เชลซี 2011/12 ชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ครั้งแรก - WHERE ARE THEY NOW
โดย โตมร นวลประเสริฐ
โหมโรงศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก นัดชิงชนะเลิศ 2020/21 ระหว่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ พบกับ เชลซี ด้วยการย้อนเวลาตามรอยขุนพลแข้ง สิงห์บลู ชุดสร้างประวัติศาสตร์คว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาครองได้เป็นครั้งแรกเมื่อซีซัน 2011/12
โดยเกมนัดชิงฯ ของซีซันดังกล่าว สิงโตน้ำเงินคราม โคจรพบกับ บาเยิร์น มิวนิค ที่ อัลลิอันซ์ อารีนา โดย โธมัส มึลเลอร์ พังประตูให้ทัพ เสือใต้ ออกนำในนาทีที่ 83 และเกมทำท่าจะจบลงด้วยชัยชนะของ เอฟซี ฮอลลีวู้ด ทว่า ดิดิเยร์ ดร็อกบา ตามตีเสมอให้กับ เดอะบลูส์ ก่อนหมดเวลาไม่กี่อึดใจ และกลายเป็นทีมของ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ เบียดเอาชนะไปได้ในที่สุดจากการดวลลูกจุดโทษหลังเสมอกันในเวลา 120 นาทีที่ 1-1
ผู้รักษาประตู - ปีเตอร์ เช็ก
หนึ่งในไอคอนแห่งถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในยุค โรมัน อับราโมวิช โดยแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ของ ปีเตอร์ เช็ก ในฤดูกาล 2011/12 นับเป็นหนึ่งในโทรฟีแชมป์จำนวนทั้งหมด 15 ครั้งที่ตำนานมือกาวรายนี้ช่วยให้ เชลซี คว้ามาได้ระหว่างที่เจ้าตัวเฝ้าเสากับ สิงห์บลู
เช็ก อยู่โยงกับ เชลซี 11 ฤดูกาลระหว่างปี 2004-2015 ก่อนที่จะถูก ธิโบต์ กูร์ตัวส์ กลับมาจากสัญญายืมตัวที่ แอตเลติโก มาดริด และเบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงไปในที่สุด
ปีเตอร์ เช็ก มีช่วงระยะเวลาสั้นๆ กับ อาร์เซนอล 4 ซีซันระหว่างปี 2015-2019 หลังจากนั้นก่อนจะแขวนถุงมือในวัย 37 ปีโดยปัจจุบันเจ้าตัวรับบทบาทที่ปรึกษาเทคนิคและประสิทธิภาพให้กับ เชลซี
แบ็คขวา - โชเซ โบซิงวา
โบซิงวา สถาปนาตนเองเป็นจ้าวยุโรปสมัยที่ 2 ของตนเองหลังจากที่เคยคว้าถ้วยบิ๊กเอียร์มาแล้วกับ ปอร์โต้ ภายใต้การคุมทัพของ โชเซ มูรินโญ ในซีซัน 2003/04
โดยให้หลังจากการคว้าแชมป์ดังกล่าว แบ็คขวาชาว โปรตุเกส สัญญาของเจ้าตัวกับ สิงห์บลู ก็สิ้นสุดลง เขาตอบรับข้อเสนอจาก ควีนส์พาร์ค เรนเจอร์ส ที่รอดตกชั้นหวุดหวิดในฤดูกาลก่อนหน้าแต่ โบซิงวา ก็ไม่อาจช่วยให้พลพรรค ทหารเสือราชินี รอดพ้นจากการตกชั้นในซีซัน 2012/13 ได้และบอกลาทีมเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
โบซิงวา มีช่วงเวลาสั้นๆ กับ แทร็บซอนสปอร์ แห่ง เตอร์กิช ซูเปอร์ลีก อยู่ 3 ฤดูกาลก่อนจะแขวนสตั๊ดกับพวกเขาด้วยวัย 34 ปี
เซ็นเตอร์แบ็ค - ดาวิด ลุยซ์
อดีตปราการหลัง เบนฟิก้า ผู้ย้ายมาร่วมทัพในตลาดซื้อขายนักเตะมกราคม 2011 ที่มูลค่าราว 21 ล้านปอนด์ก่อนเถลิงบัลลังก์ซิวแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2011/12 และ ยูฟ่า ยูโรปาลีก ในฤดูกาลถัดมา
ดาวิด ลุยซ์ กลายเป็นปราการหลังค่าตัวแพงสุดเป็นสถิติโลกที่ 50 ล้านปอนด์เมื่อ สิงห์บลู ปล่อยเขาซบตัก ปารีส แซงต์-แชร์กแมง ในซัมเมอร์ 2014 ก่อนที่เจ้าตัวจะรีเทิร์นสู่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ อีกครั้งเพียง 2 ปีให้หลัง
ลุยซ์ เป็นแข้งไม่กี่รายที่เล่นให้กับทั้ง เชลซี และ อาร์เซนอล คู่อริแห่งกรุงลอนดอนโดยปัจจุบันสัญญาของเขากับ ไอ้ปืนใหญ่ จะสิ้นสุดลงในซัมเมอร์ 2021
แบ็คซ้าย - แอชลีย์ โคล
ตำนานแบ็คซ้ายแห่ง พรีเมียร์ลีก และทีมชาติ อังกฤษ ลูกหม้อของ อาร์เซนอล ก่อนที่จะถูก เชลซี ดึงตัวไปร่วมทัพสลับขั้วกับ วิลเลียม กัลลาส ในซัมเมอร์ 2006
แอชลีย์ โคล ก้าวข้ามความผิดหวังที่เขาเคยได้รับในเกมนัดชิงชนะเลิศ แชมเปี้ยนส์ลีก 2005/06 ที่ ไอ้ปืนใหญ่ ปราชัยต่อ บาร์เซโลนา และอีกครั้งในซีซัน 2007/08 ที่ สิงห์บลู พ่ายต่อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วย 'เธิร์ด ไทม์ ลัคกี้' พา เดอะบลูส์ เข่นเอาชนะ บาเยิร์น มิวนิค ในนัดชิงฯ ฤดูกาล 2011/12 ได้ในที่สุด
โคล ถูกปล่อยให้หมดสัญญากับ เชลซี ในซัมเมอร์ 2014 และมีช่วงเวลา 2 ฤดูกาลกับ โรมา, 3 ซีซันกับ แอลเอ แกแล็กซี ก่อนจะกลับมาแขวนสตั๊ดบนเวที แชมเปี้ยนชิพ กับ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ เมื่อปี 2019 โดยปัจจุบันเจ้าตัวทำหน้าที่เป็นโค้ชทีมชุดเยาวชน ยู-15 ของ สิงโตน้ำเงินคราม
กองกลางตัวรับ - จอห์น โอบี มิเคล
เจ้าของตำนานดีลอลเวงที่ชูเสื้อกับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก่อนจะกลับลำซบตัก เชลซี ในเวลาต่อมาจนกลายเป็นตำนานการซื้อขายนักเตะสุดป่วนที่ถูกเล่าขานต่อเนื่อง
โอบี มิเคล เป็นหนึ่งในแข้งที่อกหักจากนัดชิงฯ แชมเปี้ยนส์ลีก 2007/08 ที่ทีมปราชัยต่อ ปีศาจแดง โดยเจ้าตัวมีชื่อเป็นตัวสำรองในเกมดังกล่าว ก่อนที่จะกลายเป็นตัวจริงในเกมนัดชิงดำถ้วยบิ๊กเอียร์ 2011/12
ดาวเตะทีมชาติ ไนจีเรีย อยู่โยงกับ เดอะบลูส์ เป็นเวลา 10 ฤดูกาล ระหว่างปี 2006-2016 ก่อนที่จะย้ายไปเล่นให้กับ เทียนจิน เทด้า ใน ไชนีส ซูเปอร์ลีก 2 ซีซัน, รีเทิร์นสู่ มิดเดิลสโบรห์ ในแชมเปี้ยนชิพ 2018/19, พเนจรสู่ แทร็บซอนสปอร์ แห่ง เตอร์กิช ซูเปอร์ลีก 2019/20 และล่าสุดเขาเป็นแข้งในสังกัดของ สโต๊ค ซิตี้ 2020/21 ด้วยวัย 34 ปี
กองกลาง - แฟรงค์ แลมพาร์ด
ลูกหม้อของ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ที่ดีลมูลค่าราว 15 ล้านปอนด์ของ เชลซี ในซัมเมอร์ 2001 ได้สร้างตำนานคนใหม่ขึ้นมาตลอดระยะเวลา 14 ปีให้หลัง
แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2011/12 เป็นเพียง 1 ใน 13 โทรฟีเกียรติยศที่ แฟรงค์ แลมพาร์ด คว้ามาได้กับสโมสรก่อนที่จะมีช่วงเวลาสั้นๆ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาล 2014/15 และส่งท้ายเส้นทางค้าแข้งกับ นิวยอร์ค ซิตี้ แห่ง เมเจอร์ลีก ซ็อคเกอร์ สหรัฐอเมริกา
แลมพาร์ด เบนเข็มสู่เส้นทางการเป็นผู้จัดการทีมกับ ดาร์บี้ เคาท์ตี้ ในซีซัน 2018/19 และรีเทิร์นสู่ เชลซี ในฐานะกุนซือซัมเมอร์ 2019 พาทีมจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 4 และรองแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปีเดียวกัน ก่อนที่จะแยกทางกับทีมหลังทำผลงานได้อ่ยางย่ำแย่ช่วงกลางซีซันถัดมา
ตัวรุกริมเส้นฝั่งขวา - ซาโลมอน คาลู
แข้งสารพัดประโยชน์ในแดนหน้าผู้สร้างชื่อมากับ เฟเยนูร์ด แห่ง เอเรดิวิซี เนเธอร์แลนด์ ก่อนจะกลายเป็นสมาชิกของ เชลซี ระหว่างปี 2006-2012
ตลอดระยะเวลา 6 ปีของ คาลู ในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ เจ้าตัวพา สิงห์บลู คว้า 6 เกียรติยศโดยโทรฟี ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นการส่งท้ายการค้าแข้งของเขากับทีมเมื่อสัญญาของดาวเตะ ไอวอรี โคสต์ สิ้นสุดลงในซัมเมอร์นั้น
ลีลล์ ใน ลีกเอิง กลายเป็นหมุดหมายลำดับถัดมาของเจ้าตัวอยู่ 2 ซีซัน ตามด้วย แฮร์ธา เบอร์ลิน ใน บุนเดสลีกา อีก 6 ฤดูกาลโดยปัจจุบันเจ้าตัวค้าแข้งอยู่กับ โบตาโฟโก้ แห่ง คัมปิโอนาโต้ บราซิเลโร เซเรีย เอ ด้วยวัย 35 ปี
กองกลางตัวรุก - ฆวน มาต้า
ลูกหม้อของ เรอัล มาดริด ผู้สร้างชื่อแจ้งเกิดกับ บาเลนเซีย ก่อนจะถูก เชลซี ดึงตัวร่วมทัพด้วยมูลค่าราว 23.5 ในซัมเมอร์ 2011
แค่เพียงฤดูกาลแรกของเจ้าตัวในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ ฆวน มาต้า ก็กลายเป็นเพลย์เมคเกอร์คีย์แมนของ สิงห์บลู ได้ในทันที คอยปั้นเกมอยู่หลัง ดิดิเยร์ ดร็อกบา เปิดป้อนให้หัวหอกร่างยักษ์พังประตูเป็นว่าเล่น
น่าเสียดายที่ มาต้า อยู่กับ เดอะบลูส์ แค่ 2 ฤดูกาลครึ่งก่อนจะถูก โชเซ มูรินโญ ปล่อยตัวให้กับ แมนฯ ยูไนเต็ด กลางซีซัน 2013/14 โดยปัจจุบันเจ้าตัวยังค้าแข้งในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นปีที่ 8 เข้าไปแล้ว
ตัวรุกริมเส้นฝั่งซ้าย - ไรอัน เบอร์ทรานด์
ฤดูกาล 2011/12 นับเป็นซีซันแรกแบบเต็มตัวของ ไรอัน เบอร์ทรานด์ ที่มีอายุเพียง 23 ปีในเวลานั้นโดยดาวเตะชาว อังกฤษ ถูกส่งลงสนามอย่างเซอร์ไพรส์ทั้งที่ไม่เคยลงเล่นให้กับทีมบนเวที ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาก่อนแม้แต่นัดเดียว และยังถูกจับไปเล่นเป็นแบ็คซ้อนแบ็คอยู่ที่ด้านหน้าของ แอชลีย์ โคล อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม มีเพียงซีซันถัดมา 2012/13 เท่านั้นที่พอจะเรียกได้ว่าจุดประกายความหวังของเขาในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์ แต่เจ้าตัวก็ไม่สามารถแจ้งเกิดกับ สิงโตน้ำเงินครม ได้กระทั่งถูกปล่อยตัวสู่ เซาแธมป์ตัน และค้าแข้งอยู่กับพลพรรค นักบุญ นับตั้งแต่ซัมเมอร์ 2014 เป็นต้นมา
ล่าสุด เดอะเซนต์ส ประกาศอย่างเป็นทางการว่า เบอร์ทรานด์ จะบอกลาถิ่น เซนต์ แมรีส์ เมื่อสัญญาฉบับปัจจุบันของเจ้าตัวกับทีมจะสิ้นสุดลงในซัมเมอร์นี้
กองหน้า - ดิดิเยร์ ดร็อกบา
กองหน้าระดับตำนานของ เชลซี เจ้าของสถิติดาวยิงสูงสุดลำดับที่ 4 ในประวัติศาสตร์ของทีม (164 ประตู) เป็นรองเพียง เคอร์รี ดิ๊กสัน (193 ประตู), บ็อบบี้ แทมบลิง (202 ประตู) และ แฟรงค์ แลมพาร์ด (211 ประตู) เท่านั้น
ดิดิเยร์ ดร็อกบา เป็นคีย์แมนสำคัญของ สิงห์บลู นับตั้งแต่ย้ายจาก มาร์กเซย์ มาร่วมทัพด้วยมูลค่าราว 24 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์ 2004 พาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดครั้งแรกในรอบ 50 ปีตั้งแต่ซีซันดังกล่าวก่อนจะทิ้งทวนนัดสุดท้ายด้วยการคว่ำ บาเยิร์น มิวนิค ซิวแชมป์ยุโรปเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
ดร็อกบา ใช้เวลา 1 ซีซันหลังจากนั้นกับ เซี่ยงไฮ้ เสิ่นหัว, รีเทิร์นสู่ เชลซี ใน 2014/15, 2 ปีกับ มอนทรีอัล อิมแพ็คท์ ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งกับ ฟีนิกซ์ ไรซิง เมื่อปี 2018
ตัวสำรอง - ฟลอร็องต์ มาลูด้า
แข้งตัวรุกริมเส้นชาว ฝรั่งเศส ผู้สร้างชื่อมากับ ลียง ระหว่างปี 2003-2007 พาทีมซิวแชมป์ลีกเอิง 4 ฤดูกาลติดต่อกันก่อนที่ เชลซี จะคว้าตัวเขามาร่วมทัพในซัมเมอร์ 2007 ด้วยมูลค่าราว 13 ล้านปอนด์
นัดชิงชนะเลิศ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เกมนี้เป็นนัดสุดท้ายของ ฟลอร็องต์ มาลูด้า โดยเจ้าตัวดื้อแพ่งต้องการย้ายออกจากรัง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ในซัมเมอร์ให้หลังแต่ไม่สามารถปิดดีลกับทีมที่สนใจในตัวเขาได้ก่อนจะถูกดร็อปจากทีมชุดใหญ่และลงไปซ้อมร่วมกับทีมเยาวชนของ เดอะบลูส์
หลังจากนั้น มาลูด้า พเนจรสู่ แทร็บซอนสปอร์, เม็ตซ์, เดลี ไดนาโมส, วาดี้ เด็กลา และ เอฟซี ดิฟเฟอร์ดันเก้ 03 ก่อนจะแขวนสตั๊ดเมื่อปี 2018
ตัวสำรอง - เฟร์นานโด ตอร์เรส
แม้ว่าสถิติการพังประตูของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ เชลซี จะไม่ได้ดูถล่มทลายอย่างที่เขาเคยทำได้กับ ลิเวอร์พูล นักแต่เจ้าตัวก็ได้ลงสนามกับ สิงห์บลู อย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 4 ปีในถิ่น สแตมฟอร์ด บริดจ์
เส้นทางค้าแข้งของเจ้าตัวไปบรรจบกับ เอซี มิลาน ภายใต้สัญญายืมตัว 1 ฤดูกาล, รีเทิร์นสู่ แอตเลติโก มาดริด 2 ซีซันภายใต้สัญญายืมตัวก่อนจะเซ็นสัญญาถาวรกับทัพ ตราหมี และแขวนสตั๊ดกับ ซากัน โทสุ แห่ง เจลีก ในเวลาต่อมา
ล่าสุดในวัย 37 ปีเจ้าตัวประกาศเตรียมกลับมาโลดแล่นในสนามอีกครั้ง
ตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน
รอสส์ เทิร์นบูลล์ (36 ปี) - โค้ชผู้รักษาประตู ฮาร์ทลีย์พูล ยูไนเต็ด
โอริโอล โรเมอู (29 ปี) - เซาแธมป์ตัน
เปาโล แฟร์เรย์รา (42 ปี) - ทูตเชลซี
ไมเคิล เอสเซียน (38 ปี) - โค้ชนอร์ดสเจลแลนด์
ผู้จัดการทีม - โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ
อดีตแข้ง เชลซี ในช่วงปลายทศวรรษที่ 90 ที่ก้าวสู่เส้นทางกุนซือกับ มิลตัน คีย์นส์ ดอนส์, เวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยน และรีเทิร์นสู่ สิงห์บลู ในฐานะมือขวาของ อันเดร วิลลาส-โบอาส
ดิ มัตเตโอ ขยับมาเป็นผู้จัดการทีมขัดตาทัพเมื่อ วิลลาส-โบอาส แยกทางกับ เดอะบลูส์ กลางซีซันก่อนที่เขาจะพาทีมกรุยทางสู่การคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาลดังกล่าวควบแชมป์ เอฟเอ คัพ ในซีซันเดียวกัน
เจ้าตัวได้รับสัญญาถาวรในซัมเมอร์ดังกล่าวแต่ก็ต้องแยกทางกับทีมช่วงปลายปีจากผลงานที่น่าผิดหวังในของครึ่งซีซันถัดมาก่อนเจ้าตัวจะมีช่วงเวลาสั้นๆ กับ ชาลเก้ 2014/15 และ แอสตัน วิลลา 2016
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด