บันทึกเป็นความทรงจำ: 20 พฤษภาคม วันประกาศ 'บทสรุป' พรีเมียร์ลีก 2022/23 - FEATURE

Nottingham Forest v Arsenal FC - Premier League
Nottingham Forest v Arsenal FC - Premier League / Marc Atkins/GettyImages
facebooktwitterreddit

แม้อาจเป็นการทำให้ไคลแม็กซ์ไม่เกิดขึ้นในวันสุดท้าย ไม่ต้องรอจนถึงวันปิดจบฤดูกาล อาทิตย์ 28 พ.ค. แต่สิ่งที่เกิดขึ้นของเกมรองสุดท้าย เสาร์ 20 พ.ค. ก็เป็นอะไรที่ควรจดจำและบันทึกไว้ โทษฐานของการเป็นวัน "ประกาศบทสรุป" เห็นดำเห็นแดง เห็นแชมป์เห็นช้ำกันเป็นที่เรียบร้อย และแบบที่สะเด็ดสะเด่าไฟลุกไฟแล่บสมกับการเป็น พรีเมียร์ลีก อย่างยิ่งด้วย


หัวค่ำ : แผลสดแผลเปื่อยของ สเปอร์ส

อันที่จริง สิ่งที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ เป็นมาตลอดซีซั่น ก็ไม่ได้ต่างจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หรือ ลิเวอร์พูล มากนัก

ในแง่ของความตรงกันข้าม ระหว่าง "เหย้า" กับ "เยือน"

เพราะก่อนจะถึงเกมล่าสุดนี้ ความเสื่อมโทรมที่เป็นมาทั้งกับช่วงเวลาของ อันโตนิโอ คอนเต้ / คริสเตียน สเตลลินี่ และ ไรอัน เมสัน ล้วนแต่จำกัดอยู่ที่ผลงาน "เกมเยือน" ที่แพ้มาถึง 5 จาก 7 เกมหลังสุด และชนะได้แค่แมตช์เดียวถ้วน (1-0 ฟูแล่ม ที่คราเวน ค็อตเทจ) จากระยะ 9 เกมเยือนล่าสุด

ส่วนในเกมเหย้าที่ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ สเตเดี้ยม เป็นภาพที่ต่างไป กับการที่ ไก่เดือยทอง ชนะได้เป็นเรื่องปกติ -- 8 เกมเหย้าหลังสุดในลีก ชนะได้ถึง 6 เว้นที่ว่างให้ผลเสมอกับแพ้แค่อย่างละหนึ่ง ซึ่งเกมเหย้านี่เองก็คือเหตุผลที่ช่วยให้ สเปอร์ส เกาะติดท็อปโฟร์อยู่พักใหญ่ก่อนนี้

แต่นั่นไม่ใช่กับเกมนี้ เกมที่แผลสดแผลเปื่อยของ สเปอร์ส ถูกเปิดออกมาอย่างหมดเปลือก

ต้องถือว่าพวกเขาเริ่มต้นได้ดี กับโอกาสจบหนแรกๆ ของเกมที่กลายเป็นประตูนำ เบรนท์ฟอร์ด ทันที กับฟรีคิกเปลี่ยนจุดของ แฮรรี่ เคน ที่พุ่งเข้าเสยตาข่ายอย่างสุดงาม

แต่จากนั้น ปัญหาก็ค่อยๆ เผยตัวมาทีละอย่าง ไม่ว่าจะ

1) หน้าทื่อ

โอกาสจบที่มีมาไม่น้อย ไม่อาจเปลี่ยนเป็นสกอร์เพิ่มได้ หนึ่งคือต้องชม ดาบิด ราย่า และอีกหนึ่งก็คือต้องติงทั้ง เคน, คูลูเซฟสกี้, ดันยูม่า, ซน ฮึง-มิน โดยเฉพาะรายหลังสุดที่ต้องยอมรับว่า ฟอร์มหลุดมาตลอดซีซั่น ต่างไปจากปีก่อนที่พีคถึงขั้นเป็นดาวซัลโวร่วม

2) เสียง่าย

เริ่มต้นครึ่งหลังแค่ 5 นาที ก็โดนแล้วจากจังหวะล็อกยิงไม่ซับซ้อนของ ไบรอัน เอ็มเบโม่ ตามด้วยนาที 62 ที่สกอร์ถูกพลิกเป็นผู้มาเยือนนำ 2-1

และ 3) พลาดแบบน่าโดนด่า

กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแล้วก็ยังไม่จำ จากบอลทุ่มในแดนตัวเองที่ไม่ควรมีอะไร โอลิเวอร์ สคิปป์ โดนฉกจากข้างหลัง จบที่ โยอัน วิสซ่า เช็คบิลปิดเกม 3-1

นี่คือผลลัพธ์และภาพที่อธิบายความเป็น สเปอร์ส 2022/23 ได้อย่างดีเยี่ยม

ซีซั่นนี้ที่ยังคงเหลือ 1 เกมสุดท้าย (เยือน ลีดส์) ถ้ายังหวังโควตาบอลยุโรปถ้วยเล็กสุด นอกจากต้องชนะแล้ว ก็ต้องลุ้นผลของ แอสตัน วิลลา ควบคู่ไปด้วย

Harry Kane
Tottenham Hotspur v Brentford FC - Premier League / Craig Mercer/MB Media/GettyImages

สามทุ่ม : แมนฯ ยูไนเต็ด (เกือบ) ยึดตั๋ว ชปล.

ถัดจากคู่หัวค่ำที่ใส่กันยับแล้ว เซ็ตคู่ 3 ทุ่มก็ควรเป็นอะไรที่เรียกว่า "เมนคอร์ส" บ่งชี้ความเป็น พรีเมียร์ลีก ได้อย่างดีเยี่ยม โดยไม่ต้องพูดถึงคู่ ฟูแล่ม 2-2 คริสตัล พาเลซ ก็ได้ เมื่อต่างเป็นทีมกลางตารางลอยตัวไม่มีลุ้นอะไรแล้วทั้งคู่ แต่ยังอุตส่าห์ซัดกันนัวจนมีถึง 4 ประตู

สามทุ่มสิบ : กาเซมิโร่ ลอยตัวฟาดลูกดังเปรี้ยง จมตาข่าย บอร์นมัธ พา แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับนำเร็ว 1-0 ในเพียงนาทีที่ 9

สามทุ่ม 22 : อิบราฮิมา โกนาเต้ ทำเสียจุดโทษ แต่ ลิเวอร์พูล รอดตัวไปเมื่อ โอลลี่ วัตกิ้นส์ กดจุดโทษหลุดเสาอย่างเสียฟอร์ม

สามทุ่ม 28 : คราวนี้ ลิเวอร์พูล ไม่รอดแล้ว จังหวะ เจค็อบ แรมซี่ย์ สอดเข้าชาร์จเสาไกลพา แอสตัน วิลล่า ขยับนำ 1-0 น.27 ที่แอนฟิลด์

สามทุ่ม 34 : ฮวาง ฮี-ชาน ตวัดยิงเข้าไปให้ วูล์ฟแฮมป์ตัน นำหน้า เอฟเวอร์ตัน 1-0 น.34

สี่ทุ่มสิบ : โคดี้ กัคโป ซัดเข้าข้อเสียบตาข่ายให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 1-1 แต่กลายเป็นการเฮเก้อไปเสียเมื่อ VAR จับล้ำหน้าตัวจ่าย เฟอร์จิล ฟาน ไดค์

สี่ทุ่ม 40 : หลังจากโอกาสจบเฉี่ยวไปเฉี่ยวมาอยู่ตลอด ดาบิด เด เคอา ต้องเซฟช่วยปีศาจแดงไว้ 2-3 หน แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตรึงสกอร์จนจบเกมด้วยชัยชนะ 1-0 ซึ่งถ้า ลิเวอร์พูล ตามทวงคืน แอสตัน วิลล่า ไม่ได้ การแย่งชิงตั๋ว ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จะจบลงตรงนี้

สี่ทุ่ม 50 : โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ กระโดดทิ่มลูกเปิดของ โม ซาลาห์ เข้าไปให้ ลิเวอร์พูล ตีเสมอ 1-1 น.89 เป็นประตูสั่งลาการเล่นในแอนฟิลด์ของหอกแซมบ้า

ห้าทุ่ม : เกมที่ กูดิสัน พาร์ค ทดเจ็บ 9 นาที และเฮือกสุดท้ายของการเล่น ไมเคิ่ล คีน เขี่ยมาให้ เยร์รี่ มิน่า เข้าชาร์จจ่อๆ เป็นประตูตีเสมอ 1-1 หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีเกมก็จบลง เอฟเวอร์ตัน ได้ 1 แต้มจากเกมนี้ แม้อาจไม่ดีนักแต่ก็ดีกว่าแพ้ซะอีกเกม

ห้าทุ่มเศษ : หลังจากทดเจ็บ 10 นาทีถ้วน ลิเวอร์พูล ที่โถมเกมเข้าใส่ แอสตัน วิลล่า ตลอดช่วงท้าย ก็ไม่อาจบวกเม็ดสองเพิ่มได้ จบเกมไปที่ผลเสมอ 1-1 จนเป็นการสะดุดหนแรกถัดจากชนะมาถึง 7 เกมซ้อน

ห้าทุ่มกว่า : เมื่อเกมที่แอนฟิลด์จบที่ 1-1 เท่ากับ แมนฯ ยูไนเต็ด "ยังไม่ได้ไป" ชปล. ด้วยช่องห่างที่ลดมาเหลือ 3 แต้ม และยังต้องการคะแนนจากเกมตกค้างกับ เชลซี พฤหัสบดี 25 พ.ค. รวมถึงนัดปิดซีซั่นกับ ฟูแล่ม แม้จะขอแค่ "หนึ่งแต้มจาก 2 เกมท้าย" เท่านั้นเป็นอันจบ ก็ตาม

Bruno Fernandes
AFC Bournemouth v Manchester United - Premier League / Michael Steele/GettyImages

คู่ดึก : แชมป์หลุดมือปืน และทีมตกชั้น... ไม่ เลสเตอร์ ก็ เอฟเวอร์ตัน !

ท่ามกลางการมองกันแบบ "เสียงแตก" ว่า...

1) ปืนมา

ฐานเป็นเกมที่บังคับชนะสถานเดียว ไม่อาจเป็นอื่นได้ทั้งนั้นสำหรับ อาร์เซน่อล ด้วยเหตุนี้แม้ว่า ฟอเรสต์ จะชนะเกมเหย้ามา 2 นัดซ้อน ก็คงต้านทาน อาร์เซน่อล ได้ลำบาก

หรือไม่ก็ 2) ปืนแตก

อาร์เซน่อล เพิ่งเตะหลุดหนักมากกับการแพ้ ไบรท์ตัน คาบ้าน 0-3 ขณะเดียวกัน ฟอเรสต์ กำลังมั่นใจ สองเกมเหย้าหลังเปิดบ้านสยบทั้ง ไบรท์ตัน 3-1 และ เซาแธมป์ตัน 4-3 ทำไมจะเฮต่ออีกสักนัด ไม่ได้

ท้ายสุด ผลของเกมที่ ซิตี้ กราวนด์ กลับออกชอยส์ 2 อย่างน่าเจ็บปวดแทนแฟนๆ ปืนใหญ่

ด้วยปัญหาบาดเจ็บของ วิลเลี่ยม ซาลิบา ที่ป่านนี้ก็ยังกลับมาไม่ได้ และฟอร์มหลุดๆ ของ ร็อบ โฮลดิ้ง ที่ถูกดร็อปสำรองไปแล้ว ทำให้ มิเกล อาร์เตต้า วางหมากหลังบ้านแบบแปลกประหลาด เบน ไวท์ หุบเข้ายืนเซนเตอร์คู่ กาเบรียล มากัลเยส พร้อมถ่าง ยาคุบ กิวิออร์ ออกแบ็กซ้าย และ โธมัส ปาร์เตย์ ถอยยืนแบ็กขวา

ภาพที่เห็นคือความสับสนไม่ลงตัวอย่างรุนแรง ซึ่ง ฟอเรสต์ ก็ฉวยจุดนี้เข้าไปพังตาข่ายนำ 1-0 แบบไม่นานนัก น.19 จากหัวหอกนักกล้าม ไทโว่ โอโวนิยี่

ประเด็นก็คือ อีกหลายสิบนาทีที่เหลือ อาร์เซน่อล ไม่อาจฝ่ากำแพงเกมรับเจ้าถิ่นเข้าไปทวงสกอร์คืนได้เลย ทั้งที่ก็ใช่ว่า เคย์เลอร์ นาวาส จะต้องออกแรงเซฟอะไรมาก -- ตลอดเกม อาร์เซน่อล ยิงตรงกรอบ 3 หนเท่านั้นเอง

เมื่อออกรูปนี้ก็ไม่มีคดีพลิกอะไรทั้งนั้น และการช่วงชิงแชมป์ พรีเมียร์ลีก 2022/23 ปรากฏบทสรุปเรียบร้อยเอาในเกมรองสุดท้ายของซีซั่น -- แมนฯ ซิตี้ ผงาดบัลลังก์ 3 ปีซ้อน และแชมป์สมัยที่ 5 จาก 6 ปีหลัง

เวลาเดียวกัน สิ่งสำคัญก็คือ ฟอเรสต์ ชนะเกมเหย้า 3 นัดซ้อน โกยแต้มเพิ่มเป็น 37 คะแนน... ขาดลอยแล้ว ฟอเรสต์ ไม่ตกชั้น

นี่คือท้ายตารางพรีเมียร์ลีก หลังผ่านเกมวันอาทิตย์

อันดับ

เตะ

แต้ม

16. ฟอเรสต์

37

37

17. เอฟเวอร์ตัน

37

33

18. ลีดส์

37

31

19. เลสเตอร์

36

30

20. เซาแธมป์ตัน

37

24

ตัด เซาแธมป์ตัน ที่ตายสนิทไปแล้ว และ ฟอเรสต์ ที่พ้นน้ำแล้ว จึงเท่ากับเหลือ เอฟเวอร์ตัน - ลีดส์ - เลสเตอร์ สามทีมต้องไปหนีตายกันใน 2 โควตา

และใช่ สำคัญคือ ระหว่างทีมเก่าแก่ ยืนระยะลีกสูงสุดมา 69 ปีอย่าง เอฟเวอร์ตัน กับแชมป์พรีเมียร์ลีกเมื่อ 7 ปีก่อน เลสเตอร์ จะมีทีมใดทีมหนึ่งที่ตกเหวไปอย่างแน่นอน

หรือร้ายที่สุด ก็กอดคอร่ำไห้ตกชั้นไปด้วยกันทั้งคู่!

Manchester City Fans Celebrate Winning The Premier League Title
Manchester City Fans Celebrate Winning The Premier League Title / James Gill - Danehouse/GettyImages