แมนฯ ชิตี้ 3-0 อาร์เซนอล : เก็บตก 5 ประเด็นร้อนหลังเกม พรีเมียร์ลีก ปืนใหญ่ บุกพ่าย ประเดิมสนาม

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images
facebooktwitterreddit

ข้อมูลการแข่งขัน
การแข่งขัน : ฟุตบอลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ 2019/20
คินวันแข่งขัน : วันพุธที่ 17 มิถุนายน 2020
เวลาแข่งขัน : 02.15 น. ตามเวลาประเทศไทย
ผลการแข่งขัน : แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3-0 อาร์เซนอล
สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม


1. รูปเกมที่เรือใบดูเหนือกว่าแทบทุกอย่าง

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Pool/Getty Images

นัดนี้แม้ในช่วงต้นเกมดูเหมือนลูกทีมของ มิเกล อาร์เตตา จะสามารถต่อกรกับทีมของลูกพี่เก่าอย่าง เป๊ป กวาร์ดิโอลา ได้อย่างสูสี แต่หลังจากที่ พลพรรคเรือใบสีฟ้า ตั้งเกมของตัวเองได้ อาร์เซนอล ก็เป็นฝ่ายตกเป็นรองให้ ซิตี้ ซ้อมบอลบุกเข้าใส่แทบจะตลอด 90 นาทีเต็ม ด้วยอัตราการครองบอล 68 ต่อ 32 เปอร์เซนต์ ซึ่งอาจจะดูเป็นเรื่องปกติ แต่ในเรื่องของโอกาสการเข้าทำที่ แมนฯ ซิตี้ ทำได้ถึง 20 ครั้งตรงกรอบ 12 ในขณะที่ ทัพปืนใหญ่ ได้จบตลอดทั้งเกมเพียง 3 ครั้ง และยังไม่เข้ากรอบเลยแม้แต่ครั้งเดียว นี่จึงเป็นการบ้านที่นายใหญ่ชาวสเปนต้องรีบนำไปแก้ไขโดยด่วนที่สุด

2. บรรยากาศในสนามคึกคักแม้ไร้แฟนบอลเข้าชม

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images

ต้องบอกเลยว่าใครที่ได้ติดตามดูการถ่ายทอดสดในนัดนี้ จะแทบไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในเรื่องของบรรยากาศหรือเสียอรรถรสในการชมเกมจากการไม่มีผู้ชมในสนามเลยแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะการที่ พรีเมียร์ลีก มีการเปิดเสียงเชียร์ของแฟนบอลให้ดังกระหึ่มเอาไว้ตลอดทั้งเกม ซึ่งเสียงเหล่านี้ยังสามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบตามความเป็นไปของเกมได้อีกด้วย นั่นจึงเป็นสิ่งที่ช่วยให้ผู้ชมทางบ้านรู้สึกเหมือนกับว่ามีแฟนบอลชมอยู่ในสนามจริง ๆ แม้ว่าบนแสตนด์จะว่างเปล่าก็ตาม

3. การพักเบรกไปนานส่งผลต่อร่างกายนักเตะ

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Pool/Getty Images

เห็นได้ชัดจากการที่ 2 นักเตะของ อาร์เซนอล ที่มีปัญหาการบาดเจ็บที่ข้อเท้าตั้งแต่ต้นเกมทั้ง กรานิท ชาก้า และ ปาโบล มารี จนทีมต้องเสียโควต้าเปลี่ยนตัวทันทีตั้งแต่ 20 นาทีแรกถึง 2 ครั้งในเวลาไล่เลี่ยกัน นอกจากนี้ในช่วงครึ่งเวลาหลังก็พอจะสังเกตุเห็นได้ถึงความเหนื่อยล้าของทั้งสองทีมที่ดูจะมีส่วนทำให้เกมช้าลงไปเล็กน้อยแม้ว่าพึ่งจะผ่านช่วง 20 นาทีสุดท้ายมาเท่านั้น

4. ลุยซ์ คือจุดเปลี่ยนสำคัญ

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Laurence Griffiths/Getty Images

อย่างที่ได้กล่าวไปว่า ปาโบล มารี กองหลังชาวบราซิลของ อาร์เซนอล ได้รับบาดเจ็บที่ข้อเท้าจนเล่นต่อไม่ไหวตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 20 และเป็น ดาวิด ลุยซ์ ปราการหลังตัวเก๋าลงมาทำหน้าที่แทน ซึ่งเขาได้สร้างความผิดพลาดอย่างร้ายแรงถึง 3 อย่างจนส่งผลให้ทีมตกเป็นรองและพ่ายแพ้ไปในที่สุดนั่นคือ 1. การจับบอลพลาดจนทำให้ สเตอร์ลิง หลุดเข้าไปยิงประตูแรก 2. ทำเสียจุดโทษจนทำให้โดนนำห่าง 2-0 ที่สำคัญกว่านั้น 3. การทำฟาวล์ในครั้งนั้นทำให้เจ้าตัวโดนใบแดงไล่ออกจากสนามทันทีตั้งแต่ต้นครึ่งหลัง จนทำให้ทีมต้องเสียเปรียบทั้งในเรื่องตัวผู้เล่นและสกอร์ที่ตามอยู่ถึง 2 ประตูตั้งแต่ช่วงนาทีที่ 50 ของการแข่งขันนั่นเอง

5. หนึ่งเดียวที่น่าพอใจ "แบรนด์ เลโน"

Manchester City v Arsenal FC - Premier League
Manchester City v Arsenal FC - Premier League / Pool/Getty Images

เกมนี้ต้องบอกว่านักเตะของ ปืนใหญ่ เล่นได้ตำกว่ามาตรฐานทุกคน เว้นเสียแต่ แบรนด์ เลโน นายทวารชาวเยอรมัน ที่วันนี้เซฟอุตลุดร่วม 8-9 ครั้ง ช่วยให้สุดท้ายทีมไม่กลับออกมาแบบยับเยินไปมากกว่านี้ ซึ่ง 3 ประตูที่เสียนั้นต้องบอกว่าหมดสิทธิจริง ๆ ทั้งลูกยิ่งจ่อ ๆ ลูกจุดโทษ รวมถึงลูกซ้ำเข้าไป เพราะนอกเหนือจากนี้ทั้งโอกาสยิงของ มาห์เรซ ซิลบา หรือแม้แต่ อเกวโร ที่แต่ละลูกแทบจะใส่สกอร์ได้เลยนั้น อดีตนายด่านจาก เลเวอร์คูเซน รายนี้ ก็ปัดป้องช่วยทีมเอาไว้ได้ทั้งหมด


สนับสนุนบทความของแท้ไม่ก็อปปี้ต้อง 90min.com เท่านั้น! *ไม่อนุญาตให้คัดลอกบทความหรือรูปภาพไม่ว่าวิธีใดๆ หากฝ่าฝืนมีความผิดตามกฏหมายที่ระบุไว้สูงสุด