
สำหรับโลกแห่งฟุตบอลแล้วต้องบอกเลยว่าไม่มีอะไรแน่นอน อย่างที่มักจะมีคำกล่าวเอาไว้เสมอว่า “เราไม่มีวันรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในโลกฟุตบอล”
โดยเฉพาะในเรื่องของฟอร์มการเล่นของนักเตะแล้ว ไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่จะเล่นดีพุ่งทะยานขึ้นสู่จุดสุดยอดได้ตั้งแต่เริ่มจนเลิก ทุกคนต้องมีวันที่ดี วันที่แย่ สลับกันไปทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าช่วงไหนจะยาวนานกว่ากัน
และทั้ง 5 คนนี้ก็คือ ซูเปอร์สตาร์จากพรีเมียร์ลีก ที่เรียกศรัทธากลับคืนมาได้อย่างเหลือเชื่อจนแฟน ๆ ต้องน้ำตาแทบไหล
5. โอลิวิเยร์ ชิรูด์ : อาร์เซนอล
สำหรับกองหน้าเจ้าของชื่อเรียกจากแฟน ๆ ชาวไทยว่า “หล่อเสยผม” คนนี้ ค่อนข้างจะถูกแฟน ๆ ดูแคลนในเรื่องของความคมเอาไว้ค่อนข้างมากตลอดมา
เพราะถึงแม้ว่าเขาจะยิงได้มากมายแค่ไหนก็ตาม ก็มักจะถูกบ่นอยู่เสมอว่ายังไม่ดีพอ ฝากความหวังไม่ได้ เล่นฟุตบอลไม่มีประโยชน์บ้าง
ฤดูกาลนี้ก็เช่นกัน เขาถูกบ่นโดยแฟนบอลฝั่งตัวเองมาตั้งแต่เปิดซีซั่น แต่หลังจากที่ทีมมีผลงานยอดเยี่ยม และเจ้าตัวก็กดไปแล้ว 18 ประตูจากทุกรายการ จึงเชื่อว่าแฟน ๆ ปืนใหญ่เกือบทั่วทั้งโลกอยากที่จะเห็นเขาลงเล่นทุก ๆ สัปดาห์เลยทีเดียว
4. เดยัน ลอฟเรน : ลิเวอร์พูล
หลังจากที่ปราการหลังชาวโครแอตคนนี้ ระเบิดฟอร์มเก่งออกมาได้ในปี 2013-14 เขาก็ถูก ลิเวอร์พูล ดึงเข้ามาร่วมทัพในซีซั่นถัดมาด้วยค่าตัวสูงถึง 20 ล้านปอนด์
แต่แล้วสิ่งที่ ลอฟเรน ตอบแทนให้กับความคาดหวังของแฟนบอลและผู้จัดการทีมก็คือการเล่นที่ไม่เอาไหน ทางบอลมั่ว วิ่งสะเปะสะปะ ประกบใครก็ไม่อยู่ จนถูกด่าถูกล้อจาก เดอะ ค็อป ทั่วโลก รวมถึงแฟนบอลทีมอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน
มาวันนี้ วันที่ทัพหงส์แดงอยู่ภายใต้การคุมทีมของกุนซือจอมห้าวอย่าง เจอร์เกน คล็อปป์ อดีตแข้งนักบุญก็ได้รับความเชื่อมั่นจากนายใหม่ของเขาและก็กลับมายืนป้องกันปากประตูได้อย่างแข็งแกร่งอีกครั้งจนน่าจะก้าวขึ้นมาเป็น เบอร์ 1 ของทีมแทน สเคอร์เทล ได้ในเร็ว ๆ นี้แน่นอน
3. จอห์น โอบี มิเกล : เชลซี
สำหรับ โอบี มิเกล นั้นในวันที่เขาย้ายมาอยู่กับทีมเมื่อปี 2006 ก็ถูกยกให้เป็นมิดฟิลด์คนสำคัญที่ทีมจะขาดไปไม่ได้เลยในแต่ละเกม แต่เมื่อกาลเวลาล่วงเลยผ่านมา เขาก็ค่อย ๆ ถูกลดความสำคัญลงไปเป็นคนที่ถูกเรียกว่า “ตัวสำรองตลอดชาติ” ในที่สุด
โอบี มิเกล มักจะใช้เวลาอยู่บนม้านั่งสำรองอย่างอดทน และเปี่ยมไปด้วยความเป็นมืออาชีพ เขาไม่เคยบ่นออดแอด ไม่เคยงอแง ว่าทำไมตัวเองไม่ได้รับการดูแลที่ดีเท่าคนอื่น ๆ แต่นั่นก็ถือเป็นการพิสูจน์ตัวเองอย่างหนึ่งเช่นกัน
มาถึงวันนี้ หลังจากที่ กุส ฮิดดิงก์ ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีมคนใหม่ เขาก็มองเห็นสิ่งทีมีอยู่ในตัวของ มิเกล และได้ยืนยันว่านี่แหละคือมิดฟิลด์คนสำคัญที่สุดของทีม และส่งลงสนาม ซึ่งแน่นอนว่า แข้งอินทรีมรกตคนนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังเลยแม้แต่นิดเดียว จนเด็กสิงห์ต้องอึ้งไปตาม ๆ กัน
2. เวย์น รูนีย์ : แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
นับตั้งแต่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางมือจากการเป็นผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไป คุณภาพหลาย ๆ อย่างของทีมก็ค่อย ๆ ลดน้อยถอยลงไป รวมถึงฟอร์มของ เวย์น รูนีย์ ด้วย
และยิ่งในยุคของ หลุยส์ ฟาน กัล แล้ว “เสี่ยหมู” เหมือนจะถูกเลือกให้เป็นหนูทดลองเพื่อสนองความคลั่งปรัชญาของ ขรัวเฒ่าชาวดัตช์ เพราะถูกย้ายตำแหน่งไปมาจนมั่ว เพราะขนาดมิดฟิลด์ตัวรับยังเคยยืนมาแล้ว
ต้นซีซั่นนี้ ฟอร์มของ รูนีย์ เรียกได้ว่าอยู่ในขั้น “พัง” จนไม่เหลือชิ้นดี ทุก ๆ เกมที่เขาลงเล่นนั้นเอื้อประโยชน์...ต่อฝ่ายตรงข้ามอย่างสูงสุด จนไม่มีใครอยากจะเห็นเขาอีกต่อไป แต่แล้วหลังปีใหม่เป็นต้นมา เสี่ยหมู ก็กระหน่ำไปแล้ว 4 ประตู จากทุกรายการในแบบที่ไม่มีกองหน้าระดับโลกคนไหนทำได้เลย ตั้งแต่เข้าปี 2016 มา
1. โจ อัลเลน : ลิเวอร์พูล
ปีแรกที่ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส ย้ายมาคุมทีมลิเวอร์พูล เขาก็ได้ดึงเอาลูกน้องคนเก่งสมัยอยู่สวอนซี อย่าง โจ อัลเลน ติดพ่วงมาด้วย 1 คน ซึ่งแข้งเวลส์ ก็ทำผลงานได้ยอดเยี่ยมสมราคาในซีซั่นนั้น ก่อนจะค่อย ๆ พังลงเรื่อย ๆ จนถูกเอามาล้อกันอย่างครื้นเครง
เวลาผ่านไปราว 2 ปี ฟอร์มของ อัลเลน ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้น แต่เขาก็ยังหนังเหนียวและอยู่กับทีมมาจนในกระทั่ง วันที่ 5 มกราคม 2559 เขาก็โชว์ลูกจ่ายสุดมหัศจรรย์ให้ ไอบ์ ซัดประตูชัยเฉือนชนะ สโต๊ค ในศึกแคปิตอล วัน คัพ ได้สำเร็จ
และอีก 8 วันต่อมา เขาก็ถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองในเกมพบอาร์เซนอล และก็ยิงประตูตีเสมอ 3-3 ได้ในนาทีที่ 90 กู้ชีวิตหงส์แดงให้กลับมามีลมหายใจได้อย่างเหลือเชื่อ
ถึงแม้ว่าจะมีคนอีกมากกว่า 50% ทั่วโลก สงสัยว่าเขาจะรักษาฟอร์มให้ดีต่อเนื่องได้หรือเปล่า แต่เชื่อว่าไม่มีใครเลยแม้แต่คนเดียวที่จะสงสัยในความเป็น “มหาเทพอัลเลนซิอุส” ของเขาอีกต่อไปแล้ว