[FEATURE] ถึงพี่น้องคนขาว โดย เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง

FBL-ITA-SERIEA-MILAN-SIENA
FBL-ITA-SERIEA-MILAN-SIENA / ALBERTO PIZZOLI/Getty Images
facebooktwitterreddit

เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง เปิดอกถึงการแสดงจุดยืนด้วยวิธีเดินออกจากสนามฟุตบอล และความคิดเห็นถึงบทบาทของคนผิวขาวในการต่อสู้การเหยียดผิว

เมื่อปี 2013 ชื่อของ เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง กลายเป็นที่ถูกพูดถึงกับในฐานะนักเตะ เอซี มิลาน โดยเจ้าตัวเดินออกจากสนามระหว่างทำการแข่งขันเกมกระชับมิตรกับ โปร ปาเตรีย ทีมในลีกล่าง หลังจากถูกเหยียดผิวจากแฟนบอลบางส่วน

ในเวลาดังกล่าว มัสซิโม อัมโบรซินี ในฐานะกัปตันทีมของทัพ ปีศาจแดงดำ ได้สนับสนุนการแสดงออกของ บัวเต็ง โดยการไม่แข่งขันต่อในแมตช์ดังกล่าว และหลังจากนั้น บัวเต็ง ได้ถูกรับเชิญโดย ฟีฟ่า ให้เป็นทูตเพื่อรณรงค์ถึงการตระหนักถึงการแบ่งแยกผู้คน

บัวเต็ง ได้ย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์วันดังกล่าวใน อิตาลี เชื่อมโยงกับความเป็นไปของโลกในปี 2020 ด้วยข้อความที่ส่งต่อว่าต้องการความเปลี่ยนแปลงอย่างแท้จริงทั้งในโลกฟุตบอลรวมไปถึงด้านอื่นนอกเหนือจากนี้ รวมไปถึงต้องการแรงสนับสนุนจากผู้คนทุกเผ่าพันธุ์

"ตอนที่ผมเดินออกจากสนาม (ในเกมกับ โปร ปาเตรีย) หลายคนที่อยู่ในเหตุการณ์ลุกขึ้นยืนปรบมือให้กับผม" บัวเต็งย้อนความทรงจำกับ เดอะเพลเยอร์ส ทริบูน "จากนั้นช่วงเวลาสำคัญก็ได้เกิดขึ้น เพื่อนร่วมทีมได้เดินออกจากสนามร่วมกับผม"

""ไม่ใช่เพียงแค่นักเตะผิวดำเท่านั้นแต่เป็นเพื่อนร่วมทีมทุกคน ผมยังรู้สึกขนลุกอยู่เสมอเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อผมได้เข้าสู่ห้องแต่งตัว ถอดเสื้อผ้าออกเพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่าผมจะไม่กลับออกไปลงสนาม""

เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง
FBL-ITA-SERIEA-MILAN-SIENA
FBL-ITA-SERIEA-MILAN-SIENA / ALBERTO PIZZOLI/Getty Images

"ผู้ตัดสินได้เดินเข้ามาถามพวกเราว่า 'นายจะยังเล่นอยู่หรือเปล่า' ตอนนั้นเองที่ อัมโบรซินี ลุกขึ้นยืนพร้อมกับพูดว่า 'หาก พรินซ์ ไม่กลับไปเล่นก็จะไม่มีใครลงเล่น'"

ที่สุดแล้วแมตช์การแข่งขันดังกล่าวถูกยกเลิกกลางคัน แม้ว่าเกมนั้นจะเป็นเพียงนัดกระชับมิตรแต่ก็ได้รับความสนใจจากแฟนบอลทั่วโลก ขณะที่ บัวเต็ง ได้รับการติดต่อจาก ฟีฟ่า ให้เข้าร่วมโครงการสร้างความตระหนักรู้ถึงประเด็นการเหยียดผิว

"เหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นไม่ได้มีสาเหตุจากการที่คนดำเดินออกจากสนาม ไม่เลย มันเกิดขึ้นเพราะคนขาวได้ร่วมเดินออกจากสนามไปกับเขาด้วย" บัวเต็ง กล่าวต่อ "นั่นเป็นการแสดงออกที่ได้เปลี่ยนแปลงโลก"

ดาวเตะวัย 33 ปีผู้ผ่านเวทีฟุตบอล 4 จาก 5 ลีกใหญ่ของ ยุโรป เข้าใจดีว่าการต่อสู้กับประเด็นเหยียดผิวไม่ใช่เพียงความรับผิดชอบของคนดำเท่านั้นแต่เป็นของทุกคน ขณะที่คนที่มีอำนาจอยู่ในมือคือผู้ที่จะสามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงได้

"การเคลื่อนไหว แบล็ค ไลฟส์ แม็ตเทอร์ ในเวลานี้มีพลังเป็นอย่างมาก แต่พวกเราไม่สามารถทำมันเพียงลำพังได้ คนขาวคือผู้ที่ควบคุมความเป็นไปของโลก เป็นคนขาวที่สามารถย้อนกลับกระบวนการเหยียดผิวนี้ได้"

"แต่หากมือขาวยังคงกดเราลงต่ำต่อไปเรื่อยๆ เราก็ไม่มีโอกาสเลย"

"บางคนอาจคิดว่า 'ก็ใช่นะ แต่ทุกชีวิตก็สำคัญหมด' แน่นอนว่าทุกชีวิตนั้นมีความสำคัญ แต่ชุมชนผิวดำกำลังมีไฟลุกไหม้ ดังนั้นหากบ้านของผมถูกไฟไหม้อยู่แต่บ้านของคุณเป็นปกติ คุณคิดว่าบ้านหลังไหนมีความสำคัญที่สุดในเวลานี้"

"เพราะฉะนั้น ช่วยผมดับไฟให้มอด"


อ่านบทความของ เควิน-พรินซ์ บัวเต็ง ฉบับเต็มที่ เดอะ เพลเยอร์ส ทริบูน ที่นี่