ย้อนรอยผลงาน 15 กุนซือ เชลซี ยุค โรมัน อบราโมวิช ใครรุ่ง ใครร่วง ? - FEATURE

  • โรมัน อบราโมวิช เข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี เมื่อปี 2003
  • มหาเศรษฐีชาวรัสเซียใช้งานกุนซือไปถึง 15 รายตลอดเกือบ 2 ทศวรรษ
  • การมาของเขาสามารถยกระดับให้ สิงโตน้ำเงินคราม กลายเป็นทีมหัวแถวของยุโรป

Crystal Palace v Chelsea
Crystal Palace v Chelsea / Phil Cole/GettyImages
facebooktwitterreddit

ย้อนกลับไปสมัยที่ โรมัน อบราโมวิช มหาเศรษฐีชาวรัสเซียเข้ามาเทคโอเวอร์ เชลซี สโมสรยักษ์ใหญ่แห่งศึก พรีเมียร์ลีก อังกฤษ เมื่อปี 2003 นั้น เขาทำให้พลพรรค “สิงโตน้ำเงินคราม” กลายเป็นทีมที่ประสบความสำเร็จมากมาย

อย่างไรก็ตาม อบราโมวิช ถือเป็นหนึ่งในเจ้าของทีมที่ใช้กุนซือเปลืองที่สุด และวันนี้เราจะพาไปย้อนดูผลงานกุนซือทั้ง 15 ราย ในยุคที่ “เสี่ยหมี” นั่งเก้าอี้ประธานสโมสรว่าใครอยู่ในตำแหน่งได้นานที่สุดกับ...

ย้อนรอยผลงาน 15 กุนซือ เชลซี ยุค โรมัน อบราโมวิช


1. เคลาดิโอ รานิเอรี่ (กันยายน ปี 2000 - พฤษภาคม ปี 2004)

โค้ชจอมเก๋าชาวอิตาเลียน กำลังคุม เชลซี ตอนที่ อับราโมวิช เข้ามาซื้อสโมสรในช่วงซัมเมอร์ปี 2003 แต่  รานิเอรี่ ได้โอกาสทำงานต่อไปอีกเพียงปีเดียวเท่านั้น และหลังพา “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้ารองแชมป์พรีเมียร์ลีก เขาก็โดนไล่ออกในปี 2004

 น่าเสียดายที่ รานิเอรี่ ไม่สามารถคว้าแชมป์ร่วมกับ เชลซี ได้เลยแม้แต่รายการเดียว โดยคุมทีมทั้งสิ้น 199 เกม

Claudio Ranieri
Claudio Ranieri / Mike Finn-Kelcey/GettyImages

2. โชเซ่ มูรินโญ่ (มิถุนายน ปี 2004 - กันยายน ปี 2007)

หลังจากสั่นสะเทือนวงการฟุตบอลยุโรปกับ เอฟซี ปอร์โต้ มูรินโญ่ ก็ย้ายมากุมบังเหียนในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ พร้อมกับใช้เงิน กว่า 100 ล้านปอนด์ คว้าผู้เล่นใหม่อย่าง ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา, ปีเตอร์ เช็ก, ริคาร์โด้ คาวัลโญ่, เกล็น จอห์นสัน, โคล้ด มาเกเลเล่, มาเตยา เคซมัน และ อาร์เยน ร็อบเบน, เปาโร แฟร์เรร่า และ ติอาโก้ เมนเดส มาร่วมทีม

เจ้าขอฉายา “เดอะ สเปเชี่ยล วัน” พา เชลซี คว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในปีแรกได้สำเร็จ ซึ่งเป็นแชมป์แรกในรอบ 50 ปีของสโมสร และยังสามารถป้องกันแชมป์ได้ในฤดูกาลต่อมา จากนั้น ในปี 2007 เขาพาทีมเริ่มต้นซีซั่นได้ไม่ดีนัก และมีปัญหาเรื่องความสัมพันธ์กับ อับราโมวิช ก่อนจะโดนปลดในเวลาต่อมา

Jose Mourinho
Chelsea V Liverpool, Carling Cup Final / Sportsphoto/Allstar/GettyImages

3. อัฟราม แกรนท์ (กันยายน ปี 2007 - พฤษภาคม ปี 2008)

มีรายงานอ้างว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้ มูรินโญ่ ไม่พอใจ อับราโมวิช คือ การแต่งตั้งให้ แกรนท์ เป็นผู้อำนวยการฟุตบอล เชลซี ในช่วงซัมเมอร์ปี 2007 โดยที่ แกรนท์ และ อับราโมวิช เป็นเพื่อนสนิทกันมานานแล้ว

เดิมที แกรนท์ ได้รับการว่าจ้างให้มาดูแล อังเดร เชฟเชนโก้ อดีตดาวยิงทีมชาติยูเครน ที่ เชลซี คว้าตัวมาจาก เอซี มิลาน เอซี มิลาน เมื่อปี 2006 แต่ในเวลานั้น มูรินโญ่ กลับไม่ใช้งาน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้มีปัญหากับ อับราโมวิช

ผลสรุป มูรินโญ่ โดน อับราโมวิช ไล่ออก และ แกรนท์ ที่ไม่ได้มีใบอนุญาตคุมทีม “โปรไลเซนซ์” ก็ได้รับการแต่งตั้งให้คุมทีมแทน แม้จะโดนวิจารณ์อย่างหนัก แต่โค้ชชาวอิสราเอลก็พาทีมเข้ารู่รอบชิงฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่พ่ายการดวลจุดโทษให้กับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างน่าเสียดาย 

Avram Grant
Chelsea v Newcastle United - Premier League / Clive Mason/GettyImages

4. หลุยส์ ฟิลิเป้ สโคลารี่ (กรกฎาคม ปี 2008 - กุมภาพันธ์ ปี 2009 )

ในวลานั้น เชลซี ต้องการผู้จัดการทีมระดับชื่อดังเข้ามากอบกู้สถานการณ์ และเพื่อเอาใจสาวก “สิงห์บลู” โดย อับราโมวิช ก็ตัดสินใจจ้าง สโคลารี่ เข้ามาคุมทีมด้วยสัญญา 3 ปีครึ่ง พร้อมกับค่าเหนื่อยมหาศาล

“บิ๊กฟิล” ใช้เวลาเพียง 7 เดือนกับ เชลซี และไม่สามารถพาทีมลุ้นแชมป์ พรีเมียร์ลีก กับ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ ก่อนจะโดนปลดในเวลาต่อมา โดยคุมทีมพียงแค่ 36 เกม

Ricardo Quaresma, Luiz Felipe Scolari, Didier Drogba
Chelsea v Hull City - Premier League / Ian Walton/GettyImages

5. กุส ฮิดดิ้งค์ (กุมภาพันธ์ ปี 2009 - พฤษภาคม ปี 2009)

เมื่อ สโคลารี่ ถูกไล่ออก ฮิดดิ้งค์ ก็ได้รับการแต่งตั้งให้เช้ามาเป็นกุนซือชั่วคราวของ เชลซี จนจบฤดูกาลเพื่อกอบกู้วิกฤต และในขณะเดียวกันเขาก็ทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติรัสเซียควบคู่ไปด้วย

โค้ชมากประสบการณ์ชาวดัตช์ ทำผลงานได้อย่างน่าเหลือเชื่อหลังพา เชลซี เข้าไปถึงรอบรองฯ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก แต่ต้องพ่ายให้กับ บาร์เซโลน่า ไปอย่างน่าเสียดาย แต่ ฮิดดิ้งค์ ยังพาทีมคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จก่อนจบภารกิจ

Guus Hiddink, Michael Ballack, Florent Malouda
Chelsea v Barcelona - UEFA Champions League Semi Final 2nd Leg / Etsuo Hara/GettyImages

6. คาร์โล อันเชล็อตติ (มิถุนายน ปี 2009 - พฤษภาคม ปี 2011)

หลังจากใช้เวลานานถึง 8 ปี สร้างความยิ่งใหญ่กับ มิลาน อันเชล็อตติ ก็โยกมาหาความท้าทายใหม่กับ เชลซี และทำให้เจ้าตัวกลายเป็นผู้จัดการทีม เชลซี รายที่ 6 ในรอบ 6 ปี หลังจากที่ อับราโมวิช เข้ามาครอบครองสโมสร

ในเวลานั้น อับราโมวิช ต้องการสร้าง เชลซี สายเลือดใหม่ และวางรากฐานที่มั่นคงให้กับทีม ซึ่งดูเหมือนว่า อันเชล็อตติ จะตอบโจทย์ดังกล่าวได้เป็นอย่างดีหลังพา “สิงโตน้ำเงินคราม” คว้าทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก และแชมป์เอฟเอ คัพ ในปีแรกที่คุมทีม

อย่างไรก็ตาม ปีต่อมา อันเชล็อตติ ไม่สามารถพา เชลซี คว้าแชมป์รายการใดมาครองได้อีกเลย และโดนปลดจากตำแหน่งหลังเกมบุกไปพ่าย เอฟเวอร์ตัน ที่สนาม กูดิสัน ปาร์ค 1-0

Carlo Ancelotti
West Ham United v Chelsea - Premier League / Phil Cole/GettyImages

7. อังเดร วิลลาส โบอาส (มิถุนายน ปี 2011 - มีนาคม ปี 2012)

หลังจากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วกับ  ปอร์โต้ ด้วยการคว้าแชมป์ลีกโปรตุเกส และแชมป์ ยูโรป้า ลีก โบอาส ได้โอกาสครั้งใหญ่ในอาชีพกุนซือด้วยการมาคุม เชลซี แต่น่าเสียดายที่เขาต้องล้มเหลวกับการทำงานในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์

เทรนเนอร์หนุ่มชาวโปรตุกีส ไม่สามารถรับมือกับบรรดาแข้งระดับซุเปอร์สตาร์รุ่นใหญ่ของ เชลซี ได้ และผลงานอันน่าผิดหวังของเขาด้วยการพาทีมเอาชนะได้แค่ 3 จาก 12 เกมในลีกนั้น ก็เพียงพอที่ทำให้ อับราโมวิช ตัดสินใจไล่ออก

Andre Villas-Boas
Tottenham Hotspur v Chelsea - Premier League / Richard Heathcote/GettyImages

8. โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ (มีนาคม ปี 2012 - พฤศจิกายน ปี 2012 )

ดิ มัตเตโอ ซึ่งเป็นอดีตผู้เล่นของ เชลซี ได้รับการต้อนรับอย่างจากบรรดาแฟนบอลอย่างอบอุ่นหลังได้รับการแต่งตั้งจากตำแหน่งผู้ช่วยกุนซือให้ขึ้นมาทำหน้าที่แทน โบอาส

โค้ชเลือดมะกะโรนี ทำผลงานได้อย่างสุดเซอร์ไพรส์ หลังพา เชลซี คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก และแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ ก่อนจะได้รับสัญญาถาวรเป็นเวลา 2 ปี แต่หลังจากนั้น ดิ มัตเตโอ ทำผลงานตกลงอย่างน่าใจหาย ก่อนจะโดนไล่ออกหลังเป็นกุนซือเต็มตัวได้เพียง 8 เดือน

Roberto Di Matteo
Juventus v Chelsea FC - UEFA Champions League / Claudio Villa/GettyImages

9. ราฟา เบนิเตซ (พฤศจิกายน ปี 2012 - พฤษภาคม ปี 2013)

อดีตกุนซือชาวสเปนของ ลิเวอร์พูล ได้รับเผือกร้อนต่อจาก โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ ให้เข้ามาช่วยกอบกู้วิกฤต เชลซี ในช่วงที่เหลือของฤดูกาลหลังจากมีโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ทีมจ่าฝูงใน พรีเมียร์ลีก เวลานั้น ทำแต้มทิ้งห่างอย่างมาก

แม้จะอยู่กับ เชลซี ไม่นาน แต่ เบนิเตซ ยังสามารถาทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ และพาทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับ 4 ในลีก

Rafael Benitez, Eden Hazard
Everton v Chelsea - Premier League / Michael Regan/GettyImages

10. โชเซ่ มูรินโญ่ (มิถุนายน ปี 2013 - ธันวาคม ปี 2015)

มูรินโญ่ หวนกลับมาที่ เชลซี อีกครั้ง พร้อมกับได้ร่วมงานกับนักเตะเก่าที่คุ้นเคยอย่าง จอห์น เทอร์รี่, แฟรงค์ แลมพาร์ด, แอชลี่ย์ โคล, ปีเตอร์ เช็ก และ ไมเคิ่ล เอสเซียง โดยในปีแรกเขาพาทีมจบอันดับ 3 ในตารางคะแนน

ในซัมเมอร์ปี 2014 มูรินโญ่ จัดการยกเครื่อง เชลซี ครั้งใหญ่ด้วยการคว้าผู้เล่นอย่าง เนมานย่า มาติช, เชส ฟาเบรกาส, เฟลิเป้ หลุยส์ และ ดิเอโก้ คอสต้า มาเสริมทัพ พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก และลีก คัพ ได้สำเร็จ 

อย่างไรก็ตาม ในซีซั่น 2015-2016 มูรินโญ่ พา เชลซี ออกสตาร์ทได้อย่างย่ำแย่หลังแพ้ในลีกไปถึง 9 จาก 16 เกมที่ลงสนาม รวมถึงไปอยู่ในโซนตกชั้น และ อับราโมวิช ก็ไม่รอช้าที่จะไล่ออกอีกครั้ง

FBL-ENG-PR-CHELSEA-SUNDERLAND
FBL-ENG-PR-CHELSEA-SUNDERLAND / BEN STANSALL/GettyImages

11. กุส ฮิดดิ้งค์ (ธันวาคม ปี 2015 - พฤษภาคม ปี 2016 )

มันเหมือนเหตุการณ์ที่ซ้ำรอยอีกครั้งระหว่าง ฮิดดิ้งค์ และ เชลซี หลังจากที่เขาต้องเข้ามารับงานต่อจาก มูรินโญ่ ที่โดนไล่ออกเป็นครั้งที่ 2

เทรนเนอร์ชาวฮอลแลยด์ รับงานคุม เชลซี ชั่วคราวจนจบฤดูกาล 2015-16 และพาทีมไม่แพ้ใครใน 12 เกมแรก ก่อนจะพา “สิงโตน้ำเงินคราม” ขยับหนีโซนตกชั้นมาจบในกลางตารางสำเร็จ

Guus Hiddink
Manchester United v Chelsea - Premier League / Alex Livesey/GettyImages

12. อันโตนิโอ คอนเต้ (กรกฎาคม ปี 2016 - กรกฎาคม ปี 2018)

หลังเสร็จสิ้นภารกิจลุยศึกฟุตบอลยูโร 2016 กับ ทีมชาติอิตาลี คอนเต้ ก็มารับงานที่ เชลซี พร้อมกับพาทีมคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีกไ ด้สำเร็จในปีแรกที่คุมทีมด้วยสถิติสุดหรูด้วยการเก็บชัยชนะได้มาถึง 30 จาก 38 เกม

ในฤดูกาลต่อมา โค้ชชาวอิตาเลียน ยังพา เชลซี คว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ ได้สำเร็จ แต่ผลงานในลีกไม่สู้ดีนัก หลังพาทีมจบอันดับ 5 หมดสิทธิไปเล่นใน ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก จึงทำให้ อับราโมวิช ปลดเขาออกท่ามกลางข่าวลือที่ต้องจ่ายเงินชดเชยมหาศาลถึง 30 ล้านปอนด์เลยทีเดียว

Antonio Conte
Chelsea FC v Tottenham Hotspur - Premier League / Robin Jones/GettyImages

13. เมาริซิโอ ซาร์รี่ (กรกฎาคม ปี 2018 - มิถุนายน ปี 2019)

หลัง อันโตนิโอ คอนเต้ โดนไล่ออก อับราโมวิช ก็ยังเลือกใช้งานผู้จัดการทีมชาวอิตาเลียนอีกครั้งหลังแต่งตั้ง ซาร์รี่ ที่ทำผลงานได้ดีกับ นาโปลี ให้เข้ามากุมบังเหียน เชลซี

น่าเสียดายที่สไตล์การทำงานของ ซาร์รี่ กับ เชลซี ดูจะไม่เข้ากันนัก ถึงแม้เขาจะพาทีมคว้าแชมป์ยูโรป้า ลีก ได้สำเร็จ แต่ภาพลักษณ์ที่ชอบสูบบุหรี่ และมีปัญหาเรื่องการสื่อสารภาษาอังกฤษ นั้น ทำให้ เจ้าตัวโดนไล่ออกในที่สุด

Maurizio Sarri
Chelsea v Arsenal - UEFA Europa League Final / Etsuo Hara/GettyImages

14. แฟรงค์ (กรกฎาคม ปี 2019 - มกราคม 2021)

หลังประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะกับ เชลซี แลมพาร์ด ก็หวนกลับสู่สโมสรอีกครั้งในฐานะผู้จัดการทีมในช่วงซัมเมอร์ปี 2019 แต่น่าเสียดายที่ผลงานของเจ้าตัวจบลงแบบไม่น่าประทับใจนัก

แลมพาร์ด ผลักดันผู้เล่นเยาวชนของ เชลซี เข้าสู่ทีมชุดใหญ่หลายรายอาทิ เมสัน เมาท์, แธมมี่ อับราฮัม, รีส เจมส์ และ ฟิกาโย่ โทโมริ พร้อมกับพาทรมจบอันดับ 4 คว้าตั๋วไปเล่นในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้สำเร็จ

อย่างไรก็ตาม ปีต่อมา แลมพาร์ด จัดการคว้านักเตะดังมาเสริมทัพมากมายไล่ตั้งแต่ ฮาคิม ซิเยค, ติโม แวร์เนอร์, ไค ฮาแวร์ตซ์, เอดูอาร์ เมนดี้, เบน ชิลเวลล์ รวมถึง ธิอาโก้ ซิลวา แต่ผลงานยังไม่เข้าเป้าเท่าที่ควร และก็โดนไล่ออกตามระเบียบ

Frank Lampard
Chelsea v Aston Villa - Premier League / Pool/GettyImages

15. โธมัส ทูเคิล (มกราคม 2021 - มีนาคม 2023)

หลังจากผลงานอันย่ำแย่ของ ป๋าแลมพ์ ในเดือนมกราคมปี 2021 เสี่ยหมี จัดการปรับเปลี่ยนหัวเรือใหม่อีกครั้งและไปดึงเอา โธมัส ทูเคิล ที่เพิ่งแยกทางกับ ปารีส แซงต์ แชร์กแมง เข้ามาคุมทีม ซึ่งผลงานนั้นเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแทบจะทันที

เชลซี ของ ทูเคิล ทะลุเข้าชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก พร้อมกับคว้าแชมป์มาครองได้อย่างยิ่งใหญ่จากการเอาชนะ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ซึ่งผู้จัดการทีมชาวเยอรมันรายนี้ถือเป็นกุนซือคนสุดท้ายในยุคของ โรมัน เพราะหลังจากปัญหาทางการเมืองในเดือนมีนาคมปี 2022 เสี่ยหมี ก็ยืนยันขายสโมสรอย่างเป็นทางการปิดตำนานเจ้าพ่อร้อยกุนซือในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ไปในที่สุด

Thomas Tuchel, Roman Abrahimovic
Chelsea v Palmeiras: Final - FIFA Club World Cup UAE 2021 / Matthew Ashton - AMA/GettyImages