ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน | ฟุตบอล เอฟเอ คัพ 2018/19 นัดชิงชนะเลิศ |
วันแข่งขัน | วันเสาร์ที่ 18 พฤษภาคม 2562 |
เวลาแข่งขัน | 23:00 น. ตามเวลาประเทศไทย |
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ vs วัตฟอร์ด | |
สนาม | เวมบลีย์ |
ถ่ายทอดสด | beIN Sports1 |
ความพร้อมทั้ง 2 ทีม
แมนเชสเตอร์ ซิตี้
เรือใบสีฟ้า จะยังคงไร้ เบนฌาแม็ง เมนดี้ ในตำแหน่งแบ้คซ้ายจากอาการบาดเจ็บโดยคาดว่า โอเล็กซานเดอร์ ซินเชนโก้ จะได้ออกสตาร์ทแทนที่ ขณะที่ เควิน เดอ บรอยน์ เพิ่งจะหายเดี้ยงกลับมาน่าจะมีชื่อลงเล่นที่แดนกลางโดย แบร์นาโด้ ซิลวา จะถูกดันไปเล่นที่แดนหน้าร่วมกับ ราฮีม สเตอร์ลิง และ เซร์คิโอ อเกวโร
ส่วน อิลคาย กุนโดกัน น่าจะถูกเลือกเป็นหนึ่งในผู้เล่นตัวจริงประจำการในแดนกลางแทนที่ แฟร์นันดินโญ ที่ค่อนข้างกรอบในช่วงหลัง และที่แดนหลัง เป๊บ กวาร์ดิโอลา มีตัวเลือกทั้ง จอห์น สโตนส์, แวงซ็องต์ กอมปานี และ นิโกลาส์ โอตาเมนดี้ เบียดแย่งตำแหน่งตัวจริงร่วมกับ ไอเมอริค ลาปอร์กต์
คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-3-3
ผู้รักษาประตู | เอแดร์ซอน |
กองหลัง | วอล์คเกอร์, กอมปานี, ลาปอร์กต์, ซินเชนโก้ |
กองกลาง | ซิลบา, กุนโดกัน, เดอ บรอยน์ |
กองหน้า | แบร์นาโด้, อเกวโร, สเตอร์ลิง |
Wembley awaits...
— Manchester City (@ManCity) May 17, 2019
🔵 #mancity 🏆 pic.twitter.com/vZyIIcydx9
วัตฟอร์ด
โฆเซ โฮเลบาส ถููกไล่ออกในเกม ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ นัดสุดท้ายของฤดูกาลแต่ทัพ แตนอาละวาด อุทธรณ์โทษผ่านและจะมีสิทธิ์ลงเล่นในเกมนี้
กิโก้ ฟีมีเนีย และ ดาริล ยานมาท ขับเคี่ยวแย่งตำแหน่งแบ็คขวาตัวจริงโดยที่ผู้เล่นตำแหน่งอื่นของ วัตฟอร์ด จะยังคงเป็นแข้งชุดที่ดีที่สุดของพวกเขา โดยที่ เอเรลโญ โกเมส จะมีโอกาสเล่นเป็นเกมสุดท้ายของเส้นทางค้าแข้งก่อนแขวนถุงมือ
ฆาบี กราเซีย มีเพียง โดมิงกอส คินา เท่านั้นที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บและไม่สามารถช่วยทีมได้ในเกมนี้
คาดการณ์ 11 ตัวจริง : 4-2-2-2
ผู้รักษาประตู | โกเมส |
กองหลัง | ฟีมีเนีย, คาบาเซเล, แคธคาร์ท, โฮเลบาส |
กองกลาง | ดูกูเร, คาปู เปเรย์รา, ฮิวจ์ส |
กองหน้า | เดวโลเฟว, ดีนีย์ |
#ImagineIf - The Highs and Lows of Watford FC
— Watford Football Club (@WatfordFC) May 17, 2019
Chapter 5⃣ is just beginning... here's the start, let's finish it together tomorrow...
I'm not crying... you are...
💛🖤💛🖤 pic.twitter.com/UC2hw4Ldgv
ผลงาน 5 นัดหลังสุด
แมนเชสเตอร์ ซิตี้ (ชนะ 5 เสมอ 0 แพ้ 0)
12 พฤษภาคม | พรีเมียร์ลีก | ไบรท์ตัน | 1 : 4 | แมนฯ ซิตี้ | ชนะ |
7 พฤษภาคม | พรีเมียร์ลีก | แมนฯ ซิตี้ | 1 : 0 | เลสเตอร์ | ชนะ |
28 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | เบิร์นลีย์ | 0 : 1 | แมนฯ ซิตี้ | ชนะ |
25 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | แมนฯ ยูไนเต็ด | 0 : 2 | แมนฯ ซิตี้ | ชนะ |
20 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | แมนฯ ซิตี้ | 1 : 0 | สเปอร์ส | ชนะ |
วัตฟอร์ด (ชนะ 2 เสมอ 1 แพ้ 2)
12 พฤษภาคม | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 1 : 4 | เวสต์แฮม | ชนะ |
5 พฤษภาคม | พรีเมียร์ลีก | เชลซี | 3 : 0 | วัตฟอร์ด | แพ้ |
27 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 1 : 2 | วูล์ฟส | แพ้ |
24 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 1 : 1 | เซาแธมป์ตัน | เสมอ |
20 เมษายน | พรีเมียร์ลีก | ฮัดเดอร์สฟิลด์ | 1 : 2 | วัตฟอร์ด | ชนะ |
เฮดทูเฮด (แมนฯ ซิตี้ ชนะ 5 เสมอ 0 วัตฟอร์ด ชนะ 0)
10 มีนาคม 2019 | พรีเมียร์ลีก | แมนฯ ซิตี้ | 3 : 1 | วัตฟอร์ด |
5 ธันวาคม 2018 | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 1 : 2 | แมนฯ ซิตี้ |
3 มกราคม 2018 | พรีเมียร์ลีก | แมนฯ ซิตี้ | 3 : 1 | วัตฟอร์ด |
16 กันยายน 2017 | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 0 : 6 | แมนฯ ซิตี้ |
21 พฤษภาคม 2017 | พรีเมียร์ลีก | วัตฟอร์ด | 0 : 5 | แมนฯ ซิตี้ |
สถิติจาก OPTA ที่น่าสนใจ
- แมนเชสเตอร์ ซิตี้ จ่อสร้างประวัติศาสตร์เป็นทีมแรกของ อังกฤษ ที่สามารถคว้าแชมป์ลีกสูงสุด, แชมป์ ลีกคัพ และ แชมป์ เอฟเอ คัพ ได้ในฤดูกาลเดียว
- เรือใบสีฟ้า จะเป็นทีมที่ 4 ที่สามารถคว้าแชมป์บอลถ้วยในประเทศทั้ง 2 รายการได้ในซีซันเดียวกันต่อจาก อาร์เซนอล (1992/93), ลิเวอร์พูล (2000/01) และ เชลซี (2006/07)
- ทัพซิตีเซนส์ จะลงเล่นในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ เป็นครั้งที่ 11 ในประวัติศาสตร์ของพวกเขา และนับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 ที่พวกเขาปราชัยต่อ วีแกน 0-1 โดยที่ ซิตี้ เคยซิวแชมป์รายการนี้มาได้ 5 สมัย (1904,1934,1956, 1969 และ 2011)
- วัตฟอร์ด เคยลงเล่นเกม เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศเพียงครั้งเดียวในปี 1984 ภายใต้การคุมทีมของ เกรแฮม เทย์เลอร์ และอกหักปราชัยต่อ เอฟเวอร์ตัน 0-2 ที่ เวมบลีย์
- 35 ปีที่รอคอยสู่การเข้าชิงชนะเลิศ เอฟเอ คัพ ของทัพ แตนอาละวาด นับว่ายาวนานที่สุดถัดจาก 52 ปีของ เชลซี ที่เคยเข้าชิงชนะเลิศครั้งแรกในปี 1915 ก่อนที่จะทำได้อีกครั้งในปี 1967
- ในประวัติศาสตร์การแข่งขัน เอฟเอ คัพ นัดชิงชนะเลิศ ไม่เคยมีทีมใดจากครึ่งล่างของลีกสูงสุดสามารถเอาชนะทีมแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ โดยทีมอันดับที่ต่ำที่สุดที่เคยทำได้คือ แอสตัน วิลลา ในที่ 10 ที่เอาชนะแชมป์ ดิวิชัน 1 อย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ในปี 1957
- แมนฯ ซิตี้ เคยเขี่ย วัตฟอร์ด ตกรอบ เอฟเอ คัพ ก่อนที่พวกเจาจะกรุยทางไปคว้าแชมป์ได้ 3 สมัย (3-1 ในปี 1996/97, 3-0 ในปี 2012/13 และ 4-2 ในปี 2013/14) และครั้งเดียวที่ เดอะฮอร์เน็ตส์ เคยเขี่ย ซิตี้ ร่วงเกิดขึ้นในฤดูกาล 1985/86 กับรอบที่ 4 ของรายการ
- วัตฟอร์ด ปราชัยต่อ แมนฯ ซิตี้ มาแล้ว 10 นัดรวดจากการพบกันรวมทุกรายการ เสียประตูรวมทั้งสิ้น 32 ลูก และไม่สามารถเข่น เรือใบ ลงได้มา 15 เกมติดต่อกันเข้าไปแล้วนับตั้งแต่ชัยชนะ 1-0 เมื่อปี 1989
- เจราร์ด เดวโลเฟว เป็นแข้ง แตนอาละวาด ที่ยิงประตูให้กับทีมได้มากที่สุดในฤดูกาลนี้เมื่อรวมทุกรายการที่ 12 ลูก โดย 9 ประตูในนั้นเกิดขึ้นใน 13 เกมหลังสุด
- ขณะที่ เซร์คิโอ อเกวโร มีส่วนร่วมกับประตูทั้งหมด 12 ลูกจากการลงเล่นดวลกับ วัตฟอร์ด 7 นัดเมื่อรวมทุกรายการ (10 ประตูกับ 2 แอสซิสต์) ซึ่งเป็น 2 แฮตทริคและหนึ่งในนั้นเกิดขึ้นในเกมที่พวกเขาเอาชนะ วัตฟอร์ด 4-2 ใน เอฟเอ คัพ เมื่อปี 2014
- อเกวโร ซัดให้กับ ซิตี้ ไปแล้วทั้งสิ้น 32 ประตูเมื่อรวมทุกรายการในซีซันนี้ มีเพียงฤดูกาล 2016/17 เท่านั้นที่เขาเคยซัลโวได้มากกว่านี้ (33 ประตู)
- กุน อเกวโร พังประตูในรายการ เอฟเอ คัพ รวมทั้งสิ้น 18 ลูกนับตั้งแต่ที่เขาวาดลวดลายในฟุตบอลอังกฤษในซีซัน 2011/12 มากกว่าเพื่อนร่วมทีมคนใดๆ
- นับเป็นการดวลกันระหว่างผู้จัดการทีมที่มีสัญชาติเดียวกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2008 (เดฟ โจนส์ และ แฮร์รี เรดแนปป์) และเป็นครั้งที่ 2 เท่านั้นที่มีผู้จัดการไม่ใช่ชาวอังกฤษโคจรมาพบกันในนัดชิงชนะเลิศนับตั้งแต่ที่ อาร์เซน เวนเกอร์ ดวลกับ เชราร์ด อุลลิเยร์ เมื่อปี 2001
- ไม่ว่า เป๊บ กวาร์ดิโอลา หรื ฆาบี กราเซีย จะพาทีมชูถ้วย เอฟเอ คัพ สำเร็จ เขาจะกลายเป็นผู้จัดการทีมชาว สเปน คนที่ 3 ต่อจาก ราฟา เบนิเตซ (ลิเวอร์พูล, 2006) และ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ (วีแกน, 2013) ที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้
- วัตฟอร์ด เป็นหนึ่งในทีมที่ กวาร์ดิโอลา มีสถิติคุมทีมชนะ 100 เปอร์เซ็นต์จากทุกครั้งที่พบกัน (6 นัด) มีเพียง 4 ทีมนอกจาก เดอะฮอร์เน็ตส์ ที่ เป๊บ เคยชนะรวดมาแล้ว ได้แก่ มาลาก้า, ฮันโนเวอร์, แวร์เดอร์ เบรเมน (ชนะ 8 จาก 8 ครั้งที่พบกัน) และ เวสต์แฮม (ชนะ 7 จาก 7 ครั้ง)
- เป๊บ จะกลายเป็นผู้จัดการทีมคนที่ 8 ในประวัติศาตร์ลูกหนังอังกฤษต่อจาก บิล นิโคลสัน, ดอน เรวี, จอห์น เมอร์เซอร์, เคนนี ดัลกลิช, จอร์จ เกรแฮม, อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และ โชเซ มูรินโญ ที่เคยคว้าทั้งแชมป์ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ลีกคัพ ได้สำเร็จหากพา ซิตี้ เข่น วัตฟอร์ด ในเกมนี้ลงได้
สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น ! * ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆหากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฎหมายที่ระบุไว้สูงสุด