3 นัดเพื่อ 3 แชมป์ : กาปฏิทินล็อกวัน แมนฯ ซิตี้ ปิดจ๊อบคว้าโทรฟี่ประวัติศาสตร์ - FEATURE
ใกล้เข้ามาอีกนิด ชิดเข้ามาอีกหน่อย สวรรค์น้อยๆ ของการฟาด "ทริปเปิ้ลแชมป์" สำหรับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ กำลังใกล้เคียงความเป็นจริงมากขึ้นทุกขณะแล้ว
ให้หลังจากฟอร์มระดับมาสเตอร์คลาส กะซวกยอดทีมอย่าง เรอัล มาดริด แบบกลับบ้านไม่ถูก 4-0 ชนิดน่าขึ้น 6 เม็ด 7 เม็ดเอาด้วยซ้ำนั้น ก็ทำให้ แมนฯ ซิตี้ พาตัวเองเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เป็นครั้งที่ 2 จาก 3 ปีหลัง
ว่าแล้ว ลองไปดูกันหน่อยว่า "คิวฟาดแชมป์" ทั้ง 3 รายการของทัพเรือใบสีฟ้า ถูกวางไว้วันไหนและอย่างไรกันบ้าง
อาทิตย์ 21 พฤษภาคม : ชี้แชมป์ พรีเมียร์ลีก
เริ่มต้นที่สุดสัปดาห์นี้เลย กับแชมป์รายการแรกสุดที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และชาวคณะ จะสามารถปิดบัญชีได้ตั้งแต่เนิ่นๆ
วันอาทิตย์นี้ 4 ทุ่ม แมนฯ ซิตี้ จะเปิดรังรับมือ เชลซี ทีมใหญ่จากกรุงลอนดอน ที่ตอนนี้...เหลือใหญ่ก็แค่ชื่อเท่านั้น
อย่างที่คงทราบกันแล้ว การที่ แมนฯ ซิตี้ ทิ้งระยะนำหน้า อาร์เซน่อล 4 แต้ม และทีมปืนใหญ่เหลือคิวเตะแค่ 2 เกมสุดท้าย ทำให้ทัพเรือจะผงาดแชมป์ พรีเมียร์ลีก 3 ปีซ้อนทันทีที่ชนะเกมนี้
และเมื่อมองจากตรงนี้ แง่มุมที่จะเป็นอื่นนอกเหนือจาก "แมนฯ ซิตี้ ผ่านสบาย" ก็ดูว่าเกิดขึ้นได้ยากเหลือเกิน เพราะ
- - แมนฯ ซิตี้ กำลังคึกจากชัยชนะเหนือ เรอัล มาดริด 4-0
- แมนฯ ซิตี้ ชนะเกมเหย้ามา 15 นัดติดต่อกัน นับรวมทุกรายการ
- ในจำนวนนี้ มีเกมถลุง เชลซี 4-0 ใน เอฟเอ คัพ ด้วย
- เชลซี ยุค แฟร้งค์ แลมพาร์ด 2.0 เตะ 8 นัด ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 6
- ปัญหาบาดเจ็บกำลังกัดกิน เชลซี อยู่ โดยจะขาดทั้ง เอ็นโกโล่ ก็องเต้, มาเตโอ โควาซิช, รีซ เจมส์, เบน ชิลเวลล์, คาลิดู คูลิบาลี่ และ เมสัน เมาท์ ที่ทั้งหมดคือ "ตัวจริง" ในวันที่ฟิตพร้อม
- พบกันแล้วถึง 3 นัดซีซั่นนี้ : คาราบาว คัพ แมนฯ ซิตี้ กินนิ่ม 2-0, ในลีก แมนฯ ซิตี้ บุกชนะ 1-0, เอฟเอ คัพ แมนฯ ซิตี้ ขยี้ 4-0
- ริยาด มาห์เรซ ยิง เชลซี ไป 4 ประตูจาก 3 เกมที่ว่า
- เออร์ลิ่ง เบราท์ ฮาแลนด์ ยิงแล้ว 52 ประตูในทุกถ้วย (36 ในลีก) และคงกะระบายอารมณ์ใส่ เชลซี เต็มเหนี่ยว หลังโอกาสทอง 3 หนถูกปัดป้องไว้โดยอดีตนายประตูเชลซีอย่าง ติโบต์ กูร์กตัวส์ ในเกมเมื่อวันพุธ
หรือ...
แมนฯ ซิตี้ จะการันตีแชมป์โดยไม่ต้องลงเตะนัดนี้ให้เสียเหงื่อ หากว่า อาร์เซน่อล ออกไปแพ้ น็อตติ้งแฮม ฟอเรสต์ ในคู่ดึก 5 ทุ่มครึ่งคืนวันเสาร์ -- ซึ่งเมื่อสองเกมเหย้าหลัง ฟอเรสต์ เปิดบ้านสยบทั้ง ไบรท์ตัน 3-1 และ เซาแธมป์ตัน 4-3 ทำไมจะเฮต่ออีกสักนัด ไม่ได้
และหากว่าผลเข้ามือเรือใบสีฟ้า พรีเมียร์ลีก ก็จะมอบถ้วยแชมป์ให้พวกเขาขึ้นแท่นฉลองกันทันทีหลังจบเกมกับ เชลซี ในฐานะที่เกมนี้คือนัดเหย้าสุดท้ายของซีซั่น หาไม่แล้ว ก็ต้องรอไปฉลองนอกบ้าน เกมปิดซีซั่นที่ เบรนท์ฟอร์ด แทน
เสาร์ 3 มิถุนายน : ชิงแชมป์ เอฟเอ คัพ
ขึ้นอยู่กับผลของสุดสัปดาห์นี้เป็นสำคัญ ว่าจะทำให้ แมนฯ ซิตี้ มีระยะพักแข้งมากน้อยแค่ไหนก่อนถึงเกมชิงดำ เอฟเอ คัพ ต้นเดือนหน้า เสาร์ 3 มิ.ย.
เพราะถ้า พรีเมียร์ลีก คลี่คลายลงในวันอาทิตย์ จะเท่ากับ 2 นัดสุดท้ายที่เหลือ (ตกค้างกับ ไบรท์ตัน, บุกเยือน เบรนท์ฟอร์ด) ไม่เหลือความหมายอันใดอีก เป๊ป สามารถส่งสำรองหรือดาวรุ่งทีมเยาวชนลงได้ตามใจ จะปล่อยแข้งชุดใหญ่ออกพักร้อนคลายเครียดสักสี่ซ้าห้าวันแล้วค่อยกลับมาเตรียมทีมอีกทีก็ยังไหว
ทั้งนี้ แม้การเจอกันล่าสุดจะเป็น แมนฯ ยูไนเต็ด ที่โค่นเรือลงได้ 2-1 ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด (14 ม.ค.) แต่ภาพรวมการพบกันของคู่นี้ในหลายปีหลัง ก็ยังคงเป็น แมนฯ ซิตี้ ที่ข่มอยู่ดี -- 7 นัดหลัง เรือชนะ 4 ผีชนะแค่ 2
ในชัยชนะ 4 เกมนั้น ก็ยังมีเกมที่ยิงถล่มขาดลอยอย่าง 6-3 ตอนต้นซีซั่นนี้ (ฮาแลนด์ กับ ฟิล โฟเด้น จัดคนละแฮตทริก) หรือ 4-1 ซีซั่นที่แล้ว (มาห์เรซ กับ เควิน เดอ บรอยน์ คนละสอง) อยู่ด้วย
ที่สำคัญ เป๊ป ยังเคยประกาศไว้แล้วด้วยว่า ปีนี้ ถ้วยนี้ "เน้น" นะ อย่าให้พลาด
นั่นเพราะ เอฟเอ คัพ เป็นรายการที่ไม่ค่อยจะเข้ามือ แมนฯ ซิตี้ สักเท่าไร สถิติสโมสรคือ 6 สมัย แต่ในยุคลืมตาอ้าปาก 15 ปีหลังมานี้ พวกเขาได้แชมป์ เอฟเอ คัพ แค่ 2 หนเท่านั้น
ยิ่งในยุคของ เป๊ป 2016 เป็นต้นมา โค้ชสแปนิชได้ถ้วยนี้ครั้งเดียวโดดๆ คือปี 2019 ที่เหมา 4 แชมป์ในประเทศ แต่นอกนั้น ตกรอบตัดเชือกมาถึง 4 หนทีเดียว
การสั่งเน้นของ เป๊ป ทำให้เส้นทางใน เอฟเอ คัพ ซีซั่นนี้ของพวกเขา ออกมาเป็น...
- รอบ 3 ชนะ เชลซี 4-0
รอบ 4 ชนะ อาร์เซน่อล 1-0
รอบ 5 ชนะ บริสตอล ซิตี้ 3-0
รอบ 8 ทีม ชนะ เบิร์นลี่ย์ 6-0
ตัดเชือก ชนะ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด 3-0
ชนะ 5 นัดซ้อน พังตาข่ายรวม 17 เม็ด และไม่เสียประตูเลยซักกะลูก!
เสาร์ 10 มิถุนายน : ล่าแชมป์ยุโรปที่ตามหา
สำคัญสุดคือถ้วยนี้
เพราะในขณะที่ พรีเมียร์ลีก ฟาดมาแล้ว 4 สมัย กำลังจะเป็นรอบที่ 5 หรือ เอฟเอ คัพ ก็มีติดมือแล้วอย่างน้อย 1 หน ทางฝั่ง ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ยังคงเป็นถ้วยที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ไม่อาจบันดาลให้แควนๆ และท่านๆ City Football Group Limited ได้ฉีกยิ้มกว้างสักครั้ง
ใกล้เคียงสุดคือ 2 ปีก่อนที่ปอร์โต้ ซึ่งความผิดพลาดในเกมรับเรือเปิดช่องให้ ไค ฮาแวร์ตซ์ พาบอลไปล็อกหลบ เอแดร์ซอน โมราเอส ก่อนยิงเข้าไปนิ่มๆ พร้อมกันกับที่เกมรุกของทัพเรือ ไม่อาจเจาะผ่าน อันโตนิโอ รูดิเกอร์ - ติอาโก้ ซิลวา - เซซ่าร์ อัซปิวิกวยต้า เข้าไปหาโอกาสจบถนัดถนี่ได้เลย
เชลซี เป็นเจ้ายุโรปสมัย 2 ในวันนั้น ส่วน แมนฯ ซิตี้... รักครั้งแรก หัวใจก็แตกสลาย
มาคราวนี้ หลายฝ่ายเชื่อว่า คงไม่น่าออกรูปเดิมซ้ำอีก
โดยเฉพาะเมื่อคู่ชิงเปลี่ยนจากทีมแข็งโป๊กร่วมพรีเมียร์ลีก มาเป็นตัวแทนจากอิตาลี ที่ผ่านเข้ามาถึงตรงนี้ได้แบบเซอร์ไพรส์อย่าง อินเตอร์ มิลาน
ตรวจเช็กอัตราพูลเมืองนอก--ที่เป็นเสมือนตัวบอก "ทิศทางลม" จะเห็นชัด
ว่าในขณะที่ อินเตอร์ มิลาน มีเรตแชมป์อยู่ที่ 10/3 (สกาย เบท) หรือจ่ายตอบแทน 3.3 เท่า จากเงินลงทุนนั้น
แมนฯ ซิตี้ มีเรตแชมป์กดต่ำสุดๆ ไปเลยเพียง 1/5 หรือจ่ายตอบแทนเพียง 0.2 เท่า เท่านั้นเอง
อธิบายอย่างเห็นภาพคือ ถ้าคุณมีเงินอยู่ 100 บาท เลือกจิ้มฝั่ง อินเตอร์ เป็นแชมป์ ชปล. จะได้เงินตอบแทนทั้งหมดถึง 433 บาท แต่ถ้าเลือกฝั่ง แมนฯ ซิตี้ แล้ว จะทำเงินให้คุณได้แค่ 120 บาทเท่านั้น
นี่คือข้อแตกต่างที่ห่างมาก ผ่านการประเมินของร้านพูลผู้คร่ำหวอด
อีกทั้งถ้าตรวจสอบหมวด Correct Score แล้ว จะพบว่า ชัยชนะนิ่มๆ ใน 90 นาทีของ แมนฯ ซิตี้ ที่ 2-0 กลายเป็นสกอร์ที่มีเรตจ่ายตอบแทนต่ำสุดแค่ 6/1 หรือก็คือ "เป็นไปได้มากสุด" ในสายตาพวกเขา นั่นเอง (ส่วน 1-0 ของงูใหญ่อยู่ที่ 22/1 และ 2-0 ราคาดีถึง 55/1)
"เรามาถึงตรงนี้กันแล้ว เท่ากับนักเตะสามารถคิดถึงมันได้ จินตนาการถึง 'ทริปเปิ้ลแชมป์' ได้แล้ว" เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ว่าแบบไม่เม้ม "เราเหลือเกม 3 นัดให้จัดการ คืออย่างละ 1 ในแต่ละถ้วย"
"เราสามารถทำได้!"
ชัดเจนว่าหลังจากไล่ขยำขยี้ เรอัล มาดริด จนขรี้แตก 4-0 ความมั่นใจของ แมนฯ ซิตี้ ก็อยู่ในระดับล้นปรี่ ชั่วโมงนี้ให้เตะกับมนุษย์ต่างดาวก็ไหว
แต่จะทำได้จริงหรือไม่ ก็ต้องร่วมจับตาดูไปพร้อมกัน -- เริ่มตั้งแต่อาทิตย์นี้เป็นต้นไป
จนไปถึงศึกตัดสินสุดท้าย เสาร์ 10 มิ.ย. ภาพตอนจบที่ อตาเติร์ก โอลิมปิก สเตเดี้ยม ณ นครอิสตันบูล ประเทศตุรกี จะเต็มไปด้วยสีฟ้าฟุ้งกระจายทั่วพื้นที่ หรือออกดำๆ คล้ำๆ น้ำเงินๆ กันแน่...