อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล: วิเคราะห์ 5 ประเด็นหลังเกม หงส์แดง ทำแต้มจี้ ซิตี้ โอกาสลุ้นแชมป์เปิดกว้าง

Arsenal v Liverpool - Premier League
Arsenal v Liverpool - Premier League / Justin Setterfield/GettyImages
facebooktwitterreddit

การแข่งขัน: ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2021/22
วันแข่งขัน: คืนวันพุธที่ 16 มีนาคม 2022
เวลาแข่งขัน: 03:15 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน: อาร์เซนอล 0-2 ลิเวอร์พูล
สนาม: เอมิเรตส์ สเตเดี้ยม


1. มาร์ติเนลลี vs เทรนท์

Trent Alexander-Arnold, Gabriel Martinelli
Arsenal v Liverpool - Premier League / Shaun Botterill/GettyImages

ท่ามกลางเกมที่ตึงเครียดเมื่อต่างฝ่ายต่างดักทางฝั่งตรงข้ามออกด้วยกันทั้งคู่ กลายเป็นการดวลกันระหว่าง กาเบรียล มาร์ติเนลลี กับ เทรนท์ อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์ ที่ทวีความมันส์มากขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป

ดาวเตะ บราซิเลียน ใช้ความคล่องตัวและการกระชากเลี้ยงจี้เข้าหาแบบไดเร็กต์ก่อนเปลี่ยนทิศทางอย่างฉับพลันเอาชนะฟูลแบ็ค ลิเวอร์พัดเลียน ครั้งแล้วครั้งเล่า สร้างความมั่นใจให้กับตนเองอย่างต่อเนื่องจนเกือบสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ลุ้นทำประตูในครึ่งหลัง

มาร์ติเนลลี จบเกมด้วยสถิติการเลี้ยงบอลผ่านคู่แข่งสำเร็จ 3/3 ครั้ง มากที่สุดในสนามเป็นรองเพียง โธมัส ปาร์เตย์ (4/4 ครั้ง)

2. วิสัยทัศน์ ติอาโก้

Diogo Jota, Thiago Alcantara
Arsenal v Liverpool - Premier League / Justin Setterfield/GettyImages

ติอาโก้ อัลคันทารา เกือบฝันร้ายเมื่อเป็นคนจ่ายบอลคืนหลังให้ อลิสซอน เบ็คเกอร์ พลาดถูก อเล็กซองดร์ ลากาเซ็ตต์ ตัดบอลได้แต่นายด่าน บราซิล ยังงัดซูเปอร์เซฟป้องกันจังหวะดังกล่าวไว้ได้อย่างไม่น่าเชื่อช่วงต้นครึ่งหลัง

ให้หลังจากนั้นไม่กี่อึดใจ กลายเป็น ติอาโก้ ที่งัดคิลเลอร์พาสแทงทะลุช่องจากแนวลึกส่งให้ ดิโอโก้ โชต้า หลุดเข้าไปล่อเป้า อารอน แรมส์เดล ไม่พลาด

ติอาโก้ กลายเป็นแข้งที่ทำคีย์พาส (จ่ายบอลให้เพื่อนสับไกยิง) มากที่สุดในสนามจำนวน 3 ครั้ง แถมด้วยเป็นแข้งที่เอาชนะในการเข้าปะทะมากที่สุด (5 ครั้ง) และตัดบอลได้มากที่สุด (4 ครั้ง)

3. ซาก้า ความหวัง ปืนโต เงียบกริบ

FBL-ENG-PR-ARSENAL-LIVERPOOL
FBL-ENG-PR-ARSENAL-LIVERPOOL / IAN KINGTON/GettyImages

กลายเป็นเกมที่ บูคาโย ซาก้า ทำได้เพียงประคองตัว ต่างจากการงัดฟอร์มที่เคยทำได้ในเกมก่อนๆ อย่างเห็นได้ชัดเมื่อต้องดวลกับ แอนดี้ โรเบิร์ตสัน

เจ้าตัวไม่อาจเลี้ยงบอลเอาชนะ ร็อบโบ้ ให้เห็นได้เลยและแทบจะถูกตัดออกจากเกมปล่อยให้ มาร์ติเนลลี ขับเคลื่อนเกมรุกที่อีกฝั่ง ที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ ซาก้า ยังเป็นคนที่ทำเสียบอลหน้ากรอบเขตโทษตนเองในจังหวะที่พยายามสวนกลับเร็วให้กับ โรเบิร์ตสัน จนกลายเป็นที่มาของประตู 1-0 โดย ลิเวอร์พูล

ซาก้า ถูกเปลี่ยนตัวออกในที่สุดแทนที่โดย นิโกลาส์ เปเป้ นาทีที่ 74 แต่ดาวเตะ ไอวอรี โคสต์ ก็ไม่อาจสร้างความแตกต่างได้เช่นเดียวกัน

4.

FBL-ENG-PR-ARSENAL-LIVERPOOL
FBL-ENG-PR-ARSENAL-LIVERPOOL / ADRIAN DENNIS/GettyImages

แม้ทีมของ มิเคล อาร์เตต้า จะพลิกวิกฤตที่เคยประสบเมื่อช่วงต้นฤดูกาลจนพุ่งทะยานขยับขึ้นมารั้งตำแหน่งท็อปโฟร์ในเวลานี้สำเร็จ แต่สิ่งที่เป็นปัญหาสำหรับ เดอะกันเนอร์ส คือการดวลกับเหล่าบิ๊กทีมที่มีศักยภาพมากกว่าพวกเขา

22 สิงหาคม อาร์เซนอล 0-2 เชลซี
28 สิงหาคม แมนฯ ซิตี้ 5-0 อาร์เซนอล
20 พฤศจิกายน ลิเวอร์พูล 4-0 อาร์เซนอล
26 ตุลาคม อาร์เซนอล 3-1 สเปอร์ส
2 ธันวาคม แมนฯ ยูไนเต็ด 3-2 อาร์เซนอล
1 มกราคม อาร์เซนอล 1-2 แมนฯ ซิตี้

แทบไม่น่าเชื่อว่า อาร์เซนอล ถูกเหล่าทีมใหญ่ดังกล่าวไล่บี้พ่ายแพ้หมดแทบทุกนัด มีเพียงเกม ลอนดอนดาร์บี้ กับ สเปอร์ส เท่านั้นที่กลายเป็นแรงผลักดันกลายๆ ให้กับแข้ง ปืนใหญ่ เอาชนะทัพ ไก่เดือยทอง ได้

5. เบียดล่าแชมป์ชนิดหายใจรดต้นคอ

Jurgen Klopp, Pep Guardiola
Liverpool v Manchester City - Premier League / Laurence Griffiths/GettyImages

ผลจากชัยชนะของ ลิเวอร์พูล (+55) ในเกมนี้ทำให้พวกเขาทำแต้มไล่จี้ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (+50) ในตำแหน่งจ่าฝูงเหลือเพียง 1 คะแนนเมื่อจบเกมนัดที่ 29 เท่ากันหลังจากที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรือใบสีฟ้า ทำได้เพียงเสมอกับ คริสตัล พาเลซ แบบไร้สกอร์

ที่น่าทึ่งไปกว่านั้นสำหรับพลพรรค เร้ดแมชีน หากย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา พวกเขามีช่องว่างคะแนนตามหลัง ซิตี้ ถึง 14 แต้มก่อนที่ช่องว่างดังกล่าวจะถูกบีบลงเมื่อทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์​ ซิวชัยในลีก 9 นัดติดต่อกัน ขณะที่ลูกทีมของ เป๊ป กวาร์ดิโอลา ทำแต้มหายไป 7 คะแนนระหว่าง 9 เกมนั้น

โดยโปรแกรมระดับ 5 กระโหลกหลังจากนี้คือคิวดวลกันระหว่าง แมนฯ ซิตี้ กับ ลิเวอร์พูล ที่ เอติฮัด สเตเดี้ยม ในวันที่ 10 เมษายนนี้