ปลายทางหรือการเริ่มต้นใหม่ของ “เดเล่ อัลลี่” - FEATURE
เดเล่ อัลลี่ กองกลางเอฟเวอร์ตันกลายเป็นนักเตะใหม่ของ เบซิคตัส เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่เขาและเอเยนต์ เดินทางไปถึงประเทศตุรเคีย เซ็นสัญญาในส่วนสุดท้าย และตรวจร่างกาย ที่จะทำให้ เบซิคตัส เป็นสโมสรนอกประเทศอังกฤษทีมแรกในชีวิตของเขา กับดีลในรูปแบบยืมตัว
จากเด็กหนุ่มดาวรุ่งในทีมเยาวชน เอ็มเค ดอนส์ ได้ย้ายมาเล่นกับสเปอร์สในปี 2015 ณ เวลานั้นเขาอายุเพียง 19 ปี เท่านั้น และมันเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองอย่างยิ่งสำหรับเขา ภายใต้การคุมทีมของ เมาริซิโอ โปเชตติโน่ เขากลายเป็นกองกลางคนสำคัญของทีม ได้แสดงให้เห็นถึงพรสวรรค์อันยอดเยี่ยมของเขา และแน่นอนทีมชาติอังกฤษไม่พลาดเลือกเขาเข้าสู่แคมป์สิงโตคำรามในเวลาต่อมากราฟชีวิตของเขาพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง เขาได้รางวัลนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีถึง 2 สมัยติดต่อกัน มีส่วนสำคัญพาสเปอร์สไปเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก และก้าวไปถึงรอบชิงชนะเลิศเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสรในปี 2019 ทุกอย่างน่าจะดีขึ้นเรื่อย ๆ ขึ้นไปอีก แต่สำหรับ อัลลี่ นับจากแชมเปี้ยนส์ ลีก รอบชิงชนะเลิศ เส้นทางของเขาก็เปลี่ยนไป
2019-2020 การเปลี่ยนแปลงโค้ชของทีมจาก เมาริซิโอ โปเชตติโน่ มาเป็น โชเซ่ มูรินโญ่ เป็นปฐมบทของการเปลี่ยนแปลง อ้างอิงจากการปากของมูรินโญ่ ในสารคดี All or Nothing วันแรกที่เขาเรียกนักเตะทั้งทีมลงซ้อม เขาพูดว่า อัลลี่ เป็นนักเตะที่ “โคตรขี้เกียจ” สำหรับเขา และในวันต่อมาเขาพูดคุยกับ ดาเนี่ยล เลวี่ ประธานสโมสรสเปอร์สว่า ตอนเขาคุมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นคนแนะนำให้เขาเซ็นสัญญากับ อัลลี่ มาร่วมงานด้วย เป็นอะไรที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ในมุมมองของ “คนภายใน” และ “คนภายนอก” ที่มูรินโญ่ได้สัมผัสถึง ซึ่งเขาพยายามกระตุ้นนักเตะคนนี้เป็นอย่างมากในช่วงเวลาประมาณ 1 ปีที่ทำงานที่นั่นของกุนซือโปรตุกีส จากในสารคดี All or Nothing ซึ่งบันทึกเอาไว้ในปี 2019 ซึ่งในเวลานั้น อัลลี่ อายุเพียง 23 ปี และเพิ่งติดทีมชาติอังกฤษในการไปเล่นฟุตบอลโลก 2018 รอบสุดท้ายแต่ก็เข้า-ออกทำเนียบทีมชาติมานับจากนั้น โดยครั้งสุดท้ายที่เขาลงเล่นทีมชาติคือช่วงเดือนกันยายน 2019 ในเกมพบกับสวิสเซอร์แลนด์
“ผมชอบคุณในฐานะผู้เล่น ชอบคุณในฐานะของเด็กหนุ่ม แต่ผมไม่อยากเป็นพ่อของคุณ เพราะคุณมีพ่อของคุณอยู่แล้วหรืออยากเป็นลุงของคุณ ผมแค่อยากเป็นโค้ชของคุณ แบบที่เราจะทำงานร่วมกันได้ดี ดังนั้นผมจึงบอกบอกในสิ่งที่ผมคิดเกี่ยวกับคุณ ซึ่งในใจคุณอาจจะอยากให้ผมไปไหนก็ไปเหอะ แต่ผมต้องชัดเจนกับคุณ ผมไม่เคยสงสัยในความสามารถของคุณตั้งแต่แรก ผมได้เห็นผลงานของคุณซึ่งมันยอดเยี่ยมมาก แต่ผมรู้สึกว่าคุณจะมีช่วงเวลาที่ไม่สม่ำเสมอ มีช่วงขาขึ้น และลงที่มันเกิดขึ้นบ่อยมาก บ่อยจนมันชัดเจน และมันมีความต่างกับคนที่เขาสามารถลงเล่นด้วยผลงานที่สม่ำเสมอ หรือผู้เล่นที่จะมีช่วงเวลาของเขา ซึ่งเรื่องนี้มันทำให้เกิดความแตกต่างระหว่าง ผู้เล่นที่ดีมาก กับผู้เล่นที่มีศักยภาพที่ยอดเยี่ยม”
“ผมอยากให้คุณคิดเอาเองว่า ทำไมคุณถึงมีช่วงเวลาที่รุ่งเรือง จาก เอ็มเค ดอนส์ มาเล่นกับสเปอร์ส ติดทีมชาติอังกฤษชุดใญ่ กราฟชีวิตคุณพุ่งขึ้นสูงมาก แต่แล้วอยู่ ๆ มันก็ร่วงลงมา ขึ้นไปใหม่ แล้วก็ร่วงลงไปอีก เป็นแบบนี้อยู่ตลอด ผมไม่รู้เกี่ยวกับการใช้ชีวิตไหม ช่วงหนึ่งคุณอาจคิดว่าคุณมีเส้นทางอาชีพที่ยอดเยี่ยม หรืออาจจะมีชีวิตนอกสนามที่เต็มไปด้วยปาร์ตี้ ไม่รู้สิ ผมไม่ได้รู้เรื่องพวกนั้น แต่สิ่งที่ผมคิดคือ ผมอายุ 56 เมื่อวานผมอายุ 20 ปี เวลามันผ่านไปรวดเร็วมาก และเมื่อมันผ่านไปแล้ว คุณจะคิดถึงว่าทำไมนะ ทำไมคุณถึงไม่ได้ไปในจุดที่คุณสามารถไปถึงได้ในตอนนั้น ผมไม่ได้หวังให้คุณฟอร์มดีทุกเกม ยิงได้ทุกเกม แค่ผมอยากให้คุณคิดให้มาก และคาดหวังจากตนเองมากกว่านี้ คาดหวังจากตัวเอง ไม่ใช่จากคนอื่น”
อัลลี่ ในฤดูกาล 2019-2020 เขายังคงอยู่ในทีมของมูรินโญ่ต่อไป มีส่วนทั้งหมด 38 เกม แต่แล้วในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ระบาด อัลลี่ สร้างเรื่องให้กับตนเองหลังจากโพสวิดีโอในสนามบิน และบันทึกภาพชาวเอเชียคนหนึ่ง พร้อมกับระบุว่าคนเหล่านี้คือคนที่ทำให้เกิดการระบาดของโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่างานนี้นอกจากจะโดนปรับ และแบนแล้ว อัลลี่ เริ่มต้นฤดูกาลใหม่ด้วยการหลุดออกจากทีมของ มูรินโญ่ จนกระทั่งถึงช่วงสุดท้ายของกุนซือโปรตุกีสในการคุมทีม เขาก็ยังคงเป็นตัวสำรอง เมื่อ ไรอัน เมสัน และ นูโน่ เอสปิริโต้ ซานโต้ เข้ามารับงานคุมทีมเขาก็กลับมาเป็นตัวจริงได้อีกครั้ง แม้จะผลงานไม่ดีนัก แต่เมื่ออันโตนิโอ คอนเต้ เข้ามาคุมทีม เขาก็เลือกที่จะดรอปอัลลี่นับจากนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งย้ายออกจากทีม
บนวัย 25 ปี อัลลี่ จากเส้นทางที่รุ่งเรือง เขากลายเป็นตัวสำรองในทีมสโมสร และเลือกตัดสินใจย้ายออกจากทีม กับการย้ายสู่เอฟเวอร์ตัน ในแบบไม่มีค่าตัว แต่จะมีการจ่ายเงินรวมแล้ว 40 ล้านปอนด์ โดยแบ่งออกเป็น 10 ล้านปอนด์ จากการลงเล่นครบ 20 เกม และที่เหลือจะจ่ายกันไปในตามรายละเอียดตามที่ตกลงกันไว้ เขาเซ็นสัญญา 2 ปีครึ่งกับเอฟเวอร์ตัน พร้อมกับความคาดหวังจาก แฟรงค์ แลมพาร์ด นายใหญ่ของทีม และของตัวเขาเองที่อยากกอบกู้ทุกอย่างกลับคืนมา แต่มันก็ยังไม่ใช่สำหรับเขาอีกครั้งอัลลี่ มีชื่อในทีมเพียง 13 เกมกับเอฟเวอร์ตัน และลงเล่นตัวจริงเพียง 1 เกม รวม 367 นาที ทำประตูไมได้เลย เขากลายเป็นคนที่ถูกลืมไปทีละเล็กทีละน้อย ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่นาทีต่อเกมที่ได้ลงเล่น เขาไม่มีฟอร์มของอัลลี่ ที่หลายคนคุ้นเคย เขาเจอช่วงเวลาที่แสนสาหัส ที่แลมพาร์ดก็ยอมรับว่า อัลลี่ ต้องต่อสู้อย่างหนักเพื่อการลงเล่น และต้องพิสูจน์ตนเองออกมาแต่สุดท้ายทุกอย่างก็จบลง เมื่อ อัลลี่ ตัดสินใจย้ายทีมอีกครั้ง
“ผมมองไปที่ อัลลี่ และผมไม่สามารถไปโทษ เมาริซิโอ โปเชตติโน่, โชเซ่ มูรินโญ่, นูโน่ ซานโต้ หรือว่าแฟรงค์ แลมพาร์ด ได้หรอก บางทีคุณอาจต้องไปมองหน้ากระจก เขาเพิ่งอายุ 26 แน่นอนโอกาสในการคัมแบ็คยังเป็นไปได้ แต่สิ่งที่ผมเห็นคือเขาเหมือนไม่มีความรักให้กับฟุตบอลแบบที่ผ่านมา และนั่นทำให้ทุกอย่างมันขาดหายไป” ดอน ฮัทชิสัน อดีตกองกลางเอฟเวอร์ตัน แสดงความเห็นเกี่ยวกับอัลลี่
การย้ายทีมสู่ เบซิคตัส ด้วยสัญญายืมตัวอาจเป็นเรื่องปกติสำหรับนักเตะสำรองสักคนหนึ่ง แต่มันไม่ปกติอย่างแนนอน สำหรับนักเตะที่เมื่อ 6 ปีก่อนคือนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีกสองสมัยซ้อน ติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่มากถึง 37 เกม และเพิ่งอายุเพียง 26 ปี มันควรเป็นช่วงเวลาที่รุ่งเรืองอย่างยิ่งสำหรับเขา มากกว่าจะมาเริ่มต้นใหม่แบบติดลบ กับการลดระดับการเล่นในลีกรองอย่างซูเปอร์ ลีก ในประเทศตุรเคีย ที่เขาต้องต่อสู้เพื่อการกอบกู้เส้นทางอาชีพของตนเองกลับคืน เพราะส่วนหนึ่งข้อเสนอจากในพรีเมียร์ ลีก อาจจะไม่เกิดขึ้นกับเขาจนทำให้สุดท้ายเขาต้องเลือกเดินทางไกลในครั้งนี้ทางเลือกครั้งใหม่นี้ของ อัลลี่ จะเป็นทางแยกครั้งสำคัญสำหรับเขาว่าเขาจะกลับมาเป็นกองกลางชั้นยอดของเวที พรีเมียร์ ลีก ได้อีกครั้ง หรือจะกลายเป็นกองกลางอาชีพคนหนึ่งที่เล่นฟุตบอลไปเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันไปถึงจุดสูงสุดของอาชีพในแบบที่ตนเองต้องการ หรือแบบที่เขาเคย “มีโอกาส” จะทำได้อย่างที่หลายคนคิดเอาไว้ ทั้งหมดขึ้นกับตัวเขาเองเท่านั้นที่จะเป็นผู้ให้คำตอบได้…เขาเพียงคนเดียว