ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน | ฟุตบอล พรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20 |
วันแข่งขัน | วันอาทิตย์ที่ 22 กันยายน 2019 |
เวลาแข่งขัน | 22.30 น. ตามเวลาประเทศไทย |
คู่แข่งขัน | เชลซี vs ลิเวอร์พูล |
สนาม | สแตมฟอร์ด บริดจ์ |
ถ่ายทอดสด | True Premier Football HD |
ความพร้อมทั้ง 2 ทีม
เชลซี
เอ็นโกโล ก็องเต้ หายจากอาการบาดเจ็บกลับมาลงฝึกซ้อมร่วมกับเพื่อนร่วมทีมได้ตั้งแต่ก่อนเกมที่พวกเขาปราชัยต่อ บาเลนเซีย แต่ไม่ได้ลงเล่นในเกมดังกล่าวแต่คาดว่าจะมีชื่อออสตาร์ทดวล หงส์แดง ในเกมนี้ซึ่งการรีเทิร์นของ ก็องเต้ ทำให้ แฟรงค์ แลมพาร์ด สามารถปรับรูปแบบการเล่นมาเป็น 4-3-3 ได้หลังจากใช้เซ็นเตอร์แบ็ค 3
คัลลัม ฮัดสัน-โอดอย และ รีซ เจมส์ เพิ่งจะหายจากอาการบาดเจ็บกลับมาและคาดว่า แลมพาร์ด จะยังไม่เสี่ยงใช้งานทั้ง 2 คนในเกมนี้ขณะที่ เมสัน เมาท์ ที่เจ็บมาจากเกมกับ ไอ้ค้างคาว ยังคงต้อรอทดสอบความฟิตจนนาทีสุดท้ายโดยที่ รูเบน ลอฟตัส-ชีค กับ อันโตนิโอ รือดิเกอร์ จะพลาดการลงสนามในเกมนี้อย่างแน่นอนจากอาการบาดเจ็บระยะยาว
คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3
ผู้รักษาประตู | อาร์ริซาบาลากา |
กองหลัง | อัซปิลิกวยต้า, ซูมา, คริสเตนเซน, อลอนโซ |
กองกลาง | ก็องเต้, จอร์จินโญ, โควาชิช |
กองหน้า | เปโดร, อับราฮัม, วิลเลียน |
Time to hear from Frank Lampard before Sunday’s big game! His thoughts on the way...#CHELIV pic.twitter.com/QT6MnajC1c
— Chelsea FC (@ChelseaFC) September 20, 2019
ลิเวอร์พูล
แอนดี้ โรเบิร์ตสัน มีอาการบาดเจ็บในเกมที่ เดอะเร้ดส์ บุกไปปราชัยต่อ นาโปลี ในศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก 2-0 เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมาแต่คาดว่าจะฟิตทันลงสนามในเกมนี้ อย่างไรก็ตาม เยอร์เก้น คล็อปป์ จะยังไม่สามารถใช้งาน อลิสซอน เบ็คเกอร์, นาธาเนียล ไคลน์ และ ดิว็อค โอริกี ได้จากโรคเดี้ยง ขณะที่ นาบี เกอิต้า เพิ่งจะหายเจ็บกลับมาลงซ้อมกับเพื่อนร่วมทีมได้เต็มรูปแบบในวันศุกร์เท่านั้น
คาดการณ์ว่านายใหญ่ขาว เยอรมัน จะไม่เปลี่ยนแปลงรายชื่อนักเตะในตำแหน่งตัวจริงมากนักจากเกมถ้วยบิ๊กเอียร์โดยมี อเล็กซ์ อ็อกซ์เหลด-แชมเบอร์เลน, โจ โกเมซ และ จินี ไวนัลดุม เป็นแคนดิเดทเบียดแย่งตำแหน่ง 11 คนแรก
คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3
ผู้รักษาประตู | อาเดรียน |
กองหลัง | อเล็กซานเดอร์-อาร์โนลด์, มาติป, ฟาน ไดค์, โรเบิร์ตสัน |
กองกลาง | เฮนเดอร์สัน, ฟาบินโญ, ไวนัลดุม |
กองหน้า | ซาลาห์, ฟิร์มิโน, มาเน |
Naby Keita will resume full training at Melwood today, while @Alissonbecker and Divock Origi are making positive progress 👊
— Liverpool FC (@LFC) September 20, 2019
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
เชลซี (ชนะ 2 เสมอ 2 แพ้ 1)
18 กันยายน | แชมเปี้ยนส์ลีก | เชลซี | 0 : 1 | บาเลนเซีย | แพ้ |
14 กันยายน | พรีเมียร์ลีก | วูล์ฟส | 2 : 5 | เชลซี | ชนะ |
31 สิงหาคม | พรีเมียร์ลีก | เชลซี | 2 : 2 | เชฟฯ ยูไนเต็ด | เสมอ |
24 สิงหาคม | พรีเมียร์ลีก | นอริช | 2 : 3 | เชลซี | ชนะ |
18 สิงหาคม | พรีเมียร์ลีก | เชลซี | 1 : 1 | เลสเตอร์ | เสมอ |
ลิเวอร์พูล (ชนะ 4 เสมอ 0 แพ้ 1)
18 กันยายน | แชมเปี้ยนส์ลีก | นาโปลี | 2 : 0 | ลิเวอร์พูล | แพ้ |
14 กันยายน | พรีเมียร์ลีก | ลิเวอร์พูล | 3 : 1 | นิวคาสเซิล | ชนะ |
1 กันยายน | พรีเมียร์ลีก | เบิร์นลีย์ | 0 : 3 | ลิเวอร์พูล | ชนะ |
25 สิงหาคม | พรีเมียร์ลีก | ลิเวอร์พูล | 3 : 1 | อาร์เซนอล | ชนะ |
17 สิงหาคม | พรีเมียร์ลีก | เซาแธมป์ตัน | 1 : 2 | ลิเวอร์พูล | ชนะ |
เฮดทูเฮด (เชลซี ชนะ 2 เสมอ 1 ลิเวอร์พูล ชนะ 2)
15 สิงหาคม 2019 | ซูเปอร์คัพ | ลิเวอร์พูล | 3 : 2(1 : 1) | เชลซี |
14 เมษายน 2019 | พรีเมียร์ลีก | ลิเวอร์พูล | 2 : 0 | เชลซี |
30 กันยายน 2018 | พรีเมียร์ลีก | เชลซี | 1 : 1 | ลิเวอร์พูล |
27 กันยายน 2018 | คาราบาว คัพ | ลิเวอร์พูล | 1 : 2 | เชลซี |
6 พฤษภาคม 2018 | พรีเมียร์ลีก | เชลซี | 1 : 0 | ลิเวอร์พูล |
สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ
- เชลซี เพิ่งจะเก็บชัยชนะในการพบกับ ลิเวอร์พูล ในศึก พรีเมียร์ลีก เพียงแค่ 1 นัดเท่านั้นจากการพบกัน 9 ครั้งหลังสุด (เสมอ 5 แพ้ 3) เมื่อเดือนพฤษภาคม 2018 กับสกอร์ 1-0 จากประตูของ โอลิวิเยร์ ชิรูด์
- อย่างไรก็ตามหลังจากที่ หงส์แดง สามารถบุกมาเอาชนะ สิงห์บลู ในศึก พรีเมียร์ลีก ได้เพียง 1 นัดจากการพบกัน 16 ครั้งแรกสุด (เสมอ 4 แพ้ 11) จากนั้นเป็นต้นมา เร้ดแมชีน ก็สามารถบุกมาเก็บชัยที่นี่ได้ 5 จาก 11 เกมหลังสุดที่ สแตมฟอร์ด บริดจ์ (ชนะ 5 เสมอ 3 แพ้ 3)
- สิงโตน้ำเงินคราม สามารถพังประตู เดอะเร้ดส์ ได้ทั้งหมด 19 นัดจากทั้งหมด 20 เกมหลังสุดเมื่อรวมทุกรายการ มีเพียงแมต์ที่พวกเขาปราชัยต่อ เร้ดแมชีน 0-2 ฤดูกาลก่อนที่ แอนฟิลด์ เท่านั้นที่พวกเขาไม่สามารถซัลโวใส่ หงส์แดง ได้
- ลูกทีมของ เยอร์เก้น คล็อปป์ เพิ่งจะปราชัยในศึก พรีเมียร์ลีก 44 นัดหลังสุดไปเพียงแค่ 1 เกมเท่านั้น (ชนะ 36 เสมอ 7 แพ้ 1) และไร้พ่ายใน 22 เกมหลังสุด (ชนะ 18 เสมอ 4) นับเป็นสถิติที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ของ หงส์แดง นับตั้งแต่ที่พวกเขาไร้พ่าย 23 นัดติดต่อกันจนถึงพฤศจิกายน 1990 เมื่อครั้งอดีต
- อย่างไรก็ตาม เชลซี ปราชัยในรังเหย้าของพวกเขาบนเวที พรีเมียร์ลีก ไปเพียงแค่ 1 นัดจาก 24 เกมหลังสุด (ชนะ 13 เสมอ 10 แพ้ 1) และไร้พ่ายใน 11 เกมหลังสุด (ชนะ 6 เสมอ 5)
- แทมมี อับราฮัม ซัลโวให้กับทีมเฉลี่ยอย่างน้อยนัดละ 2 ประตูจากการลงสนามใน พรีเมียร์ลีก 3 เกมหลังสุด (ทั้งหมด 7 ประตู) นักเตะคนเดียวที่สามารถรักษาค่าเฉลี่ยดังกล่าวไว้ได้ถึง 4 นัดติดต่อกันคือ หลุยส์ ซัวเรซ (ลิเวอร์พูล ในเดือนธันวาคม 2013)
- ซาดิโอ มาเน พังประตูใน พรีเมียร์ลีก ให้กับ ลิเวอร์พูล 49 ลูกจากการลงสนาม 97 นัด หากเจ้าตัวสามารถซัลโวลูกที่ 50 ได้ในเกมนี้จะทำให้เขากลายเป็นนักเตะคนที่ 10 ของ หงส์แดง ที่ยิงแตะหลัก 50 ประตูในลีกให้กับทีม แซงหน้า แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่มี 9 คนมากกว่าทีมใดๆ
- เยอร์เก้น คล็อปป์ สามารถพา หงส์แดง กลับมาเก็บชัยชนะเหนือ สิงห์บลู ในศึก พรีเมียร์ลีก 2 จาก 4 นัดหลังสุด ทว่าไม่เคยมีผู้จัดการทีม เร้ดแมชีน คนใดสามารถบุกมาคว่ำ สิงโตน้ำเงินคราม ถึง สแตมฟอร์ด บริดจ์ ได้ 3 นัดมาก่อน
- แฟรงค์ แลมพาร์ด จะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 16 ของ เชลซี ที่นำทีมต่อกรกับ ลิเวอร์พูล ใน พรีเมียร์ลีก ซึ่งไม่มีกุนซือคนใดของพวกเขาเมื่อนับจาก 6 คนหลังสุดที่สามารถพา สิงห์บลู คว่ำ หงส์แดง ในการพบกันครั้งแรกลงได้นับตั้งแต่ที่ คาร์โล อันเชลอตติ ทำได้เมื่อเดือนตุลาคม 2009
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใด ๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด