในพรีเมียร์ ลีก สุดแสนจะเข้มข้นในฤดูกาลนี้

อาร์เซนอลบนความพ่ายแพ้ครั้งแรกของฤดูกาลนี้ จบเกมด้วยบาดแผลแห่งความผิดหวัง และได้บทเรียนที่ไม่อยากได้รับ แต่ในเมื่อยังมีจุดอ่อนให้แก้ไขก็ต้องเรียนรู้กันต่อไป ไม่มีอะไรสอนคนได้ดีเท่ากับความผิดหวังอีกแล้ว เพราะคุณจะไม่ลืมมันง่าย ๆ และหลายครั้งคุณจะจำมันไปจนกว่ามันจะได้รับการแก้ไข

VAR เทคโนโลยีบนพื้นฐานวิจารญาณของกรรมการ

ระบบการเล่นเหมือนกันตอนลงสนามในช่วงต้นเกม อาร์เซนอล กระตุ้นกันมาอย่างดี พวกเขามั่นใจจากชัยชนะ 5 เกมติดต่อกัน “เล่นเกมรุกเร็ว ครอบครองเกมให้ได้ และมองหาประตูแรกในเกมนี้” อาร์เซนอล ทำแบบนั้นทั้งหมด และทำได้ด้วยเพียงแต่ว่า VAR ริบประตูของพวกเขาคืนกลับไป และเป็นการทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงอยู่ในเกมนี้ 

Christian Eriksen, Martin Oedegaard
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

จังหวะนี้จะกลายเป็นประเด็นที่ไม่สามารถให้ข้อสรุปได้ว่า มันควรเป็นจังหวะฟาลว์หรือไม่ฟาลว์ ขึ้นกับวิจารณญาณของผู้ตัดสินเท่านั้น และในเกมนี้หากมองกันในจังหวะเกม กรรมการก็ปล่อยให้เกมเดินต่อไปจนเกิดประตูไปแล้ว สุดท้ายเมื่อมาใช้งาน VAR ก็เปลี่ยนการตัดสินอีกครั้ง มันก็กลายเป็นการฟาลว์ในที่สุด เพราะหากว่ากันตามกฎมันก็สามารถให้ฟาลว์ได้เช่นกัน อย่างไรก็ตามมาตรฐานของกรรมการ และการตัดสินของ VAR จะยังคงเป็นประเด็นให้พูดถึงกันอีกเยอะมาก เพราะฟุตบอลเป็นเกมที่มีการปะทะกันตลอดเวลา

คู่กองกลางที่ลงตัว กับ ไม่ลงตัว 

ด้วยระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 เหมือนกันทั้งสองทีมทำให้วันนี้มันเลยมีเรื่องให้พูดถึงพอสมควรระหว่าง คู่กลาง สกอตต์ แมคโทมิเนย์ เล่นร่วมกับ คริสเตียน อิริคเซ่น เจอกับ แซมบี้ โลกอนก้า และกรานิท ชาก้า 

เทน ฮาก เลือกจะดรอป คาเซมิโร่ และเฟร็ด สองกองกลางทีมชาติบราซิลไว้ข้างสนาม และใช้แมคโทมิเนย์ เหมือนลูกหาบ ผึ้งงานที่รู้หน้าที่ตนเองชัดเจน วิ่งไล่บดบังตัดเกม ได้บอลแล้วมองหาเพื่อน และแน่นอนมองหา อิริคเซ่น เพื่อให้นำบอลไปข้างหน้ากระจายบอลกันต่อไป และวันนี้เขาทำงานได้ตามสั่ง อาจจะเล่นไม่ได้สร้างสรรค์เกมบุกอะไร แต่งานในเกมรับเขาชัดเจน เข้าบอลดุ แม้กระทั่งเหนี่ยวรั้งคู่แข่งแบบไม่มีทรงก็ทำ เรียกว่าเป็นคนทำงานสกปรกเพื่อชัยชนะของทีมและการที่เขามาโดนใบเหลืองใบแรกหลังผ่านเกมไปแล้ว 70 นาที ก็ยิ่งเล่นง่าย แถมยังมีการส่งเฟร็ด และ คาเซมิโร่ มาช่วยเขาในช่วงท้ายเกมอีกต่างหาก งานยิ่งเบา

คริสเตียน อิริคเซ่น การกลับมาของเขาสู่สโมสรระดับท็อป เกมนี้เป็นเครื่องการันตีว่าเขายังคงระดับท็อป เซนส์การออกบอล หรือจังหวะหาตำแหน่งตอนไม่มีบอล ทำได้เนียนตาอย่างยิ่ง เป็นวันที่เขากลบรัศมีคู่กลางอาร์เซนอลได้หมดจดโดยเฉพาะการให้บอลจังหวะเดียวของเขา ประตูที่สองของปีศาจแดงก็มาจากการตวัดเร็วไปข้างหน้าให้ บรูโน่ แล้วแทงต่อไปยังแรชฟอร์ด ที่วิ่งทำทางได้ดีมากจนกลายเป็นประตู

Albert Sambi Lokonga, Bruno Fernandes
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

อาร์เตต้า เลือกใช้งาน โลกอนก้า ลงมาแทนที่ของ โธมัส ปาเตย์ และ โมฮาเหม็ด เอลเนนี่ ที่บาดเจ็บ ซึ่งทั้งสองคนเล่นเป็นกองกลางตัวรับ แต่ โลกอนก้า ด้วยธรรมชาติของเขาไม่ใช่กองกลางตัวรับ แต่เล่นในสไตล์ของกองกลางที่กำลังพัฒนาตนเองให้สามารถเป็น Box to Box ในอนาคต การเล่นที่ออกมาของเขาจึงไม่ใช่ตัวรับ แต่เป็นตัวที่คอยเชื่อมเกม รับ-ส่งบอลผ่านไปมา หาจังหวะดันเกมบ้าง แต่ถ้ามองหาลูกหนักตัดเกม หรือการควบคุมจังหวะการออกบอลในการเล่นเกมบุก คือสอบตกทันที การยืนคู่กับ ชาก้า ซึ่งระยะหลังเล่นเป็นตัวบุกมากกว่าเดิม เมื่อไม่มีกองกลางตัวรับคอยคัดท้ายให้ เขาก็ดันสูงไม่ได้แบบที่เคยทำ และกลายเป็นถูกกกลืนหายไปด้วย จนกระทั่งสุดท้าย มิเคล อาร์เตต้า เลือกปรับให้ โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ ขยับมาเล่นตรงกลางคู่กับ โลกอนก้า ก็ทำให้ ชาก้า ดูเป็นคนเดิมแบบหลายเกมก่อนหน้านี้  

ประเด็นของการขาดหายไปของ โธมัส ปาเตย์ เป็นหนึ่งในสิ่งที่จะต้องดำเนินการแก้ไขโดยด่วน เมื่อวันสุดท้ายของตลาดพวกเขาพลาดได้ตัว ดั๊กลาส ลุยซ์ มาร่วมงานด้วย ก็ต้องอยู่กับทีมที่มีอยู่ว่าจะปรับการเล่นอย่างไร เมื่อเขาบาดเจ็บ และคนที่วางไว้เป็นสำรองอย่าง เอลเนนี่ ก็บาดเจ็บด้วย แถมมีโอกาสพักยาวกว่าด้วยซ้ำ

“สมาธิ” และ “รายละเอียด”

ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไรทั้ง 4 ประตูนี้เกิดจากความผิดพลาดของทั้งสองทีมทั้งสิ้น “สมาธิ” เป็นสิ่งที่สำคัญในการตัดสินใจใน “รายละเอียด” การเล่น ซึ่งวันนี้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถฉกฉวยความผิดพลาดได้ดีกว่า อาร์เซนอล เล่นเกมรุกได้อย่างหวือหวามองหาประตูแรกของเกม เมื่อไม่ได้ (จากการโดนริบประตูจาก VAR) พวกเขาเสียสมาธิไปช่วงหนึ่ง และเป็นเกมที่พวกเขาสร้างสรรค์โอกาสจบสกอร์ได้อย่างมากมาย แต่สุดท้ายเมื่อถึงช่วงสำคัญทั้งประตูที่พวกเขาได้มา และสามประตูที่พวกเขาเสียไป มาจากเรื่องของสมาธิล้วน ๆ 

ประตูแรกของแมนฯ ยูไนเต็ด : การเข้าบอลของ กาเบรียล ใส่ บรูโน่ ล้มลง กลายเป็นจังหวะได้เปรียบที่กรรมการปล่อยเกม ส่วนกาเบรียล มัวแต่หันไปพยายามบอกกรรมการว่าไม่ฟาลว์ กลายเป็นจังหวะชะงักเพียงเสี้ยววินาที บอลมาถึง ซานโช่ ต่อให้ แรชฟอร์ด กลางประตู และ ซินเชนโก้ แบ็คซ้ายเลือกจะปล่อยแอนโทนี่ตัวประกอบ เพื่อวิ่งมาบล็อคแรชฟอร์ดที่อาจเลือกยิงประตู แต่กลายเป็นออกบอลให้ แอนโทนี่ เติมเข้าไปยิงประตูแรกของเกม

ประตูตีเสมอของอาร์เซนอล : การเสียบอลกลางสนามในจังหวะจะเซตเกมบุกของเจ้าบ้าน กลายเป็นบอลมาถึงเออดการ์ด และการดันขึ้นสูงและลงปิดพื้นที่ไม่ทันของ ราฟาแอล วาราน กลายเป็นช่องว่างที่บอลทะลุไปถึง เฆซุส ที่แม้จะยิงไม่ได้แต่ก็มาเข้าทาง ซาก้า ยิงเข้าไป

ประตูที่สองของแมนฯ ยูไนเต็ด : โลกอนก้า ออกบอลไปข้างหน้าจะให้กับ เฆซุส กลายเป็นเสียบอล อิริคเซ่นตวัดจังหวะเดียว ให้กับ บรูโน่ ตรงพื้นที่ว่างที่กองกลางอาร์เซนอลไม่ได้บีบพื้นที่เข้าไป กลายเป็นช่องว่างใหญ่ระหว่างคู่กองหลังตัวกลางที่แรชฟอร์ด ใช้ความเร็ววิ่งแซงแนวรับอันประกอบไปด้วย กาเบรียล ซึ่งอยู่ห่างจากบอล วิ่งไล่ยังไงก็ไม่ทัน, ซาลิบา ที่เพิ่งจะพลิกตัวเพื่อวิ่งไล่ตามในจังหวะที่บอลออกจากเท้าบรูโน่ไปแล้ว และ ไวท์ ที่เจอความเร็วของแรชฟอร์ดวิ่งนำหน้าไป บวกกับบอลที่เข้าทางแรชฟอร์ดมากกว่าเข้ายิงประตู

Marcus Rashford
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Michael Regan/GettyImages

ประตูที่สามของแมนฯ ยูไนเต็ด : การเปลี่ยนตัวพร้อมกันสามคนของอาร์เซนอล ซึ่งเลือกใช้งาน เอมิล สมิธ โรว์, ฟาบิโอ วิเอร่า และ เอ็ดดี้ เอนเคเธีย ลงสนามมาแทนที่ของ โลกอนก้า, ซินเชนโก้ และ เออเดการ์ด มองกันตามตำแหน่งนี่คือการเปลี่ยนทั้งผู้เล่น และแผนการยืนตำแหน่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งนักเตะอาร์เซนอล เสียสมาธิอีกครั้งกับการเซตการยืนตำแหน่งไปด้วยเล่นไปด้วย จังหวะประตูที่สาม เหมือนเดิมกับประตูที่สอง เมื่อกองกลางซึ่งก็ไม่มีเชิงรับอยู่แล้วด้วยส่วนหนึ่ง การยืนตำแหน่งที่ถอดกองกลางออกสองคน ใส่กลางรุกเพิ่มสองคน [สมิธ โรว์, ฟาบิโอ วิเอร่า] กลายเป็นความสับสนในช่วงเวลานั้น และกลายเป็นช่องว่างในการเข้าทำของทีมเจ้าบ้าน ก่อนที่จะจบด้วยการยิงประตู ประตูที่สามนี้ ฝังกลบอาร์เซนอลทันที

15 นาทีสุดท้าย กับชัยชนะเบ็ดเสร็จของปีศาจแดงที่ปืนใหญ่มอบให้

ประตูนำห่าง 3-1 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่จำเป็นต้องเร่งเกมอะไรทั้งสิ้น กลายเป็นอาร์เซนอลที่พยายามกลับสู่เกมให้ได้อีกครั้ง และ ณ เวลานั้น เรื่องของ “สมาธิ”และ “ประสบการณ์” สำคัญอย่างยิ่ง อาร์เซนอล ที่เล่นแบบมีระบบมาตลอด 75 นาที กลายเป็นการเล่นแบบส่วนตัวมากกว่าส่วนรวม หลายเพลย์ออกบอลกันผิดพลาด หลายเพลย์จบด้วยการฝืนยิงไกล มันเป็นเจตนาที่ดีของผู้เล่น แต่มันไม่ได้อยู่บนการตัดสินใจที่ดีที่สุดของผู้เล่นอย่างแน่นอน

Tyrell Malacia, Bukayo Saka
Manchester United v Arsenal FC - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

ภาพของซาก้าที่โดนใบเหลืองจากการเตะ ไทเรลล์ มาลาเซีย เป็นการฟาลว์หนักที่น้อยครั้งจะเห็นปีกดาวรุ่งคนนี้เสียอาการเช่นนี้ บ่งบอกถึงความผิดหวัง และหงุดหงิดใจที่ “อยากทำได้แต่ทำไม่ได้” ออกมาอย่างชัดเจน สะท้อนถึงความผิดหวังของทั้งทีมได้เป็นอย่างดี

"เมื่อไม่มีสมาธิ เมื่อไม่มีคำว่าทีม โอกาสกลับมาก็ไม่เกิน 0 % และจบด้วยความพ่ายแพ้ของอาร์เซนอล"

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลับมาสู่เส้นทางสวย ๆ กับชัยชนะ 4 เกมติดต่อกัน พวกเขาจะฮึกเหิมแน่กับการเล่นในบ้านที่พวกเขาเริ่มมั่นใจมากขึ้น ส่วนอาร์เซนอล แม้จะเป็นจ่าฝูงอีกสัปดาห์ แต่ความเชื่อมั่นจะถูกบั่นทอนลงอย่างแน่นอน แต่ฤดูกาลนี้ยังเพิ่งเริ่มต้นขึ้นเท่านั้น

เทน ฮาก พิสูจน์ให้เห็นบ้างแล้วว่าคุณภาพของเขามีมากน้อยแค่ไหน ขณะที่ อาร์เตต้า ก็ทำให้เห็นเช่นกันว่าเกือบสามปีที่เข้ามาทำงาน เขาทำให้อาร์เซนอล กลายเป็นทีมที่กระหายชัยชนะ ด้วยระบบการเล่นที่ชัดเจน ขับเคลื่อนด้วยพลังหนุ่มของทีม ใจสู้แม้ต้องตามหลัง แม้ว่าช่วงท้ายเกมนี้จะสะเปะสะปะไปหน่อยก็ตาม แต่ก็ไม่ถอดใจ

จนกว่าจะพบกันอีกครั้งที่ เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม ทั้งสองทีมยังมีงานอะไรต้องไปทำกันอีกมาก เพื่อเป้าหมายที่วางไว้ แต่หากฝันของทั้งสองสโมสรคืออะไรที่มันใหญ่กว่าการไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาลหน้า งานคงต้องเพิ่มจากที่คิดไว้อีกหลายเท่าทีเดียว