อุกอาจ! แมนยู คว้าผู้บริหาร แมนฯ ซิตี้ นั่งเก้าอี้ CEO
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยุค เซอร์ จิม แรทคลิฟฟ์ นั่งแท่นบริหารด้านฟุตบอล เปิดศึกกับอริร่วมเมือง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ โดยตรง ด้วยการคว้าตัว โอมาร์ เบอร์ราด้า (Omar Berrada) ผู้บริหารแห่ง เอติฮัด สเตเดี้ยม ข้ามฟากเมืองมารับตำแหน่งประธานฝ่ายบริหาร หรือ CEO ด้วยปฏิบัติการสายฟ้าแลบซึ่งเกิดขึ้นในเพียงข้ามคืนเท่านั้น
เบอร์ราด้า ประกาศลาออกจากงานที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม เมื่อวันเสาร์ และไม่กี่ชั่วโมงให้หลังก็ได้รับการยืนยันจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ว่าเจ้าตัวได้งานใหญ่ที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นที่เรียบร้อย โดยทีมผีแดงออกแถลงการณ์ว่า "แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีความยินดีที่จะประกาศแต่งตั้ง โอมาร์ เบอร์ราด้า เป็นซีอีโอคนใหม่"
“สโมสรมุ่งมั่นที่จะนำฟุตบอลและผลงานกลับมาสู่สนาม ที่เป็นหัวใจของทุกสิ่งที่เราทำ การแต่งตั้ง โอมาร์ ถือเป็นก้าวแรกในการเดินทางครั้งนี้"
“ในฐานะหนึ่งในผู้บริหารฟุตบอลที่มีประสบการณ์มากที่สุดในระดับแนวหน้าของฟุตบอลยุโรป โอมาร์ จะนำความเชี่ยวชาญด้านฟุตบอลและเชิงพาณิชย์มากมายมาสู่เรา พร้อมด้วยประวัติการเป็นผู้นำที่ประสบความสำเร็จ และความมุ่งมั่นที่จะช่วยเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงไปทั่วทั้งสโมสร ปัจจุบันเขาดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการฟุตบอลสำหรับ ซิตี้ ฟุตบอล กรุ๊ป โดยดูแล 11 สโมสรใน 5 ทวีป และก่อนหน้านี้ก็เคยดำรงตำแหน่งอาวุโสที่ บาร์เซโลน่า มาก่อนด้วย"
“เป็นความทะเยอทะยานของเราที่จะสร้าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ขึ้นมาใหม่ในฐานะสโมสรที่พร้อมคว้าแชมป์ เรายินดีที่ โอมาร์ จะมาร่วมงานกับเราเพื่อช่วยให้บรรลุเป้าหมายนั้น เพื่อที่แฟนๆ ยูไนเต็ดจะได้เห็นอีกครั้งในคำพูดของเซอร์ แม็ตต์ บัสบี้ ที่ว่า ธงแดงจะโบกสะบัดสู่จุดสูงสุดของฟุตบอลอังกฤษ, ยุโรป และโลกแห่งฟุตบอล"
เบอร์ราด้า ถูกดึงเข้ามาทำงานแทน ริชาร์ด อาร์โนลด์ ภายหลังเป็นคนที่ อินีออส สปอร์ต ต้องการตัว และทาง แพทริค สจ๊วร์ต ที่มารับตำแหน่งซีอีโอชั่วคราว ก็ไม่ต้องการงานนี้ในระยะยาว แม้จะยังคงอยู่ในตำแหน่งนี้จนกว่าที่จะส่งไม้ต่อให้ เบอร์ราด้า เข้ามาเริ่มงานวันแรกก็ตาม
สำหรับ เบอร์ราด้า ที่เกิดในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส จากครอบครัวเชื้อสายโมร็อกโก เริ่มต้นทำงานด้านประสานงานสปอนเซอร์กับทาง บาร์เซโลน่า ในปี 2004 ก่อนที่ แมนฯ ซิตี้ ยุค เป๊ป กวาร์ดิโอล่า จะคว้าตัวไปในปี 2011 ขณะที่การมารับงานกับ แมนฯ ยูไนเต็ด นั้น มีการเผยว่า เจ้าตัวจะได้สิทธิ์การบริหารงานทั้งฟุตบอลและธุรกิจอย่างเต็มตัวในฐานะ CEO