8 สตาร์ที่ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในยุคของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด - FEATURE
โดย ชยพล ธานีวัฒน์
ข่าวการเตรียมตัวลาออกของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด รองประธานบริหารของสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สโมสรใน พรีเมียร์ลีก ถือเป็นข่าวใหญ่หลังการล่มสลายของรายการ ยูโรเปี้ยน ซูเปอร์ลีก เมื่อต้นสัปดาห์ก่อน
อดีตนายธนาคารรายนี้ทำหน้าที่รับใช้ทีม ปีศาจแดง มายาวนานถึง 8 ปีเต็ม และส่วนใหญ่เขาก็ไม่ใช่คนที่ป็อปปูลาในหมู่แฟนบอลมากนัก โดยเฉพาะในเรื่องของการซื้อขายนักเตะที่เจ้าตัวทำหน้าที่เบื้องหลังในการดำเนินการทุกอย่าง
"เสี่ยเอ็ด" มักโดนสาวก ยูไนเต็ด ก่นด่าทุกซัมเมอร์และตลาดหน้าหนาวเพราะการดำเนินการที่เชื่องช้าและดีลที่ไม่สมเหตุสมผล แถมเมื่อได้ตัวนักเตะมาร่วมทีม หลายคนก็ล้มเหลวไม่เป็นท่าชนิดที่แฟนบอลแทบอยากจะไล่ไปให้พ้น ๆ สโมสรอยู่ทุกวี่วัน
และนี่คือ 8 แข้งที่ไม่ประสบความสำเร็จในยุคของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด
1. บิคตอร์ บัลเดส
ผู้รักษาประตูระดับตำนานของ บาร์เซโลนา ที่ผ่านความสำเร็จมาอย่างมากมาย โดย แมนฯ ยูไนเต็ด ตัดสินใจดึงตัวมาร่วมทีมเมื่อปี 2015 แบบไม่มีค่าตัวแต่ด้วยอาการบาดเจ็บหนักก่อนหน้านั้นและวัยที่มากขึ้นทำให้ บัลเดส ได้ลงสนามให้ทีม ปีศาจแดง ไปเพียง 2 นัดจากนั้นก็ถูกส่งไปให้ สตองดาร์ด ลีแอช ยืมตัวก่อนจะย้ายกลับมาเล่นใน พรีเมียร์ลีก กับ มิดเดิ้ลสโบรช์ แบบถาวร
2. บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์
การย้ายมายังถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของมิดฟิลด์ดีกรีแชมป์โลกอาจถือว่าสายเกินไป เพราะเขาเพิ่งผ่านจุดสูงสุดของการค้าแข้งไปเมื่อไม่กี่ปีก่อนหน้านี้ในวัย 31 ปี และถือเป็นนักเตะชาวเยอรมันคนแรกในประวัติศาสตร์สโมสร อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนหัวเรืออย่าง หลุยส์ ฟาน กัล เป็น โชเซ มูรินโญ เท่ากับเป็นการปิดฉากการค้าแข้งของ ชไวนี หลังจากที่เขาถูกส่งไปซ้อมกับทีมอายุไม่ต่ำกว่า 23 ปีและท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการย้ายไปเล่นใน เมเจอร์ลีก กับ ชิคาโก้ ไฟร์
3. เมมฟิส เดปาย
เดปาย ย้ายเข้ามาร่วมทีม เร้ดเดวิลส์ ด้วยค่าตัว 25 ล้านปอนด์จาก พีเอสวี ไอด์โฮเฟน พร้อมกับความคาดหวังว่าเขาจะกลายเป็น "คริสเตียโน โรนัลโด้" คนต่อไปของสาวก เร้ดอาร์มี แต่จนแล้วจนรอดเจ้าตัวก็ล้มเหลวไม่เป็นท่ากับการยิงไปเพียง 7 ประตูจากการลงสนาม 45 นัดในซีซันแรก จากนั้นในฤดูกาลต่อมาก็ถูกขายต่อให้ โอลิมปิค ลียง และไประเบิดฟอร์มจนกลายเป็นซูเปอร์สตาร์ของ ลีกเอิง ในที่สุด
4. มาร์กอส โรโฮ
หลุยส์ ฟาน กัล ต้องการเซ็นสัญญากับกองหลังชาวอาร์เจนไตน์อย่างมากหลังจากที่เข้ามารับงานต่อจาก เดวิด มอยส์ และเป็น เอ็ด วู้ดเวิร์ด ที่จัดให้ในราคา 16 ล้านปอนด์ และแม้ว่าจะโชว์ฟอร์มได้ดีในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็ต้องใส่สนับก้นบนม้านั่งสำรองเสียเป็นส่วนใหญ่ และที่เลวร้ายไปกว่านั้นคือ โรโฮ ได้ลงสนามไปแค่ 15 เกมนับตั้งแต่สิ้นสุดซีซัน 2017-2018 เป็นต้นมา เป็นเหตุให้ ยูไนเต็ด ตัดสินใจขายให้ โบคา จูเนียร์ ทีมในบ้านเกิดไปเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา
5. อังเคล ดิ มาเรีย
แฟน ๆ ปีศาจแดง ต่างดีใจกันจนเนื้อเต้น เมื่อเสี่ยเอ็ดปิดดีลใหญ่ได้สำเร็จ นั่นคือการดึง ดิ มาเรีย มาจาก เรอัล มาดริด ด้วยค่าตัว 59 ล้านปอนด์ พร้อมทั้งการออกสตาร์ท พรีเมียร์ลีก ที่เปรียบเสมือนความฝันยิ่งทำให้กองเชียร์เชื่อว่าพวกเขาเจอจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่จะพาทีมกลับสู่ความยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งแล้ว อย่างไรก็ตามช่วงฮันนีมูนนั้นสั้นเพียงนิดเดียว เพราะแค่อีกไม่กี่เกมต่อมาปีกชาวอาร์เจนไตน์ก็ฟอร์มตกเอาดื้อ ๆ และหาทางไปไม่เจอตลอดทั้งซีซัน จนท้ายที่สุดก็โดนเลหลังให้กับ เปแอชเช หลังจบฤดูกาลทันที
6. มอร์แกน ชไนเดอร์แลง
ดีลสุดเซอร์ไพรส์ที่ทำเอาแฟน ๆ แมนฯ ยูไนเต็ด ต่างเกาหัวแกรก ๆ ว่ามาได้ยังไง แถมสนนราคาก็แพงเอาเรื่องที่ 25 ล้านปอนด์ อันที่จริงกองกลางชาวฝรั่งเศสโชว์ฟอร์มได้ดีกับ เซาแธมป์ตัน มาระยะหนึ่งแล้ว และเป็นที่จับตาของหลายทีม แต่คงไม่มีใครคิดว่า เอ็ด วู้ดเวิร์ด จะทุ่มเงินขนาดนั้นกับมิดฟิลด์ที่ไร้ดีกรีเช่นนี้ และท้ายที่สุดก็เป็นไปตามคาด ชไนเดอร์แลง อยู่กับทีมได้เพียง 2 ซีซัน ลงเล่นไป 47 นัดและไม่เป็นที่จดจำใด ๆ ก่อนจะย้ายไป เอฟเวอร์ตัน ในที่สุด
7. ฟัลเกา
นี่ก็เป็นหนึ่งในดีลฮือฮาในยามนั้น ฟัลเกา กองหน้าทีมชาติโคลอมเบียที่กำลังยิงระเบิดเถิดเทิงกับ โมนาโก ย้ายมาเล่นในถิ่น โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในแบบยืมตัวเป็นเวลา 1 ฤดูกาลด้วยเงินเพียง 6 ล้านปอนด์ และรับค่าเหนื่อยมหาศาลถึง 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ อย่างไรก็ตามเจ้าตัวก็ไม่อาจแผลงฤทธิ์ใน พรีเมียร์ลีก ได้โดยยิงไปแค่ 4 ประตูจากการลงสนาม 29 นัด และแน่นอนว่าไม่มีการซื้อขาดแต่อย่างใด
8. อเล็กซิส ซานเชซ
หากจะให้สรุปความล้มเหลวการซื้อขายนักเตะในยุคสมัยของ เอ็ด วู้ดเวิร์ด กรณีของ อเล็กซิส ซานเชซ ถือเป็นอะไรที่เห็นภาพชัดเจนว่าภายใต้ผู้บริหารรายนี้พวกเขาทำงานกันอย่างไร กองหน้าชาวชิลีโยกมาค้าแข้งกับ ยูไนเต็ด ในขณะที่ เฮนริค มคิทาร์ยาน ย้ายสลับไปยัง อาร์เซนอล พร้อมด้วยการจ่ายเงินอีกก้อนมูลค่า 30 ล้านปอนด์ เมื่อปี 2018 และประเคนค่าเหนื่อยให้สูงสุดในประวัติศาสตร์สโมสรและ พรีเมียร์ลีก ที่ 500,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก่อนหักภาษี ซึ่งสิ่งที่ตอบแทนกลับมาคือการยิงไปเพียง 5 ประตูจาก 45 นัดในทุกรายการก่อนจะถูกโละไปให้ อินเตอร์ มิลาน เอาไปใช้งานต่อแบบไม่ต้องคิดอะไรเยอะ
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด